วันจันทร์ ที่ 24 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กรณีศึกษาที่ใช้กฎหมายเป็นแกนกลาง
สเปนและชิลี:
เป็นตัวอย่างสำคัญที่แสดงให้เห็นว่าการเปลี่ยนผ่านจากระบอบเผด็จการทหารไปสู่ประชาธิปไตย สามารถอาศัยการปฏิรูปและบังคับใช้รัฐธรรมนูญใหม่เป็นกลไกหลัก
ญี่ปุ่นหลังสงครามโลกครั้งที่สอง: ญี่ปุ่นได้นำประชาธิปไตยแบบพหุนิยมมาใช้หลังการเปลี่ยนแปลงทางรัฐธรรมนูญที่เข้มแข็ง ซึ่งเป็นส่วนหนึ่งของการปฏิรูปที่นำไปสู่การจัดตั้งสถาบันประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งขึ้น
เกาหลีใต้ (การปฏิรูปศาลรัฐธรรมนูญ) :เกาหลีใต้ได้นำระบบศาลรัฐธรรมนูญมาใช้ในปี 1987เพื่อตอบสนองความต้องการที่แข็งแกร่งของประชาชนในการรับรองหลักนิติรัฐและสิทธิขั้นพื้นฐาน
ศาลรัฐธรรมนูญในระบบนี้ (ซึ่งนำต้นแบบมาจากเยอรมนี) มีบทบาทสำคัญในการคุ้มครองรัฐธรรมนูญและสิทธิของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม การก่อตั้งสถาบันตุลาการที่มีอำนาจเฉพาะในการตีความและบังคับใช้รัฐธรรมนูญจึงเป็นกลไกสำคัญในประเทศที่กำลังเปลี่ยนผ่านสู่ประชาธิปไตย
บทเรียนเหล่านี้เน้นย้ำว่า : การปฏิรูปในสังคมไทยจะต้องเริ่มต้นด้วยการร่างหรือแก้ไขรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ที่กำหนดกติกาการใช้อำนาจอธิปไตยอย่างชัดเจน และเน้นการคุ้มครองสิทธิและเสรีภาพของประชาชนอย่างเป็นรูปธรรม
บทที่ 2 : แนวทางและนโยบาย: ยุทธศาสตร์หลักในการปฏิรูปกฎหมาย
ยุทธศาสตร์ในการสร้างประชาธิปไตยที่ยั่งยืนในสังคมไทยต้องไม่จำกัดอยู่เพียงแค่การเลือกตั้งหรือการต่อสู้ทางการเมืองเท่านั้น แต่ต้องใช้หลักนิติรัฐและกระบวนการยุติธรรมเป็นกลไกนำที่สามารถสร้างความชอบธรรมและเสถียรภาพในระยะยาวได้
2.1 ยุทธศาสตร์หลัก : การใช้กฎหมายและกระบวนการยุติธรรมนำทางการเมือง
การเปลี่ยนแปลงต้องดำเนินไปอย่างมีแนวทางและยุทธศาสตร์ โดยมีกฎหมาย เศรษฐกิจ และกระบวนการยุติธรรมเป็นเครื่องมือหลักในการนำทาง การเปลี่ยนจุดเน้นจาก “ผู้มีอำนาจ”เป็น “กฎกติกา”แนวทางการปฏิรูปต้องเปลี่ยนจากการช่วงชิงอำนาจระหว่างกลุ่มผู้นำไปสู่การสร้างฉันทามติเกี่ยวกับกติกาพื้นฐาน. การเคลื่อนไหวโดยสันติวิธีที่ได้รับการสนับสนุนอย่างต่อเนื่องและกว้างขวางจากภาคประชาชนมีประวัติที่ดีกว่าในการวางรากฐานสำหรับการเปลี่ยนแปลงประชาธิปไตย เพราะสร้างพลเมืองที่มีส่วนร่วมอย่างลึกซึ้งและองค์กรพลเรือนที่มีความมั่นคง.
ดังนั้น, การปฏิรูปกฎหมายจึงต้องอาศัยกระแสความต้องการของมวลชนเป็นพลังพื้นฐาน แต่ต้องใช้ปัญญาและวิชาการในการกำหนดทิศทาง นโยบายการจำกัดและตรวจสอบอำนาจรัฐระดับสูงหนึ่งในข้อเรียกร้องที่สำคัญและตรงจุดที่สุดคือ :การสร้างความเด็ดขาดในการลงโทษนักการเมืองระดับสูงที่กระทำความผิด
การปฏิรูปกฎหมายรัฐธรรมนูญจึงต้องเน้น
การจำกัด ลดอำนาจ และกำหนดโทษที่รวดเร็วและเด็ดขาดสำหรับผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองระดับหัว เช่น นายกรัฐมนตรี รัฐมนตรี สส. และ สว. หากมีการโกงกิน การใช้อำนาจรัฐไม่ชอบธรรม หรือการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรม
การสร้างกลไกตรวจสอบอำนาจรัฐใหม่จึงเป็นสิ่งจำเป็น โดยเฉพาะการจัดตั้งองค์กรอิสระหรือสถาบันต่างๆ (เช่น ศาลรัฐธรรมนูญ, องค์กรต่อต้านการทุจริต) ที่มีอิสระและมีอำนาจในการตรวจสอบและถ่วงดุลอำนาจระหว่างฝ่ายบริหาร นิติบัญญัติ และตุลาการอย่างแท้จริง
2.2 การปฏิรูปกฎหมายเพื่อส่งเสริมความเป็นธรรมทางเศรษฐกิจและสวัสดิการ
ประชาธิปไตยที่ยั่งยืนไม่ได้เกิดขึ้นได้ด้วยการเมืองเพียงอย่างเดียว แต่ต้องแก้ปัญหาความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจควบคู่กันไป ประเทศที่เปลี่ยนผ่านมักมีการปรับปรุงกฎหมายหลายด้านเพื่อส่งเสริมการเข้าถึงความยุติธรรมอย่างเท่าเทียมและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจ
การลดความเหลื่อมล้ำทางโครงสร้างและสวัสดิการ
ระบบเศรษฐกิจ :
ต้องมีการปรับปรุงกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับระบบภาษีและการถือครองทรัพย์สินอย่างจริงจัง เพื่อส่งเสริมการกระจายรายได้อย่างเป็นธรรมมากขึ้นและลดความเหลื่อมล้ำทางเศรษฐกิจในเชิงโครงสร้าง การเปลี่ยนแปลงนี้จะช่วยลดแรงจูงใจให้กลุ่มทุนขนาดใหญ่ต้องเข้าสู่การเมืองเพื่อแสวงหาผลประโยชน์อย่างมิชอบ (Rent-Seeking)ซึ่งเป็นสาเหตุสำคัญของการทำลายระบบการเลือกตั้งที่ไม่สุจริต
สวัสดิการสังคม :
กฎหมายต้องมุ่งเน้นการสร้างความมั่นคงในการดำรงชีวิตของประชาชน เช่น การปรับปรุงการดูแลด้านสาธารณสุขให้ทั่วถึง และการส่งเสริมการออมเพื่อรองรับสังคมผู้สูงอายุที่กำลังจะมาถึงการมีสวัสดิการสังคมที่ดีจะช่วยยกระดับคุณภาพชีวิตของประชาชนและสร้างฐานรากทางเศรษฐกิจที่มั่นคงสำหรับการพัฒนาพลเมืองที่มีคุณภาพต่อไป
2.3 การสร้างความชอบธรรมทางการเมืองผ่าน “ประชาธิปไตยประยุกต์” การยอมรับอิทธิพลของตะวันตกที่เข้ามาจำกัดการเปลี่ยนแปลงในสังคมไทย ถือเป็นแนวคิดอันตรายที่ครอบงำผู้นำและประชาชน การปฏิรูปต้องอาศัยความกล้าหาญในการ “ประยุกต์” แนวคิดประชาธิปไตยให้สอดคล้องกับสังคมไทยอย่างแท้จริง การประยุกต์ใช้แนวคิดประชาธิปไตยต้องคำนึงถึงบริบททางสังคมไทย และต้องหาแนวทางที่สอดประสานกับสถาบันหลักที่มีคุณูปการต่อสังคมไทยในการถ่วงดุลและแก้ไขวิกฤตที่ผ่านมาในหลายกรณี การกำหนดบทบาทของสถาบันหลักให้อยู่ภายใต้กรอบรัฐธรรมนูญที่ชัดเจนในการเป็นกลไกถ่วงดุลในยามวิกฤตจะช่วยสร้างสมดุลและลดการเผชิญหน้า โดยต้องหลีกเลี่ยงการก้าวก่ายอำนาจบริหารและนิติบัญญัติในภาวะปกติ
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย

ผอ.สจป.4 (ตาก) ร่วมตรวจยึดไม้ประดู่แปรรูป ของกลาง 32 แผ่น
หนักสุดรอบ 300 ปี ฝนถล่ม'หาดใหญ่' กรมชลฯเร่งระบายน้ำเต็มสูบ
ได้ใช้ยามจำเป็น! รพ.ปัตตานีนำรถบรรทุก 6 ล้อช่วยรับ-ส่งปชช.จากน้ำท่วมหาดใหญ่กลับปัตตานี
นายกฯ เยี่ยมประชาชนที่ศูนย์พักพิง ทำอาหารให้ผู้ประสบภัยน้ำท่วม (มีคลิป)
แกนนำภท. สยบลือ'สนธยา-สุชาติ'ถกเครียดแย่งเขต1 ชี้ 10 เขต ชลบุรี จบลงตัวแล้ว

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี