มีประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจก็คือ ขณะที่บรรยากาศเลือกตั้งต้นปีหน้ากำลังคึกคัก และร้อนแรงแต่ผลการสำรวจของนิด้าโพลกลับพบว่า คนกรุงเทพฯ ร้อยละ 47.25 ยังหาคนเหมาะสมที่จะให้เป็นนายรัฐมนตรีไม่ได้เลย หรือแม้แต่พรรคการเมือง ร้อยละ 40.20 ยังไม่รู้ด้วยซ้ำไปว่าจะไปหย่อนบัตรให้พรรคการเมืองไหนในวันที่8 กุมภาพันธ์ 2569 นี้

ปรากฏการณ์นี้ ไม่ใช่เพิ่งจะเกิดขึ้น แต่มันเคยมีผลสำรวจออกมาหลายครั้งแล้ว เป็นภาพรวมจากทั่วประเทศด้วยซ้ำ แต่สำหรับครั้งล่าสุดนี้ทางนิด้าโพลให้น้ำหนักเฉพาะคนกรุงเทพฯ ผลก็ออกมาอย่างที่เห็น เพียงแต่โพลรอบนี้ น่าคิดว่าทำไมยิ่งใกล้เลือกตั้ง เปอร์เซ็นต์ไม่รู้ว่าจะเลือกให้ใครเป็นนายกรัฐมนตรีหรือพรรคไหน ยังเพิ่มสูงขึ้นอย่างมีนัยสำคัญ

ทั้งๆ ที่ตอนนี้ แต่ละพรรคการเมือง ต่างทยอยเปิดตัวแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี บรรดาว่าที่ผู้สมัครสส.ทั้งระบบแบ่งเขตเลือกตั้ง และระบบบัญชีรายชื่อ รวมไปถึงนโยบายหาเสียง ก็อัดโฆษณาชวนเชื่อกันมาสักพักหนึ่งแล้ว พอจะเห็นหน้าค่าตาว่าใครเป็นใคร แต่ทำไมคนกรุงเทพฯ ซึ่งได้ขึ้นชื่อว่าไวต่อทิศทางการเมืองมาก กลับมีความรู้สึกลังเล ยังหาคนที่ใช่ กับพรรคที่ชอบไม่ได้

การที่ประชาชนยังไม่เทใจให้พรรคใดพรรคหนึ่งอย่างชัดเจนนั้น ในมุมของนักการเมือง พวกเขาอาจมองว่า มันเป็นโอกาสทองที่ยังเปิดกว้างให้มีเวลาฉกฉวยสร้างคะแนนนิยมอย่างเอาเป็นเอาตายในช่วงเวลาที่เหลืออยู่ไม่มากก่อนหย่อนบัตรแต่อีกมุมหนึ่ง ก็มีคำถามแทรกกลางขึ้นมาว่านี่คือปรากฏการณ์ปกติของภาพรวมการเมืองไทยหรือไม่

คงต้องรอให้การสมัครรับเลือกตั้ง สส.ทั้งสองแบบเสร็จสิ้นกันไปก่อนในช่วงสิ้นปีนี้ จากนั้นในช่วงหลังปีใหม่เป็นต้นไป การหาเสียงคงจะดุเดือดขึ้นตามลำดับ ถึงตอนนั้นใครมีกลยุทธ์อย่างไรก็คงจะงัดออกมาใช้หมดไส้หมดพุง โดยเฉพาะในช่วงโค้งสุดท้าย ค่อยมาดูตัวเลขนี้กันอีกทีว่า จะลดลงหรือเพิ่มขึ้นอีกมากน้อยแค่ไหน

อย่างไรก็ตาม หากให้ประเมินตามสถานการณ์ และอารมณ์ของประชาชนตอนนี้ เป็นเรื่องที่น่าวิตกเหมือนกัน เพราะที่ผ่านๆ มานั้น ทั้งพฤติกรรมสะสมต่างๆ ของแต่ละรัฐบาล พรรคการเมือง และของนักการเมืองเอง ทำให้ประชาชนรู้สึกเบื่อหน่าย เอือมระอา และรู้สึกไม่ไว้วางใจ จนกลายเป็นกระแสวิกฤตศรัทธาอย่างรุนแรง

พอมาถึงรอบนี้ ต้องยอมรับว่าการเลือกตั้งที่กำลังจะมีขึ้น ทับอยู่บนวิกฤตซ้อนวิกฤตจนคนไทยหายใจกันแทบไม่ออก ไม่ว่าจะเป็นปัญหาเศรษฐกิจ ปัญหาปากท้อง โดยเฉพาะอย่างยิ่งปัญหาวิกฤตสถานการณ์สู้รบชายแดนไทย-กัมพูชา ที่ไม่รู้ว่าจะสงบจริงๆ เมื่อไหร่ ขณะที่ยังมีข่าวเศร้าบาดลึกในความรู้สึกของคนไทยจากการบาดเจ็บ และเสียชีวิตของทหารอยู่เป็นระยะ

วันนี้ แม้พรรคการเมืองจะอวดอ้างความเก่งกล้าสามารถของแคนดิเดตนายกรัฐมนตรี หรือชูนโยบายสวยหรูเพื่อหาเสียงใดๆ ก็ตาม แต่สำหรับประชาชนกลุ่มใหญ่กลุ่มหนึ่งนั้น พวกเขาเฝ้ามองอย่างรู้เท่าทัน ยังไม่เชื่อว่าจะทำได้อย่างที่พูดไว้ จึงมีเสียงในหัวถามดังๆ เหมือนเดิมว่า มันถึงเทศกาลแหกตาอีกแล้วใช่หรือไม่ นี่คือโจทย์ใหญ่ที่นักการเมืองต้องหาคำตอบให้กับคนที่ยังไม่รู้ว่าจะเลือกใครหรือพรรคไหนดี