สมรภูมิชายแดนไทย-กัมพูชา ล่วงเลยมาเกือบ 20 วันแล้ว ยังบอกไม่ได้ว่าจะยุติลงเมื่อไหร่ และอย่างไร แต่หากประเมินในมุมของฝั่งกองทัพไทย สถานการณ์สู้รบคืบหน้าเป็นไปในทิศทางบวก ถึงแม้ว่าแนวรบหลายพื้นที่ยังคงตึงเครียด แต่ระดับการปะทะเริ่มประปราย และเบาบางลงไปมาก ขณะที่บางพื้นที่ไม่พบความเคลื่อนไหวที่มีนัยสำคัญ

ขณะเดียวกัน เรายังสามารถยึดพื้นที่เป้าหมายหลายจุดกลับคืนแผ่นดินไทยได้อย่างสมบูรณ์ พร้อมชักธงชาติไทยขึ้นสู่ยอดเสาสำเร็จ ล่าสุดคือยึดเนิน 350 จุดยุทธศาสตร์สำคัญใกล้ๆ กับพื้นที่ปราสาทตาควายได้แล้ว หลังจากเปิดศึกช่วงชิงชัยภูมิสูงข่มตรงนี้อยู่หลายวัน จากนี้ไปหากไม่มีการแทรกแซงจากภายนอกเข้ามา การปิดเกมรบรอบใหม่นี้ก็คงอีกไม่นาน

ที่ห่วงว่าจะมีปัจจัยภายนอกเข้ามาแทรกแซงนั้น ก็อาจเป็นไปได้ในหลายกรณีด้วยกัน หนึ่งในนั้นก็คือ การยื่นมือเข้ามาของประเทศที่สาม-สี่-ห้า หรือองค์กรนานาชาติ ซึ่งตอนนี้ไทยเรายังรับมือไหวและยังสามารถวางระดับปัญหาขัดแย้งอยู่ในจุดที่อธิบายต่อประชาคมโลกได้อย่างเต็มปากว่า นี่คือการปกป้องตัวเอง และปกป้องความปลอดภัยของประชาชน

การวางจุดขัดแย้งให้อยู่ในกรอบกติกาสากลดังกล่าว ถือว่าเป็นหัวใจสำคัญของการจัดการปัญหาชายแดนครั้งนี้ ทำให้ที่ผ่านมายังไม่มีการแทรกแซงใดๆ อย่างเป็นรูปธรรม อย่างมากก็แค่การออกมาแสดงจุดยืนเพื่อให้ทั้งสองประเทศ กลับเข้าสู่โต๊ะเจรจา และฟื้นฟูสันติภาพ ซึ่งนั่นต้องขึ้นอยู่ฝ่ายกัมพูชาอย่างเป็นด้านหลักด้วย ไม่ใช่ไทยฝ่ายเดียว

จุดยืนของนายอนุทิน ชาญวีรกูล นายกรัฐมนตรี และรมว.มหาดไทย ที่ได้ประกาศออกไปไม่ว่ากับสหรัฐฯ หรือล่าสุดเป็นจีนที่เข้ามาประสานเป็นตัวกลางไกล่เกลี่ย ก็คือ หากจะให้มีการเจรจาจริงๆ พวกท่านต้องไปบอกฝ่ายกัมพูชาให้หยุดยิง และหยุดทำร้ายประเทศไทยก่อน ถือเป็นเรื่องชัดเจนตามสถานการณ์

ที่ผ่านมา ฝ่ายไทยยืนยันมาโดยตลอดและต้องการสันติภาพยั่งยืนแท้จริง วางทางออกไว้ให้ 3 ข้อรอแค่ความจริงใจจากกัมพูชาเท่านั้นคือ 1.กัมพูชาต้องเป็นฝ่ายประกาศหยุดยิงก่อนในฐานะที่เป็นประเทศโจมตีอีกประเทศ 2.การหยุดยิงจะต้องเกิดขึ้นจริงและต่อเนื่อง และ 3.กัมพูชาจะต้องแสดงความจริงใจในการร่วมมือกับฝ่ายไทย เก็บกู้ทุ่นระเบิด เป็นสิ่งที่ฝ่ายไทยรับไม่ได้และต้องแก้ไขปัญหาร่วมกัน

การประชุมรัฐมนตรีต่างประเทศอาเซียนสมัยพิเศษ ที่ประเทศมาเลเซีย ในวันที่ 22 ธันวาคมนี้ โดยมีนายสีหศักดิ์ พวงเกตุแก้ว รมว.การต่างประเทศ เป็นแม่ทัพใหญ่ นําคณะผู้แทนไทยประกอบด้วย ผู้แทนกระทรวงการต่างประเทศ และหน่วยงานความมั่นคง เดินทางไปเข้าร่วมการประชุมครั้งนี้ เป็นเรื่องที่ชวนจับตาอย่างยิ่ง เพราะนี่คือการจับโจรผู้นำกัมพูชาอย่างเป็นทางการ

นางมาระตี นะลิตา อันดาโม รองโฆษกประจำกระทรวงการต่างประเทศ ย้ำว่า เวทีอาเซียนเป็นเวทีที่สําคัญ เป็นเวทีที่จะเป็นคุณกับไทย และเป็นโอกาสให้เราสามารถแสดงท่าทีชี้แจงข้อมูลหลักฐานทุกสิ่งทุกอย่างที่เกิดขึ้นที่ทางการไทยได้รวบรวมตั้งแต่เกิดเหตุรอบที่ 2 ขอให้ประชาชนมีความมั่นใจว่าท่าทีของไทยยืนอยู่บนหลักฐานและข้อเท็จจริงที่ปฏิเสธไม่ได้