วันจันทร์ ที่ 22 ธันวาคม พ.ศ. 2568
•กาลเวลากับชีวิตมนุษย์: คุณค่าและความหมายแห่งการดำรงอยู่
คำถามสำคัญที่มนุษย์มักถามตนเองเมื่อล่วงเข้าสู่วัยแห่งการตกผลึกคือ
“เราควรใช้เวลาทำอะไร ให้มีคุณค่าและความหมายที่สุด?”
เพื่อตอบคำถามนี้ เราจำต้องเดินทางย้อนกลับไปทำความเข้าใจกับ “เวลา”
ตั้งแต่จุดกำเนิดจนถึงวาระสุดท้ายของชีวิต
๑. มารู้จักเวลากัน: สายธารแห่งจักรวาล
เวลาคืออะไร?
ในทางปรัชญา เวลาคือมิติแห่งการเปลี่ยนแปลง
หากไม่มีการเปลี่ยนแปลง ก็ไม่มีเวลา
เวลาเกิดขึ้นได้อย่างไร?
ในทางวิทยาศาสตร์ เวลาถือกำเนิดขึ้นพร้อมกับ “บิ๊กแบง”
การระเบิดครั้งใหญ่ที่ก่อให้เกิด จักรวาลและโลก
สรรพสิ่งล้วนเดินทางผ่านกาลเวลา
ดวงดาวเกิดและดับ โลกหมุนรอบตัวเองก่อให้เกิดวันคืน
เมื่อพิจารณา เวลากับมนุษย์
เราเป็นเพียงผู้สังเกตการณ์เล็กๆ
ที่สมมุติหน่วยนับเวลาขึ้นมา-วินาที นาที ชั่วโมง-เพื่อจัดระเบียบสังคม
แต่เนื้อแท้แล้ว เวลาคือทรัพยากรเดียวที่ทุกคนได้รับมาอย่างจำกัด
และไม่สามารถสะสมหรือหยุดยั้งได้
สิ่งสำคัญที่ควรรู้คือ เวลาไม่เคยรอใคร และมันเดินไปข้างหน้าเสมอ
๒. เวลากับมนุษย์: วัฏจักรแห่งชีวิต
เวลาสัมพันธ์แนบแน่นกับการกำเนิดและการพัฒนาของมนุษย์
ตั้งแต่บรรพบุรุษจนถึงปัจจุบัน
แต่สิ่งที่เห็นชัดที่สุดคือ
ช่วงชีวิตของคนคนหนึ่ง : ซึ่งเปรียบเสมือนการเดินทางผ่านฤดูกาลต่างๆ :
- รุ่งอรุณแห่งชีวิต (ปฐมวัย) :
เริ่มต้นที่ การปฏิสนธิ เวลา ๙ เดือนในครรภ์มารดา คือ
การเตรียมความพร้อม สู่การเป็น ทารก ที่พึ่งพาตนเองไม่ได้
ช่วงเวลานี้คือช่วงเวลาแห่งการรับ ความรักและการทะนุถนอม
- ช่วงเวลาแห่งการเติบโต (วัยเรียนรู้): เมื่อเริ่มพึ่งพาตนเอง ได้
การพัฒนาการทางร่างกายและสมองก้าวหน้าเข้าสู่วัยเรียนรู้
เวลาส่วนใหญ่ถูกใช้ไปกับการศึกษา การเล่น และการค้นหาตัวตน
- แสงแดดจ้าแห่งชีวิต (วัยทำงานและสร้างครอบครัว):
เข้าสู่ ช่วงทำงาน และ เป็นผู้ใหญ่สร้างฐานะ
นี่คือช่วงเวลาที่มนุษย์ใช้พลังงานมากที่สุด
ทั้งเพื่อความสำเร็จส่วนตนและเพื่อครอบครัว แต่งงานมีลูก สืบเผ่าพันธุ์
บางท่านอาจจัดสรรเวลาสำหรับการบวชเรียน
เพื่อศึกษาธรรมะ ขัดเกลาจิตใจให้ผ่องใส
- ยามเย็นและพลบค่ำ (ปัจฉิมวัย) :
เมื่อเข้าสู่ วัยชรา สังขารเริ่มถดถอย อาจเผชิญ ช่วงป่วยไข้
ซึ่งเป็นเครื่องเตือนสติให้เห็นความไม่เที่ยง
จนกระทั่งถึงวาระสุดท้าย ช่วงจากไป
ซึ่งเป็นปลายทางที่เวลาของกายหยาบสิ้นสุดลง แต่เวลาในความทรงจำของผู้ที่ยังอยู่ยังคงดำเนินต่อไป
๓. เวลากับชีวิต: ห้วงอารมณ์และความรู้สึก
เวลาในความรู้สึกของมนุษย์นั้นยืดหดได้ตาม “อารมณ์”:
- เวลาแห่งความสุข:
ยามดีใจหรือสมหวัง เวลามักผ่านไปไวเสมอเหมือนติดปีกบิน
- เวลาแห่งความทุกข์:
ยามเสียใจ ล้มเหลว หรือสูญเสีย เวลาแต่ละวินาทีช่างยาวนานและทรมาน
- เวลาแห่งความรักและอุดมคติ:
เป็นช่วงเวลาที่ทรงพลัง เมื่อเรามีความรัก หรือมี อุดมคติต่อบ้านเมือง
เรามักทุ่มเทเวลาทั้งชีวิตเพื่อสิ่งนั้นโดยไม่เหน็ดเหนื่อย
- ความสำเร็จและความล้มเหลว:
เวลาที่ทำงานสำเร็จ นำมาซึ่งความภาคภูมิใจ
แต่เวลาที่ล้มเหลว กลับให้บทเรียนที่มีค่ายิ่งกว่า
- เวลาแห่งความสงบ:
คือช่วงเวลาที่จิตนิ่ง ว่างเว้นจากความวุ่นวาย
เป็นเวลาที่มนุษย์เข้าถึงความจริงของชีวิตได้ดีที่สุด
๔. ช่วงการสรุปบทเรียนและพัฒนาตนเอง
เพื่อให้เวลาที่ผ่านไปไม่สูญเปล่า เราต้องรู้จัก การสรุปบทเรียนและพัฒนาตนเอง:
๑.หลักการสรุปบทเรียน:
ต้องตั้งอยู่บนความจริง ไม่เข้าข้างตนเอง
มองให้เห็นเหตุและผลของสิ่งที่เกิดขึ้น เพื่อนำไปปรับปรุงแก้ไข
๒.การพัฒนาตนเอง:
ต้องทำอย่างต่อเนื่อง (Lifelong Learning)
เปิดใจรับสิ่งใหม่ แม้วัยจะล่วงเลย
๓. หลักการอ่านและเขียน:
*การอ่าน: คือการย่อเวลาเรียนรู้จากประสบการณ์ของผู้อื่น
*การเขียนจดหมายและบันทึกประจำวัน: คือการสนทนากับตนเองและผู้อื่น
เป็นการหยุดเวลาไว้ในตัวอักษร เพื่อทบทวนความคิดและความทรงจำ
*การเขียนหนังสือให้มีคุณค่า:
ต้องเขียนจาก “ความจริง” และ “ความปรารถนาดี”
กลั่นกรองจากประสบการณ์ที่ตกผลึก เพื่อให้ผู้อ่านได้รับประโยชน์และปัญญา
บทสรุป
เวลาคือของขวัญที่ล้ำค่าที่สุด
การใช้เวลาให้มีความหมายจึงไม่ใช่การเร่งรีบทำทุกอย่าง
แต่คือการใช้ทุกวินาทีด้วย “สติ” รู้ตื่นในการทำหน้าที่-
หน้าที่ต่อตนเอง ต่อครอบครัว และต่อสังคม
เมื่อถึงเวลาต้องจากไป
เราจะจากไปพร้อมกับรอยยิ้มที่ได้ฝากคุณงามความดีไว้ในรอยจำของกาลเวลา
ชัยวัฒน์ สุรวิชัย

ปีใหม่ม้งบ้านปางเกี๊ยะ สืบสานวัฒนธรรม-อนุรักษ์กีฬาชนเผ่าม้ง
ทางออกใหม่คนไทย! จตุพรนำทัพเปิดพรรค 'โอกาสใหม่'ย้ำจุดยืน บริหารประเทศไม่ใช่เล่นการเมือง
‘ในหลวง’โปรดเกล้าฯให้ผู้ว่าฯอุบลฯ เชิญดอกไม้-ตะกร้าสิ่งของพระราชทานมอบแก่กำลังพลที่บาดเจ็บ
ต้าห์อู๋ เล่าความรู้สึก หลังขึ้นโชว์พิธีปิดซีเกมส์ 2025
ส่องบิ๊กเนมปาร์ตี้ลิสต์ภูมิใจไทย บ้านใหญ่พรึ่บ 'รมต.-นายกเบี้ยว' ลงด้วย

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี