วันพฤหัสบดี ที่ 18 ธันวาคม พ.ศ. 2568
จากจุดเริ่มต้นที่พยายามนำเสนอภาพลักษณ์ของพรรคคนรุ่นใหม่ ผู้มาพร้อมกับคำว่า“ความเปลี่ยนแปลง” พรรคประชาชน (และอดีตพรรคก้าวไกล) ได้สร้างกระแสความหวังให้แก่กลุ่มคนที่มองหาทางเลือกใหม่ในสังคมไทยแต่เมื่อเวลาผ่านไป เส้นทางที่พรรคนี้เลือกเดินกลับเริ่มเผยให้เห็นร่องรอยของความขัดแย้งที่ลึกซึ้งยิ่งขึ้น จนกลายเป็นคำถามสำคัญที่สังคมไทยต้องกลับมาทบทวนว่า “ความเปลี่ยนแปลง” ที่ว่านั้น คือ “การพัฒนา” หรือคือ “การทำลายรากฐาน “ที่มั่นคงของชาติกันแน่
ตลอดระยะเวลาที่ผ่านมา สิ่งที่พรรคนี้ฝากไว้ดูเหมือนจะเป็นการสร้างความแตกแยกในสังคมไทยมากกว่าการสร้างความสมานฉันท์ นโยบายที่มุ่งเน้นการแก้ไขกฎหมายอาญามาตรา 112 ซึ่งเป็นเกราะคุ้มกันสถาบันหลักของชาติ รวมถึงความพยายามที่จะยกร่างรัฐธรรมนูญใหม่ทั้งฉบับ ได้กลายเป็นชนวนเหตุสำคัญที่สร้างความร้าวฉานระหว่างคนต่างรุ่นและต่างความคิด ทั้งที่รัฐธรรมนูญปี 2560 ที่พวกเขาพยายามจะล้มล้างนั้น คือผลลัพธ์จากเจตนารมณ์ของประชาชนถึง 16.8 ล้านเสียง ผ่านการลงประชามติอย่างถูกต้องตามระบอบประชาธิปไตย การเพิกเฉยต่อเสียงส่วนใหญ่ในครั้งนั้น จึงเป็นการย้อนแย้งในตัวเองของพรรคที่อ้างว่า “ศรัทธาในเสียงประชาชน”
อีกหนึ่งยุทธศาสตร์ที่น่ากังวล คือความพยายามลดทอนความแข็งแกร่งของกองทัพในทุกรูปแบบ ไม่ว่าจะเป็นการตัดลดงบประมาณกลาโหม หรือการใช้ไอโอทางวาทกรรมที่มุ่งเป้าให้ประชาชนมองเห็นว่ากองทัพเป็นสิ่งที่ไม่จำเป็น คำถามประเภท “มีทหารไว้ทำไม” หรือ “ไปรบกับใครก็ไม่ชนะ” ถูกหยิบยกมาสื่อสารซ้ำๆ เพื่อสร้างภาพลักษณ์เชิงลบและด้อยค่าเกียรติภูมิของชายชาติทหาร
แต่ในความเป็นจริง สิ่งที่พรรคประชาชนอาจจงใจมองข้าม คือการทำหน้าที่อย่างเข้มแข็งของทหารหาญที่กำลังปฏิบัติหน้าที่อยู่ตามแนวชายแดน ในป่าลึก และในพื้นที่เสี่ยงภัย พวกเขาเหล่านั้นคือปราการด่านแรกที่ปกป้องประชาชนจากศัตรูภายนอก ภัยแทรกซึม และปัญหายาเสพติด การที่พรรคการเมืองพยายามทำให้กองทัพอ่อนแอลง เพียงเพื่อผลประโยชน์ทางการเมืองของตนเอง จึงเป็นเรื่องที่สุ่มเสี่ยงต่อความมั่นคงของประเทศอย่างยิ่ง
เมื่อไม่นานมานี้ เราได้เห็นภาพของพรรคประชาชนจัดงาน “ขอโทษประชาชน” ในประเด็นเรื่องการยกมือสนับสนุนพรรคภูมิใจไทย หรือความล้มเหลวในการแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากพิจารณาให้ลึกซึ้ง กลุ่มวันที่พรรคนี้ควร “ขอโทษ” อย่างจริงใจที่สุด คือเหล่าพี่น้องทหารและครอบครัวของพวกเขา เพราะทหารคือผู้ที่ถูกพรรคนี้โจมตีและด้อยค่ามาโดยตลอด ทั้งที่
พวกเขากำลังอุทิศตนเพื่อปกป้องผืนแผ่นดินให้ทุกคนได้อยู่อาศัยอย่างสงบสุข รวมถึงให้พรรคการเมืองได้มีพื้นที่มานั่งวิจารณ์พวกเขาอยู่ในห้องแอร์เช่นทุกวันนี้
การเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง จึงเป็นวาระสำคัญที่ประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งต้อง “สรุปบทเรียน” จากสิ่งที่ผ่านมาตลอดหลายปี เส้นทางที่พรรคประชาชนเดินผ่านมานั้นได้พิสูจน์ให้เห็นแล้วว่า พวกเขามีประสบการณ์เพียงพอหรือไม่? หรือมีวุฒิภาวะทางการเมืองมากพอที่จะแบกรับชะตากรรมของคนไทยทั้งประเทศได้จริงหรือ?
ประเทศไทยไม่ใช่เครื่องมือหรือ “สนามทดลอง”ของคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่งที่ไร้ซึ่งประสบการณ์ในการบริหารงานจริง และมีแนวคิดที่พร้อมจะสั่นคลอนรากฐานของชาติเพื่อพิสูจน์อุดมการณ์ของตนเอง

‘หัวหน้าพรรคปวงชนไทย’ประชุมจัดตั้งตัวแทนพรรค เปิดตัวว่าที่ผู้สมัคร สส.จันทบุรี
‘โรงพักบ้านแท่น’ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรมทุกรูปแบบ ช่วงคริสต์มาส-ปีใหม่2569
‘น่าน’สร้างความเชื่อมั่นปชช. ปล่อยแถวระดมกวาดล้างอาชญากรรม รับคริสต์มาส-ปีใหม่2569
‘นายกฯ’ยันรัฐบาล‘พูดแล้วทำ’ต่อต้านสแกมเมอร์ ลั่นทำไมต้องเลี้ยงดูคนพวกนี้ในประเทศเรา
เนิน 350 ไม่ใช่แค่สมรภูมิ แต่คือจุดชี้ขาดที่'กัมพูชา'กลัวเสียมากที่สุด

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี