วันศุกร์ ที่ 19 ธันวาคม พ.ศ. 2568
ถ้าไม่เกิดการสู้รบไทย-กัมพูชาในวันนี้เราคงจะไม่ได้เห็นด้านมืดอีกด้านหนึ่งที่คนไทยไม่เคยรู้มาก่อนเลยว่า โลกของความขัดแย้งจริงๆ บนเกมอำนาจระหว่างนั้น มันน่ากลัวและซับซ้อนอย่างคาดไม่ถึง เราคนไทยคงจะต้องเรียนรู้ไปพร้อมๆ กันว่า ใครคือมิตร ใครคือศัตรูหรือจริงๆ แล้ว ไม่มีประเทศไหนจริงใจกับเรามีแต่ประเทศที่อยากได้แต่ผลประโยชน์
ตลอดการสู้รบกว่าสิบวันที่ผ่านมา เราได้พบคำถามด้านมืดหน้าแนวปะทะมากมาย และเป็นเรื่องใหญ่ด้วย อย่างกรณีทหารไทยยึดระบบขีปนาวุธต่อต้านรถถังของจีน ซึ่งเดิมทีถูกระบุว่า
เป็นรุ่น GAM-102LR ต่อมามีการชี้แจงใหม่ว่า เป็นรุ่น GAM-102 ใช้งานมากกว่า 10 ปีโดยจีนยืนยันว่าไม่มีการส่งมอบอาวุธนำวิถีรุ่นล่าสุดไปให้กัมพูชาก็ตาม แต่มันก็ยังเป็นประเด็นคาใจอยู่ดี
กรณีทหารรับจ้างต่างชาติแทรกซึมชายแดน มาช่วยเขมรบังคับโดรนสังหาร และจรวดระยะไกลรบกับทหารไทย ก็ยังเป็นประเด็นข้อสงสัยที่มีน้ำหนักน่าเชื่อถือเนื่องจากควบคุมอุปกรณ์เหล่านี้ต้องอาศัยผู้เชี่ยวชาญ ขณะที่ฝ่ายกัมพูชาเองยังไม่มีมืออาชีพขนาดนั้น อีกทั้งยุทธวิธีการรบของกัมพูชารอบนี้ พบว่าอาวุธพวกนี้ถูกใช้โจมตีไทยอย่างต่อเนื่องไม่อั้น
ล่าสุดคือกรณีมีการเปิดเอกสารจริงเรื่องที่รัฐบาลกัมพูชา ได้จ้างบริษัทอเมริกันช่วยทำสงครามข้อมูลข่าวสารล็อบบี้ให้ต่างชาติเชื่อฝ่ายกัมพูชามากกว่าไทย นี่ก็เป็นอีกประเด็นหนึ่งที่น่าสนใจไม่น้อยเลย เพราะมันบังเอิญไปสอดคล้องกับท่าทีเอนเอียงของผู้นำสหรัฐต่อปัญหาความขัดแย้งไทย-กัมพูชา จากคำพูดที่ว่าทหารไทยเหยียบกับระเบิดเป็นแค่อุบัติเหตุ
ถ้ายังจำกันได้ เมื่อไม่นานมานี้ ก็มีข่าวว่า รัฐบาลกัมพูชาได้จ้างบริษัทล็อบบี้ยิสต์สัญชาติอเมริกันมานานแล้ว ทำแม้กระทั่งจัดฉากดึงนายไมเคิล อัลฟาโร ที่อ้างว่าเป็นผู้สื่อข่าวทำเนียบขาวลงพื้นที่บ้านหนองจานไปกล่าวหาไทยเป็นผู้รุกราน แต่เรื่องมาแดงถูกจับได้ว่า ที่แท้เขาคือนักล็อบบี้ยิสต์ ที่คาดว่าถูกจ้างมาปั่นกระแสใส่ร้ายไทยอย่างเป็นระบบ
จึงไม่น่าแปลกใจว่า ที่ผ่านมาทำไมกัมพูชาจึงกล้าโหมกระพือเฟคนิวส์ใส่ร้ายไทยสารพัดและทำไมที่ผ่านๆ มา พวกเราร้องตะโกนอย่างสุดเสียงไปยังนานาชาติว่าทหารไทยเสียขาไปแล้ว7 ขา ถูกรุกรานซ้ำแล้วซ้ำเล่า พวกเขากลับนิ่งเงียบ แต่พอเราจำเป็นต้องปกป้องตัวเองเพื่อกำจัดภัยคุกคามสร้างความปลอดภัยให้กับลูกหลานในอนาคต กลับมีแต่แรงบีบรอบด้านให้ยุติเลิกรา
นี่คือเล่ห์เหลี่ยมของผู้นำกัมพูชาที่มีการวางแผนชั่วๆ เตรียมพร้อมมานานพอสมควรแล้ว จึงเป็นคำตอบว่า ทำไมการรบรอบใหม่นี้ กัมพูชาถึงได้กล้าเปิดหน้าแลก สู้รบดุดันมากขึ้น และยืดเยื้อมาได้จนถึงทุกวันนี้ มันจึงเป็นสัญญาณให้เราต้องเปิดมุมมองในสงครามชายแดนครั้งนี้ใหม่ว่า มิตรและศัตรูในสงครามนั้นซับซ้อนและเปลี่ยนแปลงได้ตลอดเวลา
อย่างไรก็ตาม คำถามด้านมืดดังกล่าว เป็นเพียงบางส่วนบางเสี้ยวบนความขัดแย้งครั้งนี้เท่านั้น ยังมีอีกหลายเรื่องที่รอการเปิดเผยตอนนี้โลกจะอยู่ข้างใครก็ช่าง สุดท้ายทุกประเทศคงไม่มีใครกล้าโดดเดี่ยวใคร เพราะทั้งหลายทั้งมวลมันขึ้นอยู่กับผลประโยชน์ตรงหน้า แต่ก่อนอื่นเราต้องพึ่งตัวเองให้มากที่สุด นั่นแหละประเทศชาติจึงจะอยู่รอดอย่างแท้จริง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี