วันศุกร์ ที่ 26 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เลือกตั้งคราวนี้ แชมป์เก่า พรรคส้ม จะยังใช้วาทกรรมนำเสนอจูงใจประชาชนได้แค่ไหน?
หลังจากที่ผ่านมา พฤติกรรม การกระทำจริง และความจริงปรากฏไม่ว่าจะเป็นเรื่องมาตรา 112 เรื่องทหารมีไว้ทำไม เรื่องคุณภาพนักการเมืองที่พรรคส้มคัดมา เรื่องการตัดสินใจทางการเมืองหลายๆ ครั้ง ฯลฯ ทำให้ถูกคนที่เคยสนับสนุนออกมาวิพากษ์วิจารณ์ รวมถึงประกาศตัดขาดจากพรรคส้มจำนวนมาก
1. นายชูวิทย์ ซึ่งเป็นไม้เบื่อไม้เมากับพรรคภูมิใจไทย และเคยออกมาเชียร์พรรคส้มแบบเต็มที่
เรียกตัวเองว่า ด้อมส้มเลยด้วยซ้ำ
ล่าสุด ให้ความเห็นเกี่ยวกับพรรคส้มในการเลือกตั้งเที่ยวนี้ อย่างน่าสนใจ
เพจ MaggieF8 สรุปประเด็นไว้อย่างครบถ้วน เนื้อหาบางส่วนสรุป ดังนี้
1. คุณชูวิทย์ยืนยันว่าเขายังคงเป็นด้อมส้มตัวจริง วิพากษ์วิจารณ์พรรคประชาชนเพราะเขาต้องการสอนน้อง หรือเตือนสติเหล่านักการเมืองรุ่นใหม่ให้เข้าใจความเป็นจริงของการเมือง
2. พรรคประชาชนกำลังพยายามขายฝัน ให้กับคนธรรมดา พนักงานออฟฟิศ และคนระดับรากหญ้า แต่ปัญหาคือการขายฝันเพียงอย่างเดียวโดยไม่มีแผนปฏิบัติที่ทำได้จริงนั้นอาจทำให้ประชาชนผิดหวังได้
3. การที่พรรคประชาชนพยายามไปบังคับให้คุณอนุทินแก้รัฐธรรมนูญ โดยขู่ว่าจะยุบสภานั้น คุณชูวิทย์มองว่าเป็นวิธีการที่ผิด ตั้งแต่ต้น การไปบีบบังคับคนอื่นให้ทำตามใจตนเองโดยอ้างความหวังดีต่อประเทศชาตินั้นไม่ใช่หนทางที่ยั่งยืน
4. คุณชูวิทย์เรียกพฤติกรรมของพรรคประชาชนบางอย่างว่าเป็นเผด็จการทางปัญญา เพราะพยายามจะบังคับให้คนอื่นต้องคิดและทำตามเงื่อนไขของตนเองเพียงอย่างเดียว
5. ชั้นเชิงทางการเมืองเป็นสิ่งที่พรรคประชาชนยังขาดอยู่อย่างมาก
6. คุณชูวิทย์วิจารณ์คุณธนาธร โดยเปรียบเทียบกับทศกัณฐ์ ในวรรณคดีรามเกียรติ์ที่มี 10 หน้า เขาอธิบายว่าคุณธนาธรอาจจะมีความโลภ ความโกรธ ความหลง และความทะนงในตัวเองมากเกินไป จนมองไม่เห็นความเป็นจริงรอบข้าง นอกจากนี้ยังตั้งคำถามว่าคุณธนาธรซึ่งเกิดมาบนกองเงินกองทอง และเป็นนายทุนมาตลอดชีวิต จะเข้าใจหัวอกของกรรมกร หรือคนชั้นล่างที่พรรคพยายามจะเป็นตัวแทนให้ได้อย่างแท้จริงหรือเปล่า
7. เอเลี่ยนทางการเมือง คือ นิยามที่คุณชูวิทย์ใช้เรียกคุณธนาธร เพราะเขามองว่าความคิดของคุณธนาธรนั้นแปลกประหลาด และไม่เหมือนใครในระบบการเมืองไทย ความเป็นเอเลี่ยนนี้มีทั้งข้อดีที่สร้างความแปลกใหม่ แต่ก็มีข้อเสียที่ทำให้เข้ากับบริบทของสังคมไทยได้ยาก เช่น การตั้งคำถามว่าทหารมีไว้ทำไม หรือการเสนอให้ไม่มีกองทัพในบางประเทศ ซึ่งคุณชูวิทย์มองว่าเป็นการพูดที่ดูดี แต่ไม่สมจริงในทางปฏิบัติ
8. สำหรับพรรคภูมิใจไทย คุณชูวิทย์วิเคราะห์ว่าตอนนี้กำลังอยู่ในช่วงขาขึ้นอย่างมาก เปรียบเสมือนเครื่องบิน F-16 ที่ติดไอพ่นเลยทีเดียว
9. ผลการเลือกตั้งที่กำลังจะมาถึง คุณชูวิทย์ทำนายว่า พรรคประชาชนอาจจะทำคะแนนตกลงมาเหลือไม่เกิน 100 ถึง 110 เสียงเท่านั้น
เหตุผลสำคัญ คือ ความผิดพลาดจากการดำเนินเกมการเมืองในช่วงที่ผ่านมาที่ทำให้ผู้สนับสนุนบางส่วนเริ่มลังเลและไม่มั่นใจในฝีมือ
หากพรรคยังทำผิดซ้ำซ้ำเล่า ประชาชนจะเป็นผู้ลงโทษเองผ่านคูหาเลือกตั้ง เหมือนที่พรรคอื่นๆ เคยประสบมาในอดีต
10. ในส่วนของพรรคเพื่อไทย คุณชูวิทย์มองว่า จะยังคงรักษาฐานเสียงไว้ได้ที่ประมาณ 100 เสียง และจะวางตัวแบบเจียมเนื้อเจียมตัวมากขึ้น เพื่อรอจังหวะในการกลับมาเป็นรัฐบาลร่วมกับขั้วอำนาจอื่น
11. พรรคประชาธิปัตย์ คุณอภิสิทธิ์มีชั้นเชิงทางการเมืองที่สูงมากและผ่านประสบการณ์ทั้งตอนรุ่งโรจน์และตกต่ำมา ชูวิทย์ทำนายว่าประชาธิปัตย์มีโอกาสจะได้ถึง 50 เสียง
.png)
.png)
12. พรรคกล้าธรรม ของผู้กองธรรมนัส เป็นตัวแปรที่มองข้ามไม่ได้ คุณชูวิทย์ประเมินว่า ผู้กองธรรมนัสเป็นนักการเมืองที่มีฝีมือและรู้ลึกถึงวงจรอำนาจเป็นอย่างดีการที่เขากล้าตั้งพรรคเองและรวบรวมอดีต สส. ที่มีฐานเสียงแน่นหนาเข้ามารวมกัน ทำให้พรรคนี้มีโอกาสจะได้ที่นั่งถึง 50 เสียงเช่นกัน จะเป็นตัวแปรสำคัญในการจัดตั้งรัฐบาลกับฝ่ายที่ชนะการเลือกตั้ง
13. เรื่องทุนเทา หรือพวกสแกมเมอร์และเว็บพนัน แม้พรรคประชาชนจะพยายามนำเรื่องนี้มาหาเสียงว่าจะปราบปรามให้สิ้นซากเพื่อเรียกคะแนนนิยม แต่คุณชูวิทย์มองว่ามันเป็นเพียงการตลาดเท่านั้น เพราะในความเป็นจริง ทุนเทาเหล่านี้มีอิทธิพลแทรกซึมอยู่ในหลายภาคส่วนของนักการเมืองไทยไป การจะปราบได้จริงต้องอาศัยอำนาจบริหารและชั้นเชิงในการจัดการ ไม่ใช่แค่การประกาศอุดมคติบนเวทีปราศรัย
14. กลุ่มผู้ที่ยังไม่ตัดสินใจเลือกใครซึ่งมีสูงถึง 40% มองว่า คนกลุ่มนี้มักจะเป็นคนในเขตเมืองหรือคนรุ่นใหม่ที่เคยเลือกพรรคส้มมาก่อน แต่ตอนนี้เริ่มรู้สึกลังเลเพราะเห็นผลงานและความผิดพลาด ที่หากพรรคประชาชนไม่สามารถเรียกความเชื่อมั่นกลับมาได้ภายในช่วง 10 เมตรสุดท้ายก่อนการเลือกตั้ง คะแนนเสียงมหาศาลนี้อาจจะกระจายไปสู่พรรคอื่น หรือกลายเป็นการงดออกเสียงที่จะส่งผลเสียต่อพรรคส้มโดยตรง
คุณชูวิทย์ยังได้ยกตัวอย่างเรื่องสินค้าที่กินท้องเสีย เพื่อเปรียบเทียบกับพรรคการเมืองใหม่ที่ประชาชนลองเลือกผิดหวัง หากครั้งแรกเลือกทำงานไม่ได้ครั้งที่สองยังทำผิดพลาดอีก ประชาชนก็จะเริ่มไม่ไว้วางใจและเลิกทดลองใช้
แม้สินค้าจะดูดีและมีความบริสุทธิ์สูงแค่ไหน แต่ถ้ากินไม่เกิดผลดีต่อชีวิตจริง คนเขาก็จะกลับไปหาแบรนด์เดิมๆ ที่แม้จะไม่ดีที่สุด แต่ก็ให้ผลลัพธ์ที่แน่นอนกว่า
นี่คือเหตุผลที่คะแนนนิยมของพรรคประชาชนอาจจะลดลงอย่างน่าใจหายในการเลือกตั้งครั้งนี้
เพราะคนเริ่มรู้สึกว่า ความฝันที่พรรคขายนั้น มันกินไม่ได้จริงในชีวิตประจำวัน
การบริหารราชการแผ่นดินต้องอาศัยความร่วมมือจากหลายภาคส่วน ทั้งกลุ่มข้าราชการ ทหาร และกลุ่มทุนต่างๆ คุณชูวิทย์มองว่าหากพรรคประชาชนเข้ามาเป็นรัฐบาลโดยไม่มีชั้นเชิงในการบริหารความสัมพันธ์เหล่านี้ จะเกิดการต่อต้านอย่างหนักและงานจะเดินหน้าไปไม่ได้ เขาเปรียบเหมือนพนักงานใหม่ที่เข้าไปในบริษัทใหญ่สั่งไล่คนเก่าออกหมดเพียงเพราะเขาไม่ถนัดใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่ ผลที่ตามมาคือความปั่นป่วนและการประท้วงที่จะทำให้บริษัทล่มสลายได้ การจะเปลี่ยนประเทศต้องมีลีลาและชั้นเชิงในการประนีประนอมเพื่อให้ทุกองคพยพเดินหน้าไปพร้อมกันได้ –(ความเห็นของคุณชูวิทย์)
2. อาจารย์ธนพร ได้ใช้ข้อมูลนิด้าโพล วิเคราะห์คะแนนการเมืองเฉพาะในพื้นที่ กทม.รายเขต
ระบุว่า ผู้มีสิทธิ์เลือกตั้งกทม. ปี’66 4 ล้านกว่า มาลงคะแนน 3.3 ล้าน
แต่ผลโพล กทม. สำรวจ 4-12 ธ.ค. ที่ผ่านมา (ขณะนั้น หลายพรรคยังไม่เปิดตัวว่าที่ผู้สมัครแต่ละเขต)
ปรากฏว่า
- ส้ม มาแรงมาก 3 เขต ปทุมวัน(สูงลิ่ว) บางนา ตลิ่งชัน
- ฟ้า 7 เขต เช่น บางพลัด ราชเทวี ดุสิต พญาไท
- น้ำเงิน 10 เขต เช่น สวนหลวง บึงกุ่ม คลองเตย และน่าทึ่งสุดคือ หลักสี่ เขตทหาร!
สรุป อาจารย์ธนพร มองว่า ส้มน่าจะเสียหลายเขตให้ฟ้า (หรือน้ำเงิน)แต่ส้มก็จะยังมี สส. เขตในพื้นที่ กทม.อยู่มาก
3. เพจจักรวาลด้อมส้ม วิเคราะห์ว่า
“จากผลโพล พรรคส้มความนิยมลดลงจาก 46.08% เป็น 25.28% ในระยะเวลาไม่กี่เดือน มีหลายสาเหตุ
นอกจากพฤติกรรมผู้สมัครและขาดประสบการณ์การทำงานแล้ว อีกหนึ่งในสาเหตุ คือ “เลือกลยุทธ์ผิด”
พรรคส้มพยายามปั่นกระแสการเลือกตั้ง เป็นการสู้ระหว่างส้มหรือน้ำเงิน บังคับให้คนเลือกข้าง ถือเป็นความผิดพลาดค่ะ
1. เป็นการบังคับให้คนเลือกข้าง ทำให้คนกลางๆ จะหนีไปและเบื่อหน่ายการหาเสียงแบบนี้ อาจไปโนโหวต หรือเลือกพรรคนอกกระแสแทน
2. เป็นการกระตุ้นกองเชียร์ฝ่ายอนุรักษ์นิยมรวมพลังไปที่พรรคแกนนำเพื่อช่วยกันโหวตมากขึ้นส่งผลให้ พรรคน้ำเงินยิ่งโต ยิ่งขยายฐานเสียง
3. ความเป็นพรรคพี่พรรคน้องกับพรรคแดงหายไป พรรคส้มตั้งใจด้อยค่าพรรคแดงว่าไม่ใช่คู่แข่ง ไม่อยู่ในสายตา ทำให้พรรคแดงได้คะแนนเห็นใจที่โดนพรรคน้องเหยียบหัว คนที่เคยเลือก 2 ใบคนละพรรคก็จะเทมาเลือกพรรคแดงทั้งหมด
4. ฐานเสียงที่เคยเป็นแฟนเก่าพรรคฟ้า ที่หันมาเลือกพรรคส้มตอนพรรคฟ้าหัวใจเกเร หันกลับไปคืนดี และเห็นว่าแฟนเก่าก็ยังทำอะไรเป็นชิ้นเป็นอันกว่าแฟนใหม่
5. เด็กรุ่นใหม่ไม่อินกับการเล่นการเมืองของพรรคส้ม เมื่อก่อนเคยขายนโยบาย ขายความหวังขายความฝัน แต่ตอนนี้ มีแต่เล่นการเมือง
เหตุผลทั้งหมดส่งผลให้เลือกตั้งครั้งนี้ ทั้วประเทศพรรคส้มต่ำร้อย ในกรุงเทพฯพรรคต่ำสิบอย่างแน่นอนค่ะ”
4. ข้างต้น คือ บทวิเคราะห์ และความเห็นของบรรดาผู้ที่ติดตามการเมืองของพรรคส้ม ในฐานะแชมป์เก่า
ครั้งนี้ ผลจะเป็นอย่างไร คำตอบอยู่ที่ประชาชนผู้มาออกเสียงลงคะแนนเลือกตั้งตัวจริง
ที่แน่ๆ...
ถ้าประชาชนจะเทส้มจริงๆ ก็คงไม่ใช่เพราะใครไปสาดโคลน หรือขัดขวางส้ม
แต่เป็นเพราะพฤติกรรมและความจริงที่ปรากฏจากการกระทำของส้มเอง!
สารส้ม

ผ่ากลยุทธ์'ค่ายสีน้ำเงิน' ไม่เร้าอารมณ์! เน้นทำได้ทำจริง
ปลัดนนท์ ยื่นใบลาออก ลงสมัครชิง สส.นนทบุรี พรรคภูมิใจไทย ลั่นเปลี่ยนเวลาราชการเป็นเวลาราษฎร
นักวิชาการ มธ. วิเคราะห์กระแสเลือกตั้ง ชี้ผลโพล'คนกรุงเกือบครึ่งยังลังเล' พบได้ไม่บ่อย
ไม่น่าเชื่อ พนง ถึงกับร้องไห้หนักมาก เมื่อเห็นสิ่งที่ลูกค้าทำ ชมคลิป
(คลิป) แพทองธาร หน้าเจื่อน! ตอบคำถามสื่อ ยศชนัน คะแนนดีขึ้น!

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี