วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
การหวนคืนสู่สปอตไลท์ทางการเมืองของ อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ อดีตนายกรัฐมนตรีและอดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมกับการประกาศจุดยืน “ไม่ร่วมสังฆกรรม” กับพรรคกล้าธรรม (ซึ่งถูกมองว่าเป็นนอมินีหรือตัวแทนของกลุ่มอำนาจเดิม) ไม่ใช่เพียงแค่การแสดงจุดยืนส่วนตัว แต่นี่คือการขยับหมากรุกทางการเมืองที่ส่งแรงสั่นสะเทือนต่อการคำนวณคะแนนเสียงในการเลือกตั้งครั้งหน้าอย่างมีนัยสำคัญ
1. นัยยะเชิงกลยุทธ์: การกอบกู้ “Brand”และ “Identity”
ในมุมมองของการเลือกตั้ง การประกาศนี้คือการพยายามสร้าง “ความแตกต่าง” ท่ามกลางสภาพการเมืองที่ขั้วอำนาจเริ่มทับซ้อน อภิสิทธิ์กำลังพยายามดึงฐานเสียง “อนุรักษ์นิยมสายหลักการ”ที่รู้สึกอึดอัดกับการเมืองแบบเฉพาะกิจหรือการเมืองที่เน้นตัวบุคคลมากกว่าอุดมการณ์ ให้กลับมามีที่ยืนที่ชัดเจนอีกครั้ง
2. วิเคราะห์ข้อดี: พลังแห่งความชัดเจน
การสร้างฐานที่มั่นทางอุดมการณ์ (Solidifying the Base) :
จุดแข็งที่สุดคือการดึงดูดผู้มีสิทธิเลือกตั้งกลุ่ม “พลังเงียบ” ที่ยึดถือเรื่องจริยธรรมทางการเมืองและความถูกต้องตามครรลองประชาธิปัตย์เดิมการประกาศนี้ช่วยล้างภาพลักษณ์ “พรรคอะไหล่” และสร้างความเชื่อมั่นว่าคะแนนเสียงที่มอบให้จะไม่ถูกนำไปใช้เป็นนั่งร้านให้แก่กลุ่มอำนาจที่เขาไม่เห็นชอบ
นี่การขยายฐานสู่คนรุ่นใหม่สายเสรีนิยมอนุรักษ์:
มีคนรุ่นใหม่จำนวนไม่น้อยที่แม้จะมีแนวคิดอนุรักษ์นิยม แต่ก็ปฏิเสธการสืบทอดอำนาจหรือการเมืองที่ขาดความโปร่งใส จุดยืนของอภิสิทธิ์อาจเป็น “ทางเลือกที่สาม” สำหรับคนที่ไม่อยากเลือกพรรคก้าวไกล (หรือพรรคในเครือ) แต่ก็รับไม่ได้กับพรรคการเมืองแบบเดิมๆ
เมื่อมีความชัดเจน อภิสิทธิ์และทีมงานสามารถใช้ประเด็น “ความสม่ำเสมอ” เป็นอาวุธในการโจมตีคู่แข่งที่เปลี่ยนจุดยืนไปมาตามผลประโยชน์ ทำให้เขามีความชอบธรรมในการนำเสนอภาพลักษณ์“นักการเมืองมืออาชีพ”
3. วิเคราะห์ข้อด้อย: ข้อจำกัดในโลกแห่งความเป็นจริง
ความเสี่ยงต่อ “การถูกโดดเดี่ยว”
ในระบบการเลือกตั้งที่เน้นการจัดตั้งรัฐบาลผสม การขีดเส้นตายล่วงหน้าอาจกลายเป็น “โซ่ตรวน” ที่ทำให้เขาและพรรคมีทางเลือกน้อยลงหลังปิดหีบหากคะแนนเสียงไม่แลนด์สไลด์การปฏิเสธพรรคกล้าธรรมอาจบีบให้เขาต้องไปจับมือกับขั้วที่อุดมการณ์ต่างกันสุดขั้ว หรือต้องยอมเป็นฝ่ายค้านยาวนาน
ในมุมของชนชั้นกลางที่อยากเห็นประเทศเดินหน้า (แม้จะไม่ชอบรัฐบาลเดิม) การประกาศไม่ร่วมมืออาจถูกมองว่าเป็นชนวนเหตุของ “ทางตันทางการเมือง” (Political Deadlock) ซึ่งอาจทำให้เสียคะแนนจากกลุ่มที่ต้องการเสถียรภาพเหนือสิ่งอื่นใด
การประกาศจุดยืนของอภิสิทธิ์ในครั้งนี้คือ “High Risk, High Reward” หรือ “เสี่ยงสูงก็ได้ผลตอบแทนสูง “ หากเขาสามารถปลุกกระแส “โหยหาหลักการ” ให้ติดตลาดได้ เขาจะกลายเป็นผู้นำขั้วที่สามที่มีพลังต่อรองสูงทันที แต่หากกระแสสังคมยังคงติดหล่มอยู่กับการเลือกข้างระหว่าง “เอาหรือไม่เอาทักษิณ” หรือ “เอาหรือไม่เอาลุง” จุดยืนของเขาอาจถูกเบียดตกขอบเวทีไปอย่างน่าเสียดาย
สุดท้ายแล้ว การเลือกตั้งครั้งนี้จะเป็นบทพิสูจน์ว่า “จุดยืนที่กินไม่ได้” แต่มีความสง่างาม จะยังคงมีที่ว่างในใจของผู้ออกเสียงลงคะแนนชาวไทยอยู่หรือไม่ หรือความจริงทางการเมืองจะบังคับให้ทุกคนต้องสยบยอมต่อ “ความจำเป็น” มากกว่า “ความถูกต้อง”

อนุทิน ลงนามเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ เริ่มพรุ่งนี้
พ่อใจสลาย บ้านของขวัญลูก11เดือน ถูกเขมรยิง BM-21 พังทลายในพริบตา
กลิ่นหึ่งโรงพัก! สาวแสบพกไอซ์-ยาบ้า เยี่ยมผัวหน้าห้องขัง หวังให้เสพแก้ลงแดง
กัมพูชายอมถอย! เลิกตื๊อคุยมาเลย์ ยอมมาคุยจันทบุรี ไทยย้ำเงื่อนไขเหล็ก 3 ประการ
จับตาสนามเมืองกรุงพลิก ในวันที่ส้มไม่หวาน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี