วันพฤหัสบดี ที่ 25 ธันวาคม พ.ศ. 2568
เยอรมนีถือเป็นประเทศอันดับหนึ่งของยุโรป เป็นประเทศชั้นนำของโลกเป็นประเทศอุตสาหกรรมที่มีขีดความสามารถเป็นอย่างยิ่งในเรื่องอุตสาหกรรมยานยนต์ อุตสาหกรรมเคมี และอุตสาหกรรมเครื่องจักรเครื่องยนต์ต่างๆ เป็นต้น เป็นประเทศที่ขับเคลื่อนเศรษฐกิจของยุโรป โดยมีสินค้าส่งออกที่เป็นที่ยอมรับในเรื่องคุณภาพของผู้บริโภคทั่วโลก อีกทั้งเยอรมนียังเป็นประเทศแนวหน้าในเรื่องการลงทุนในต่างประเทศ และการให้ความร่วมมือช่วยเหลือในเรื่องการพัฒนาให้แก่ประเทศกำลังพัฒนา และระบบระบอบประชาธิปไตยของเยอรมนียังเป็นแบบอย่างให้กับประเทศต่างๆ ที่มุ่งสู่การเป็นสังคมประชาธิปไตยอีกด้วย
แต่ในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมานี้ อุตสาหกรรมของเยอรมนีเริ่มถดถอย หรือเยอรมนีนั้นลดความเป็นประเทศอุตสาหกรรมลงไปเรื่อยๆ (De-Industrialization) หรือนัยหนึ่งสัดส่วนของภาคอุตสาหกรรมต่อผลิตภัณฑ์มวลรวมของประเทศ (Gross DomesticProduct – GDP) เริ่มลดลงเป็นลำดับ และในการนี้ขีดความสามารถในการแข่งขันในตลาดต่างประเทศของเยอรมนีก็ลดลงไปด้วย
ประเทศที่เป็นคู่แข่งอันสำคัญยิ่งของเยอรมนี ก็คือ ประเทศจีน ซึ่งเป็นประเทศที่เยอรมนีต้องพึ่งพาตลาดส่งออกเป็นหลักด้วย ส่งผลให้อำนาจต่อรองของเยอรมนีต่อจีนถดถอยลงไปเรื่อยๆ เช่น ในกรณีที่เยอรมนีต้องย้ายโรงงานการผลิตจากเยอรมนีไปตั้งที่ประเทศจีนเยอรมนียังถูกจีนบังคับให้ต้องยอมถ่ายทอดเทคโนโลยีและไม่ตั้งกำแพงภาษีกีดกันสินค้าส่งออกจากจีนไปยังเยอรมนี ซึ่งในขณะที่เยอรมนีเองในฐานะประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปที่รับผิดชอบเรื่องภาษีศุลกากรให้กับทุกประเทศสมาชิกนั้น เยอรมนีจะต้องมีบทบาทหรือให้สหภาพยุโรปไม่ไปตั้งเงื่อนไข และกำแพงภาษีที่เป็นผลลบต่อผลประโยชน์ของประเทศจีน
แล้วอะไรคือสาเหตุของการ “ตกจากสวรรค์” แห่งความยิ่งใหญ่ของเยอรมนี?
ก็มีหลายคำตอบด้วยกัน เช่น
1. เยอรมนีได้ร่วมกับประเทศสมาชิกองค์การนาโต และประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปคว่ำบาตรรัสเซีย สืบเนื่องมาจากการกรีธาทัพเข้าโจมตียูเครน โดยการคว่ำบาตรที่สำคัญสุดก็คือ การยุติการซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติจากรัสเซีย เพื่อตัดรายได้รัสเซีย เป็นการลงโทษรัสเซีย แต่ทว่าเยอรมนีและหลายๆ ประเทศสมาชิกสหภาพยุโรปต้องไปจัดหาซื้อน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากแหล่งอื่นๆ โดยเฉพาะก๊าซ LNG จากสหรัฐอเมริกาและกาตาร์ ซึ่งมีราคาสูงกว่าน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติของรัสเซียเป็นอย่างมาก ส่งผลให้ต้นทุนการผลิตไฟฟ้าและอุตสาหกรรมขนส่งของเยอรมนีสูงขึ้นเป็นอย่างมาก ก่อให้เกิดการปรับราคาสินค้าที่แพงขึ้นของผลิตภัณฑ์อุตสาหกรรมต่างๆ ของเยอรมนี จนไม่สามารถสู้กับสินค้าชนิดเดียวกันจากจีน ที่ราคาต่ำกว่ามากมาย เนื่องจากจีนสามารถซื้อน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติจากรัสเซียในราคาย่อมเยากว่ามาก จึงทำให้ต้นทุนของจีนมีราคาต่ำมากจนตัดราคาสินค้าของเยอรมนีและยุโรปทั่วไปได้
2. ในขณะเดียวกันระบบระบอบการบริหารบ้านเมืองของจีนนั้นมีความรวดเร็ว และคล่องตัวกว่าเยอรมนี ด้วยพรรคคอมมิวนิสต์พรรคเดียว ทำให้การตัดสินใจการสั่งการ การจัดวางงบประมาณสนับสนุนเป็นไปได้อย่างรวดเร็วทันควัน ขณะที่ระบบระบอบราชการของทั้งเยอรมนีและสหภาพยุโรปมีความเป็น “ราชการ” มากมายหลายขั้นตอน หลายเวทีการปรึกษาหารือ เพื่อหาข้อยุติ และทั้งหมดนี้ก็เต็มไปด้วยกฎเกณฑ์ระเบียบมากมาย (Bureaucratic) จึงไม่รวดเร็วและไม่คล่องตัว และในหลายๆ กรณีมีความเชื่องช้าในการตัดสินใจ
3.ผู้นำจีนชุดปัจจุบันมีเป้าหมายเพื่อให้จีนมีความเจริญก้าวหน้า และมีความยิ่งใหญ่ในเวทีโลกอย่างแน่ชัดด้วยความมุ่งมั่น และสามารถนำพาและขับเคลื่อนให้ทุกอณูของสังคมจีนไปในทิศทางเดียวกันได้ ผู้นำจีนไม่ลังเลใจและสามารถจัดลำดับความสำคัญก่อน-หลังของเรื่องราวต่างๆ ได้(Prioritization) ขณะที่ผู้นำเยอรมนี และผู้นำประเทศสมาชิกสหภาพยุโรป อีกทั้งผู้บริหารระดับสูงของสหภาพยุโรปได้ใช้เวลาไปกับการสนับสนุนยูเครนในการต่อสู้กับรัสเซีย และได้นำงบประมาณส่วนหนึ่งไปสนับสนุนยูเครน โดยไม่ยอมรับความจริงว่า ยูเครนได้มีการสูญเสียไปมากมายแล้ว และจะยังสูญเสียเพิ่มเติมต่อไป และไม่มีหนทางใดๆ ที่จะเอาชนะฝ่ายรัสเซียได้ ซึ่งเป็นการสูญเสียทั้งเวลา และทรัพย์สินเงินตราอย่างลมๆ แล้งๆ และเป็นการนำเอางบประมาณไปใช้กับยูเครนอย่างเปล่าประโยชน์และไร้อนาคต แทนที่จะนำงบประมาณเหล่านั้นไปพัฒนาประเทศ ปรับปรุงจุดอ่อนต่างๆ รวมทั้งการทบทวนการคว่ำบาตรรัสเซีย โดยการไม่ซื้อน้ำมันและก๊าซธรรมชาติราคาถูกจากรัสเซีย เพื่อจรรโลงขีดความสามารถของอุตสาหกรรมต่างๆ ในการแข่งขันโดยทั่วไปและกับจีนเป็นการเฉพาะ และเสริมสร้างอำนาจต่อรองกับจีน โดยเฉพาะในเรื่องการให้จีนเปิดตลาดทั้งสินค้าและการลงทุนโดยไม่มีเงื่อนไขว่าจะต้องถ่ายทอดเทคโนโลยี (Transfer of Technology) เพราะเมื่อจีนได้รับการถ่ายทอดแล้วถึงจุดหนึ่ง จีนก็เอาเทคโนโลยีเหล่านั้นมาผลิตสินค้าและแข่งขันกับเยอรมนีได้ทั้งในตลาดโลกและในตลาดเยอรมนีและตลาดสหภาพยุโรป
การนี้ผู้นำเยอรมนี และผู้บริหารสหภาพยุโรป ก็ต้องหันกลับไปทบทวนเรื่องการคว่ำบาตรรัสเซีย ในเรื่องการซื้อ-ขายน้ำมัน และก๊าซธรรมชาติ อีกทั้งจะต้องปรับปรุงระบบการบริหารราชการบ้านเมืองให้มีความคล่องตัวในการตัดสินใจ และการมีกฎเกณฑ์กติกาที่ง่ายและสะดวกต่อการปฏิบัติ เพื่ออำนวยให้ภาคเอกชนสามารถดำเนินธุรกิจได้เรียบง่ายยิ่งขึ้น ไปจนถึงเรื่องการร่วมมือสนับสนุนแวดวงวิจัยค้นคว้า และการกระชับความร่วมมือสามเส้าระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน และภาควิชาการ ในการเร่งรัดความเป็นเลิศองค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี เพื่อไม่เป็นรองกับทั้งจีนและสหรัฐอเมริกาอีกต่อไป
สำหรับไทยเรานั้นยังจมปลักอยู่กับการพึ่งพาต่างประเทศ ทั้งในเรื่ององค์ความรู้ทางด้านวิทยาศาสตร์และเทคโนโลยี อีกทั้งการพัฒนาอุตสาหกรรมให้มีมาตรฐานสูงขึ้น ซึ่งก็ยังไร้ทิศทางอยู่
ก็เป็นที่หวังว่าหน่วยงานที่เป็นมันสมองของประเทศ คือสำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สภาพัฒน์) จักได้มีการสังคายนาภารกิจการงานอย่างใหญ่หลวงและในขณะเดียวกันพรรคการเมืองต่างๆ ก็จะต้องตระหนักในสภาพและสถานะของประเทศไทยในโลกกว้าง และการจัดให้มีวิสัยทัศน์ นโยบายและมาตรการที่จะนำพาให้ประเทศไทยออกจากสภาพจมปลักอยู่กับสถานะการเป็นประเทศระดับรายได้กลางๆ ที่ขาดเทคโนโลยีของตนเอง แต่ดันมีค่าแรงค่าจ้างสูงขึ้นเมื่อเทียบกับประเทศในระดับเดียวกันทั่วโลก
ทั้งนี้เรามองเห็นสิงคโปร์ที่นำหน้าเราไปไกล เราต้องตระหนักว่ามาเลเซียสามารถถีบตัวขึ้นมาได้เรื่อยๆ ขณะที่เวียดนามก็วิ่งตามไทยเรามาอย่างรวดเร็ว และกำลังจะแซงโค้งทิ้งไทยห่างไกลออกไปในไม่ช้า ถ้าไทยเรายังย่ำอยู่กับที่
กษิต ภิรมย์
kasitfb@gmail.com

อนุทิน ลงนามเปิดจุดผ่านแดนถาวรสะพานมิตรภาพไทย-ลาว แห่งที่ 5 บึงกาฬ-บอลิคำไซ เริ่มพรุ่งนี้
พ่อใจสลาย บ้านของขวัญลูก11เดือน ถูกเขมรยิง BM-21 พังทลายในพริบตา
กลิ่นหึ่งโรงพัก! สาวแสบพกไอซ์-ยาบ้า เยี่ยมผัวหน้าห้องขัง หวังให้เสพแก้ลงแดง
กัมพูชายอมถอย! เลิกตื๊อคุยมาเลย์ ยอมมาคุยจันทบุรี ไทยย้ำเงื่อนไขเหล็ก 3 ประการ
จับตาสนามเมืองกรุงพลิก ในวันที่ส้มไม่หวาน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี