ผลการลงประชามติว่าสหราชอาณาจักร (UK) จะอยู่กับสหภาพยุโรป (EU) ต่อ หรือจะแยกตัวออกมา ซึ่งปรากฏว่าหลังการลงประชามติครบทั้ง 382 เขตแล้ว สหราชอาณาจักรก็เกิดแผ่นดินไหวครั้งใหญ่ ฝ่ายที่ลงประชามติให้ออกเป็นฝ่ายชนะด้วยคะแนน 17,410,742 ต่อ 16,141,242 หรือคิดเป็นร้อยละ 51.9 ต่อ 48.1
จากนั้น After shock ก็เกิดตามมาอีกหลายครั้ง
ครั้งแรก นายเดวิด คาเมรอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษภายในเดือนตุลาคมนี้ เพื่อแสดงความเคารพต่อความต้องการของชาวสหราชอาณาจักร
ครั้งที่สอง สก็อตแลนด์ กับ ไอร์แลนด์เหนือ ต่างอ้างสิทธิ์ เรียกร้องให้มีการลงประชามติแยกตัวออกจากสหราชอาณาจักรด้วยเช่นกัน เนื่องจากประชามติส่วนใหญ่ในดินแดนทั้งสองล้วนต้องการอยู่กับสหภาพยุโรปต่อไป
ครั้งที่สาม บรรดาผู้นำประเทศที่มีประชากรหนาแน่นในสหภาพยุโรป ทั้งเยอรมนี ฝรั่งเศส และอิตาลี ต่างเร่งรัดให้อังกฤษเร่งลาออกจากการเป็นสมาชิกสหภาพยุโรปอย่างเป็นทางการโดยเร็ว อย่ามัวแต่ง้างไกปืนอยู่ เพราะความโลเลไม่แน่นอนจะทำให้เสียหายด้วยกันทุกฝ่าย การออกมาแถลงให้อังกฤษเร่งกระบวนการถอนตัวดังกล่าว เนื่องจากในอังกฤษเกิดมีการรณรงค์เข้าชื่อกันกว่า 3 ล้านรายชื่อ จะขอทำประชามติใหม่ โดยอ้างว่าตามกฎหมายของอังกฤษ หากผู้มาใช้สิทธิ์ลงประชามติมีไม่ถึง 75% ของผู้มีสิทธิ์ และผลของประชามติที่ออกมาน้อยกว่า 60% ของผู้มาใช้สิทธิ์ ประชาชนหนึ่งแสนคนขึ้นไปสามารถเรียกร้องต่อรัฐบาลและรัฐสภาให้มีการลงประชามติอีกครั้งหนึ่งได้
ซึ่งการลงประชามติครั้งที่ผ่านมา มีผู้มาใช้สิทธิ์เพียง 72% และผลของประชามติที่ให้แยกตัวออกจากสหภาพยุโรปก็มีเพียง 52% เท่านั้น
ที่สำคัญฝ่ายที่เรียกร้องให้มีการลงประชามติอีกครั้ง อ้างว่า พวกที่ลงประชามติให้ออกส่วนใหญ่เป็นผู้สูงอายุ ที่จะมีชีวิตอยู่ต่อไปก็อีกไม่กี่ปี จึงไม่ควรมาตัดสินอนาคตของประเทศที่คนอายุน้อยกว่าจะต้องใช้ชีวิตอยู่กันต่อไป!
นี่ไงครับ ประชาธิปไตยของประเทศที่ได้ชื่อว่ามีระบอบประชาธิปไตยที่แข็งแกร่งกว่าใครๆ
ประชาธิปไตยของประเทศที่คนในประเทศมีระดับการศึกษาและระดับความรับรู้ทางการเมืองสูงกว่าใครๆ
ประชาธิปไตยของประเทศ ที่เห็นว่าการลงคะแนนเสียงคือสัญลักษณ์ของระบอบประชาธิปไตย
ถ้าจะให้เป็นประชาธิปไตยก็ต้องให้มีการลงประชามติ แต่ครั้นเมื่อแพ้ประชามติก็บอกว่า ไอ้พวกชนะประชามติแก่จะตายแล้ว ปล่อยให้คนรุ่นหลังเขาตัดสินใจเองดีกว่า
ทีนี้หันมาดูบ้านเรา พอนายเดวิด คาเมรอน ประกาศลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอังกฤษ ภายหลังผลการลงประชามติที่ Brexit เป็นฝ่ายชนะ Bremain พวกอึ่งอ่างคางคกก็ออกมาส่งเสียงเรียกร้องให้ พลเอก ประยุทธ์ จันทร์โอชา ลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีถ้าร่างรัฐธรรมนูญไม่ผ่านประชามติในวันที่ 7 สิงหาคม
เมื่อปลายปี 2557 หลังการรัฐประหารผ่านไปได้ครึ่งปี ผมเคยเขียนบทความคัดค้านการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับอาจารย์บวรศักดิ์ ที่ภายหลังถูก สนช. คว่ำไป ซึ่งในครั้งนั้นผมถูก “นักประชาธิปไตย” จ๋า ทั้งหลายวิพากษ์วิจารณ์อย่างเสียๆ หายๆ แต่กระนั้นวันนี้ แม้ คสช. ตัดสินใจให้มีการลงประชามติร่างรัฐธรรมนูญฉบับอาจารย์มีชัยไปแล้ว ผมก็ยังไม่เห็นด้วยกับการตัดสินใจครั้งนี้อยู่ดี
ประการแรก ร่างรัฐธรรมนูญแต่ละฉบับ กว่าจะร่างออกมาได้ ล้วนแต่เฟ้นเอาปรามาจารย์ทางกฎหมายมหาชนมาช่วยกันรวบรวมข้อมูล รวบรวมความคิดเห็นจากสังคมมากลั่นกรอง ประชุม อภิปรายและยกร่างกันออกมาอย่างสุดฝีมือ แต่กลับเอามาให้ประชาชนทั่วไปลงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับ ทั้งที่ความจริงก็เห็นกันอยู่อย่างปฏิเสธไม่ได้ว่า มีประชาชนจำนวนน้อยมากที่รู้และเข้าใจเรื่องรัฐธรรมนูญถึงขั้นมีคุณสมบัติเพียงพอที่จะตัดสินได้ว่าควรรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ เนื่องจากรายละเอียดต่างๆ ในร่างรัฐธรรมนูญนั้น ไม่ใช่เรื่องง่ายที่ใครจะเข้าใจได้ทั้งหมด
ร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้มี 16 หมวด 279 มาตรา อยากถามว่าทุกวันนี้มีสักกี่คนที่อ่านหมด และสักกี่คนที่มีโอกาสได้อ่านหมดนั้น มีสักกี่คนที่เข้าใจพอจะตัดสินได้ว่าควรรับหรือไม่ควรรับร่างรัฐธรรมนูญนี้ทั้งฉบับ การลงประชามติแบบนี้ มีความเป็นไปได้มากที่บางคนอาจไม่ชอบเพียงบางประเด็น แล้วก็เลยตัดสินใจไม่รับไปทั้งฉบับ เพราะอยากได้รัฐธรรมนูญที่ถูกใจตนทุกประการ
ยิ่งไปกว่านั้น หากพิจารณาผลสำรวจที่ผ่านมา เช่นเมื่อครั้งร่างรัฐธรรมนูญฉบับอาจารย์บวรศักดิ์ ของ "สวนดุสิตโพล" ที่เปิดเผยว่ามีประชาชนกว่า 43% ที่ไม่รับรู้เรื่องของการร่างรัฐธรรมนูญเลย เช่นนี้แล้ว เราจะยังสนับสนุนให้เชิญประชาชนมาลงประชามติว่าจะรับหรือไม่รับร่างรัฐธรรมนูญอยู่อีกหรือ? เราจะเอาคนที่ไม่รู้เรื่องราวเกี่ยวกับรัฐธรรมนูญ มาอนุมัติผลงานของผู้ที่มีความรู้ความเชี่ยวชาญในเรื่องรัฐธรรมนูญจริงๆ หรือ? การสนับสนุนให้มีการทำประชามติร่างรัฐธรรมนูญทั้งฉบับ จะไม่เท่ากับเรากำลังเอาหัวเดินต่างเท้า ไม่เท่ากับเรากำลังติดกับดักประชาธิปไตยหรอกหรือ?
เราเห็นว่า การให้ประชาชนลงประชามติในร่างรัฐธรรมนูญนั้น หากต้องการทำจริงๆ ก็ควรเลือกทำเฉพาะในบางประเด็นที่เป็นเรื่องสำคัญ และที่มีการเปลี่ยนแปลงมากถึงขั้นกระทบต่อวิถีชีวิต ความเป็นอยู่ และสถานะของประชาชน ทั้งเรื่องที่จะให้ประชาชนลงประชามตินั้น ควรเป็นเรื่องที่ประชาชนมีองค์ความรู้ในเรื่องนั้นเป็นอย่างดี ที่สำคัญต้องมีการให้การศึกษาโดยละเอียดแก่ประชาชนอย่างทั่วถึงว่า ประเด็นที่จะลงประชามตินั้น เมื่อลงไปแล้วหมายถึงอะไร จะมีผลอย่างไรกับตน เพื่อให้การตัดสินใจมีคุณภาพ และเป็นประโยชน์ต่อประเทศชาติและประชาชนอย่างแท้จริง ถึงเวลาแล้วที่เราควรหันมายอมรับและเผชิญความเป็นจริงที่ว่า เรื่องบางเรื่องนั้น จำเป็นต้องอาศัยผู้รู้มาตัดสินใจ และสิทธิบางสิทธิของประชาชน จะมากหรือน้อย จะมีหรือไม่มี ก็ควรผันแปรโดยตรงกับคุณภาพของประชาชนด้วยเช่นกัน
ประการต่อมา การยึดอำนาจด้วยการรัฐประหารของ คสช. คือการใช้อำนาจเผด็จการ จัดการในสิ่งที่ตนเห็นว่าเป็นปัญหา คือการใช้อำนาจเผด็จการสร้างบ้านแปลงเมืองให้เจริญรุ่งเรือง วางรากฐานที่ดีให้กับประเทศชาติและประชาชน ไม่ใช่เข้ามา “เปิดประชาธิปไตย” ถามความเห็นของคนทุกฝ่าย
จะปฏิรูปบ้านเมืองที่ถูกเผา ใยต้องไปถามคนที่มันเผาบ้านเผาเมือง?
จะถอนรากถอนโคนการทุจริตคอร์รัปชั่น ใยต้องเกรงใจคนทุจริตโกงกิน?
ทุกวันนี้ บ้านเมืองเรา มันเอาหัวเดินต่างเท้ากันจริงๆ คนชั่วที่มันออกมาเผาบ้านเผาเมือง ที่มันสุมหัวโกงกินกันเป็นกระบวนการ ที่มันสร้างความแตกแยกให้กับคนในชาติมาเป็นเวลานับสิบปี ที่มันดึงต่างชาติเข้ามาทำร้ายประเทศไทย ที่มันหนีคุกปฏิเสธคำพิพากษาของศาลไทย แต่ได้รับสิทธิ์ให้ใช้บริการศาลไทยได้เวลาที่มันอยากฟ้องร้องคนอื่น คนชั่วพวกนี้ แทนที่มันจะถูกกำจัดออกไป แทนที่มันจะถูกลงทัณฑ์ไม่ให้มีโอกาสกลับมาทำร้ายประเทศชาติ แต่กลับปล่อยให้มันลอยหน้าลอยตาออกมาปั่นป่วนการสร้างบ้านแปลงเมืองเราได้ทุกวัน ปล่อยให้มันแหกปากโวยวายไม่สำนึกละอายในกรรมชั่วที่ทำไว้กับชาติบ้านเมือง เพียงเพราะเกรงว่าใครจะหาว่าเราไม่เป็นประชาธิปไตย
ประชาธิปไตยที่บ้านเมืองทะเลาะกันไม่เลิก จนไม่สามารถพัฒนาไปถึงไหน ประชาธิปไตยที่คนโกงกล้าเสนอหน้ามาตั้งศูนย์ปราบโกง ประชาธิปไตยที่คนเลวได้รับโอกาสให้มาวิพากษ์วิจารณ์การทำงานของคนดี ประชาธิปไตยที่คนชั่วใช้อำนาจเงินมาซื้อบ้านซื้อเมืองและข่มเหงรังแกคนดีได้ ประชาธิปไตยแบบนี้ ผมคนหนึ่งที่ไม่เอา
และไม่ต้องถามว่า อะไรเรียกว่าคนดี อะไรเรียกว่าคนเลวหรือคนชั่ว ถ้าสงสัยก็ย้อนกลับไปอ่านข้อความในสองย่อหน้าที่ผ่านมา
จะทำอะไรก็รีบทำ อย่าติดกับดักประชาธิปไตยแบบนี้อีกเลยครับ ท่านนายกฯ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี