หลายคนอาจไม่เคยรู้ว่าประเทศไทยมีกองทุนคุ้มครองเด็กและเยาวชน เพื่อการพัฒนาเด็กและเยาวชน ดังนั้นบทความนี้จึงอยากเชิญชวนให้คุณๆ ได้รู้จักกองทุนนี้ และช่วยกันดูแลการใช้จ่ายกองทุนนี้เพื่อประโยชน์สูงสุดของเด็กและเยาวชนไทย
คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรี ผู้สูงอายุคนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติ ได้พิจารณาติดตามการดำเนินงานของกองทุนคุ้มครองเด็กและเยาวชน ปี ๒๕๖๐ และแผนงานสำหรับปี ๒๕๖๑ โดยเชิญผู้แทนจากกรมกิจการเด็กและเยาวชน กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ เข้าร่วมประชุมแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นกับคณะกรรมาธิการ โดยได้ข้อสรุปเบื้องต้น ดังนี้
การเบิกจ่ายเงินกองทุนคุ้มครองเด็ก ประจำปี ๒๕๖๐ (๑ ตุลาคม ๒๕๕๙ - ๓๐ กันยายน ๒๕๖๐) จากงบประมาณคงเหลือจากปีงบประมาณ ๒๕๕๙ จำนวน ๖๓,๖๗๘,๒๐๐.๑๕ บาท และได้รับงบประมาณปี พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๖๕,๐๐๐,๐๐๐ บาท รวมเป็นเงินทั้งสิ้น ๑๓๐,๑๙๖,๙๘๑,๓๔ บาทหักค่าใช้จ่ายปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๐ จำนวน ๗๑,๐๙๘,๑๐๕.๘๗ บาท คงเหลือเงินสำหรับใช้ในปีงบประมาณ ปี พ.ศ. ๒๕๖๑ จำนวน ๕๙,๐๙๘,๑๐๕.๘๗ บาท
การดำเนินกิจกรรมของกองทุนคุ้มครองเด็ก แบ่งออกเป็น๒ รูปแบบ ได้แก่
๑) การสงเคราะห์รายบุคคล ซึ่งการดำเนินการในปี พ.ศ. ๒๕๖๐ ที่ดำเนินการในกลุ่มเป้าหมายทั้ง ๗๖ จังหวัด รวมกรุงเทพมหานคร จำนวน ๕,๒๖๓ ราย โดยใช้งบประมาณกองทุนคุ้มครองเด็ก จำนวน ๒๓,๘๔๐,๖๗๓ บาท แยกเป็น ๙ กลุ่ม ได้แก่ (๑) เด็กเร่ร่อนหรือเด็กกำพร้า จำนวน ๒๓๓ ราย (๒) เด็กที่ถูกทอดทิ้งหรือพลัดหลง จำนวน ๑๑๕ ราย (๓) เด็กที่ผู้ปกครองไม่สามารถอุปการะเลี้ยงดูได้ จำนวน ๕๖๘ ราย (๔) เด็กที่ผู้ปกครองมีพฤติกรรมหรือประกอบอาชีพไม่เหมาะสม จำนวน ๒๓ ราย(๕) เด็กที่ได้รับเลี้ยงดูโดยมิชอบ จำนวน ๒๑๑ ราย (๖) เด็กพิการ จำนวน ๓๘๗ ราย (๗) เด็กที่อยู่ในสภาวะยากลำบาก จำนวน ๓,๔๙๐ ราย (๘) เด็กที่อยู่ในสภาพที่จำเป็นต้องได้รับการสงเคราะห์ จำนวน ๒๑๙ ราย และ(๙) เด็กที่ถูกทำทารุณกรรม จำนวน ๑๗ ราย
ทั้งนี้ การให้การสงเคราะห์รายบุคคลและครอบครัว แบ่งออกเป็น ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) ด้านสุขภาพ (๒) ด้านอารมณ์ จิตใจและสติปัญญา (๓) ด้านการศึกษา (๔) ด้านเศรษฐกิจและรายได้ของครอบครัว (๕) ด้านความสัมพันธ์ในครอบครัว (๖) ด้านทักษะทางสังคมและการปรับตัวเข้ากับสังคมแวดล้อม และ (๗) ด้านการเปลี่ยนแปลงพฤติกรรม
๒) การสนับสนุนรายโครงการ ซึ่งทั้งองค์กรภาครัฐและเอกชนสามารถเสนอโครงการ เพื่อขอรับเงินสนับสนุนผ่านจังหวัดต่างๆ โดยกองทุนคุ้มครองเด็กจะจัดสรรงบประมาณลงไปยังจังหวัด จังหวัดละ ๓-๕ แสนบาททั้งนี้ จังหวัดใดมีโครงการและกิจกรรมที่ขอรับเงินสนับสนุนเพิ่มขึ้นจากงบประมาณดังกล่าว ก็สามารถเสนอมายังกองทุนคุ้มครองเด็กในส่วนกลางเพิ่มเติมได้
๓.ปัญหาและอุปสรรคในการดำเนินงานของกองทุนคุ้มครองเด็ก อาทิ ปัญหาการขาดบุคลากรหรือเจ้าหน้าที่กองทุนคุ้มครองเด็กทำงานในแต่ละจังหวัด ทำให้การดำเนินงานของกองทุนยังถูกมองว่าเป็นลักษณะงานฝากของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด ทำให้บางจังหวัดมีปัญหาการใช้งบประมาณไม่หมดต้องส่งคืน ขึ้นอยู่กับแต่ละจังหวัดในการประชาสัมพันธ์ ทำความเข้าใจเกี่ยวกับกิจกรรมและวัตถุประสงค์ของกองทุนคุ้มครองเด็กเพื่อให้องค์การภาครัฐและเอกชน ภาคประสังคม เสนอโครงการขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุน อย่างไรก็ตาม กองทุนคุ้มครองเด็กในส่วนกลางมีการประชาสัมพันธ์ต่อประชาชนและองค์กรต่างๆ รวมถึงการฝึกอบรมเครือข่ายแกนนำเพื่อให้ความรู้ในการเขียนโครงการให้สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนคุ้มครองเด็กมาอย่างต่อเนื่อง ทั้งนี้ การใช้จ่ายงบประมาณของกองทุนคุ้มครองเด็กในปี ๒๕๖๐ ใช้จ่ายงบประมาณไปคิดเป็นร้อยละ ๙๘ ซึ่งเป็นไปตามเป้าหมายที่ตั้งไว้ร้อยละ ๙๖ และในปีงบประมาณ ๒๕๖๑ กองทุนมีงบประมาณกว่า๙๐ ล้านบาท สำหรับดำเนินงานของกองทุน
นอกจากนี้ยังให้ข้อมูลเพิ่มเติมจากการพูดคุยแลกเปลี่ยนข้อคิดเห็นในประเด็นงบประมาณกองทุนที่นำไปดูแลเด็กและเยาวชน ดังนี้
- สภาเด็กและเยาวชนจะมีงบประมาณสนับสนุนแยกต่างหากจากงบกองทุนคุ้มครองเด็กข้างต้น โดยสภาเด็กและเยาวชนระดับจังหวัดจะได้รับเงินสนับสนุนต่างกันไปตามขนาดของจังหวัด สภาเด็กและเยาวชน ได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละ ๒๐,๐๐๐ บาท และสภาเด็กและเยาวชนระดับอำเภอจะได้รับการจัดสรรงบประมาณปีละ ๓๐,๐๐๐ บาท
- กองทุนคุ้มครองเด็กได้มีการติดตามประเมินผลโครงการที่กองทุนให้การสนับสนุนไปแล้วว่าได้นำเงินไปใช้ให้เกิดประสิทธิภาพ ประสิทธิผล และเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุน เพื่อให้มีการนำเงินไปใช้ให้เกิดประโยชน์กับเด็กและเยาวชนอย่างแท้จริง โดยมีแนวทางการติดตามประเมินผลของกองทุนคุ้มครองเด็ก มีหลายช่องทาง อาทิ
(๑) ระดับจังหวัดมีการติดตามประเมินผลโครงการผ่านคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัด โดยมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธานกรรมการ ซึ่งเป็นบทบาทหน้าที่ของคณะกรรมการคุ้มครองเด็กจังหวัดในการติดตามประเมินผลในพื้นที่
(๒) กองทุนคุ้มครองเด็ก มีการติดตามประเมินผลโดยคณะอนุกรรมการติดตามประเมินผล ซึ่งจะดำเนินการติดตามประเมินในแต่ละปีเป็นรายจังหวัดเพิ่มเติมอีกส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ ยังมีเจ้าหน้าที่ของคณะกองทุนคุ้มครองเด็ก ที่จะดำเนินการติดตามการดำเนินการในพื้นที่ด้วย ประกอบกับใน ๒ ปีที่ผ่านมา กรมกิจการเด็กและเยาวชน ได้ให้บ้านพักเด็กและครอบครัวจังหวัด ซึ่งเป็นหน่วยงานในพื้นที่ดำเนินการติดตามประเมินผลโครงการกิจกรรมในจังหวัดนั้นๆ และรายงานผลมายังกองทุนคุ้มครองเด็ก โดยที่ผ่านมา หากติดตามประเมินผลแล้วพบว่า โครงการใด
ใช้จ่ายเงินผิดวัตถุประสงค์ก็จะมีการเรียกเงินคืน รวมทั้ง โครงการใดที่ดำเนินการไปแล้วไม่เกิดประสิทธิผลหรือนำเงินไปใช้ไม่สอดคล้องกับวัตถุประสงค์ของกองทุนก็จะไม่ได้รับการสนับสนุนในครั้งต่อไป
- กองทุนคุ้มครองเด็กมีรายได้จากงบประมาณจัดสรรในแต่ละปีขึ้นอยู่กับงบประมาณ ที่คงเหลือของปีที่ผ่านมาด้วย ซึ่งในปีงบประมาณ พ.ศ. ๒๕๖๑ ของบประมาณ ๑๐๐ ล้านบาท แต่ด้วย มีงบประมาณคงเหลือจ่ายเมื่อปี ๒๕๖๐ กว่า ๕๐ ล้าน จึงได้รับจัดสรรงบประมาณ ๓๙ ล้านบาท
เงินรายได้ที่กองทุนคุ้มครองเด็กได้รับตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้แก่
(๑) เงินทุนประเดิมที่รัฐบาลจัดสรรให้ (๒) เงินที่ได้รับจากงบประมาณรายจ่ายประจำปี ซึ่งในแต่ละปีก็จะได้รับไม่เท่ากัน ขึ้นอยู่กับงบประมาณคงเหลือของปีที่ผ่านมาด้วย (๓) เงินจากดอกเบี้ย (๔) เงินหรือทรัพย์สินที่มี ผู้บริจาคหรือมอบให้ (๕) เงินอุดหนุนจากต่างประเทศหรือองค์การระหว่างประเทศ
ทั้งนี้ ในส่วนของเงินบริจาคและเงินอุดหนุนจากต่างประเทศในปัจจุบันกองทุนยังไม่มีเงินในส่วนดังกล่าว ดังนั้น เงินรายได้ของกองทุนคุ้มครองเด็กในปัจจุบันก็จะมาจาก ๒ แหล่ง คือเงินงบประมาณรายจ่ายประจำปีและดอกเบี้ย
- โครงการที่จะขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนคุ้มครองเด็ก ต้องเป็นไปตามวัตถุประสงค์ของกองทุนคุ้มครองเด็ก ตามพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ได้แก่
ส่วนภูมิภาค ซึ่งจะพิจารณาผ่านคณะกรรมการคุ้มครองเด็กระดับจังหวัด ซึ่งมีผู้ว่าราชการจังหวัดเป็นประธาน และพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัดเป็นรองประธาน โดยกองทุนคุ้มครองเด็กจะจัดสรรงบประมาณลงไปยังจังหวัดเพื่อใช้เป็นเงินสงเคราะห์เด็กรายบุคคลจังหวัดละ ๓๐๐,๐๐๐ บาท และสำหรับเป็นเงินโครงการจังหวัดละ ๓๐๐,๐๐๐-๕๐๐,๐๐๐ บาท ทั้งนี้ หากจังหวัดใดมีการของบประมาณจำนวนมากกว่าที่ได้จัดสรรไปแล้ว ก็สามารถขอมายังกองทุนคุ้มครองเด็กเพิ่มเติมได้ ซึ่งหลักเกณฑ์ภายในระดับจังหวัดได้กำหนดให้องค์การที่เสนอขอรับเงินสนับสนุนได้ไม่เกินโครงการละ ๑๕๐,๐๐๐ บาท ส่วนโครงการที่เสนอขอเกินกว่า ๑๕๐,๐๐๐ บาท ต้องเสนอขอมายังกองทุนคุ้มครองเด็ก กรมกิจการเด็กและเยาวชน ซึ่งจะมีคณะทำงานกลั่นกรอง โดยมีรองอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชน ที่ได้รับมอบหมายจากอธิบดีกรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นประธาน พร้อมทั้งผู้ทรงคุณวุฒิเพื่อร่วมกันการพิจารณาโครงการที่เสนอมาว่าเป็นไปตามหลักเกณฑ์ของกองทุนหรือไม่ แล้วนำเสนอต่อคณะกรรมการบริหารกองทุน ซึ่งมีปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) เป็นประธาน เพื่อพิจารณาอนุมัติโครงการดังกล่าวต่อไป
กรณีการดำเนินงานของมูลนิธิเอกชน ที่ประสานงานกับกรมกิจการเด็กและเยาวชนมาโดยตลอด มูลนิธิไม่ได้ขอรับเงินสนับสนุนจากกองทุนคุ้มครองเด็ก แต่ขอสนับสนุนกำลังเจ้าหน้าที่จากบ้านพักเด็กและครอบครัว เมื่อได้รับแจ้งว่ามีเด็กถูกทารุณกรรมในพื้นที่ ซึ่งจะทำงานคู่ขนานไปกับมูลนิธิ แล้วจะได้นำเด็กเข้ามาคุ้มครองภายในบ้านพักเด็กและครอบครัวเพื่อดูแลต่อไป อย่างไรก็ตามแม้ภาพข่าวส่วนใหญ่มักจะถูกนำเสนอว่าในฐานะที่มูลนิธิให้ความช่วยเหลือ แต่กรมกิจการเด็กและเยาวชนเป็นผู้ดำเนินการให้ความช่วยเหลือเด็กทุกราย
- กรณีเงินงบประมาณของกองทุนที่ถูกส่งคืนในบางจังหวัดนั้น อาจเนื่องมาจากในช่วงที่ผ่านมาข้าราชการของสำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์จังหวัด มีการปรับเปลี่ยน โยกย้าย และเกษียณอายุเป็นจำนวนมาก ข้าราชการที่ขึ้นมาทดแทนยังมีประสบการณ์การทำงานน้อย ทำให้ในบางจังหวัดยังไม่เข้าใจงานของกองทุนคุ้มครองเด็ก จึงทำให้จังหวัดนั้นๆ มีการดำเนินกิจกรรมของกองทุนคุ้มครองน้อย ซึ่งมีจังหวัดที่ส่งคืนงบประมาณประมาณ ๑๐ จังหวัด ทั้งนี้ กรมกิจการเด็กและเยาวชนได้สร้างความเข้าใจ และฝึกอบรมเจ้าหน้าที่ที่จะเข้ามาดำเนินงานกองทุนคุ้มครองเด็กและเยาวชนเพิ่มเติมด้วย
- กรณีการเก็บรวบรวมข้อมูล ในแต่ละจังหวัดจะมีการจัดเก็บข้อมูลสถิติการทารุณกรรมเด็กอยู่แล้ว ประกอบกับในช่วงนี้มีนโยบายของรัฐบาลได้ดำเนินการเกี่ยวกับ Big Data ซึ่งต้องมีการลงพื้นที่เก็บข้อมูลทุกหมู่บ้าน ทุกตำบล สำหรับครอบครัวที่ลงทะเบียนสวัสดิการแห่งรัฐ โดยกระทรวง พม. อยู่ระหว่างการเร่งดำเนินการเก็บข้อมูลให้เสร็จตามเป้าหมาย คาดว่าจะแล้วเสร็จภายในมีนาคมนี้ ซึ่งกรมกิจการเด็กและเยาวชนได้ร่วมมือกับหน่วยงานของ พม. และหน่วยงานอื่นที่เกี่ยวข้อง ดำเนินการเก็บข้อมูลเด็กที่ประสบปัญหาในด้านต่างๆ เพื่อนำข้อมูลมาวิเคราะห์และจัดทำแผนงานที่จะลงไปให้ความช่วยเหลือและสนับสนุนต่อไป
- กรณีมวยเด็กหรือกิจกรรมที่ไม่เหมาะสมสำหรับเด็ก รวมถึงการใช้สื่อออนไลน์ที่มีผลกระทบกับเด็กนั้น ถือเป็นงานที่กรมกิจการเด็กและเยาวชนให้ความสำคัญที่ดำเนินงานเป็นงานประจำอยู่แล้ว โดยมีการดำเนินการในรูปแบบของการรณรงค์ส่งเสริมให้เด็กมีพัฒนาการเหมาะสมตามวัย เป็นเด็กที่คุณภาพชีวิตที่ดี นอกจากนี้ มีองค์กรบางแห่งได้เสนอโครงการเพื่อของรับเงินสนับสนุนจัดกิจกรรมที่เกี่ยวข้องก็จะมีการพิจารณาเป็นรายกิจกรรรมตามวัตถุประสงค์ของกองทุนคุ้มครองเด็ก
- แผนการจัดสรรเงินงบประมาณในเบื้องต้นที่ได้ดำเนินการลงไปในแต่ละจังหวัด แผนการจัดสรรเงินงบประมาณ แบ่งออกเป็น ๒ ส่วน ได้แก่ (๑) เงินสงเคราะห์รายบุคคล โดยกองทุนได้จัดสรรงบประมาณไว้ให้จังหวัดละ ๓ แสนบาท (๒) เงินสนับสนุนโครงการและกิจกรรมต่างๆ โดยกองทุนได้จัดสรรงบประมาณไว้ให้จังหวัด ๓-๕ แสนบาท และสามารถเสนอขอเพิ่มเติมมายังกองทุนคุ้มครองเด็กในส่วนกลางได้
- กรอบการจัดสรรเงินให้กับกิจกรรมและโครงการต่างๆ สำหรับองค์กรที่ขอรับเงินสนับสนุนกับกองทุนคุ้มครองเด็ก ประกอบ ๗ ด้าน ได้แก่ (๑) การสร้างหรือการพัฒนาระบบคุ้มครองเด็ก (๒) การส่งเสริมศักยภาพครอบครัวเพื่อการดูแลบุตรอย่างเหมาะสม (๓) การส่งเสริมศักยภาพองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นในการคุ้มครองเด็ก (๔) การป้องกันและแก้ไขปัญหาเด็กและเยาวชน (๕) การพัฒนาเด็กและเยาชน (๖) การประชาสัมพันธ์และเผยแพร่ความรู้เกี่ยวกับการคุ้มครองเด็ก(๗) การสนับสนุนโครงการที่เป็นค่าความจำเป็นพื้นฐานของเด็ก
- กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) ให้ความช่วยเหลือประชาชนผ่านศูนย์ประชาบดี ๑๓๐๐ และนำเสนอข่าวมาโดยตลอด มีผู้ใช้บริการมีจำนวนมากกว่ามูลนิธิ เนื่องจากต้องดูแลทุกกลุ่มเป้าหมายทั้ง เด็ก สตรี ผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ที่ประสบปัญหาทางสังคม
- กรมกิจการเด็กและเยาวชนมีแนวโน้มจะแก้ไขปรับปรุงพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ.๒๕๔๖ เพื่อให้มีการปรับปรุงในส่วนที่เกี่ยวข้องกับกองทุนให้สามารถตอบสนองนโยบายการคุ้มครองเด็กให้มีประสิทธิภาพดียิ่งขึ้น ทั้งแหล่งที่มาของกองทุน และการจัดสรรงบประมาณสนับสนุนกองทุน สืบเนื่องจากพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. ๒๕๔๖ ใช้บังคับมากว่า ๑๕ ปีแล้ว ในขณะนี้กระทรวง พม. อยู่ระหว่างการยกร่างแก้ไขเพิ่มเติมพระราชบัญญัติดังกล่าว ซึ่งอยู่ขั้นตอนการพิจารณาของกระทรวง พม. เพื่อปรับปรุงกฎหมายให้มีความปัจจุบันมากยิ่งขึ้น
ทั้งนี้ ที่ประชุมได้ให้ข้อมูลการบริหารจัดการกองทุนว่า กองทุนคุ้มครองเด็กและหน่วยงานที่ดำเนินการเรื่องเกี่ยวกับสังคมควรมีการประชาสัมพันธ์การทำงานเพื่อประชาชนได้รับทราบผลการดำเนินงานและเกิดความสบายใจเมื่อต้องการความช่วยเหลือก็สามารถคิดถึง(นึกถึง)หน่วยงานของรัฐมากกว่ามูลนิธิ (องค์กรเอกชน) ทั้งนี้ การประชาสัมพันธ์และการนำเสนอข่าวที่เกี่ยวข้องกับเด็กก็ต้องคำนึงถึงการคุ้มครองปกป้องเด็กเป็นสำคัญด้วย
ร่วมแสดงความคิดเห็นได้ที่คณะกรรมาธิการการสังคม เด็ก เยาวชน สตรีผู้สูงอายุ คนพิการ และผู้ด้อยโอกาส สภานิติบัญญัติแห่งชาติ โทร. ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๕-๖โทรสาร ๐ ๒๘๓๑ ๙๒๒๖
สำนักงานเลขาธิการวุฒิสภา ถนนอู่ทองใน ดุสิต กทม. 10300 email : dek_senate@hotmail.co.th หรือ Facebook: กมธ.พัฒนาสังคมหรือ กลุ่มงานคณะกรรมาธิการการพัฒนาสังคมและกิจการเด็กฯ วุฒิสภา โทร.02-831-9225-6 แฟกซ์ 02-831-9226
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี