จากการประเมินผลทักษะการอ่าน โดย PISA ปี 2015 ของเยาวชนอายุ 15 ปี พบว่า นักเรียนไทยสอบตกวิชาการอ่าน โดยมีคะแนนอยู่ในระดับ ต่ำกว่าเกณฑ์ถึง 83% นอกจากนี้ยังพบแนวโน้มคะแนนการอ่านของนักเรียนไทยโดยรวมลดต่ำลง ถึง 32 คะแนน และยังพบความเหลื่อมล้ำทางการเรียนรู้จากทักษะการอ่านระหว่างนักเรียนจากพื้นที่กรุงเทพฯและปริมณฑล ที่มีคะแนนสูงกว่านักเรียนพื้นที่อื่นๆ โดยห่างจากภาคที่มีคะแนนต่ำสุดคือภาคอีสานตอนล่างมากกว่าครึ่งระดับ หรือเท่ากับการเรียนรู้ที่ต่างกันเกือบหนึ่งปี
สำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) จึงผนึกกำลังร่วมกับมหาวิทยาลัยราชภัฏ (มรภ.) ทั้ง 9 แห่ง ประกอบด้วย มรภ.อุตรดิตถ์ ลำปาง สุราษฎร์ธานี เพชรบุรี เลย มหาสารคาม พระนคร ยะลา และพิบูลสงคราม ดำเนินโครงการ “สานพลังเครือข่ายมหาวิทยาลัยราชภัฏเพื่อพัฒนาทักษะการอ่านออกเขียนได้และความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (Health Literacy)” โดยมีโรงเรียนกลุ่มเป้าหมาย จำนวนกว่า 200 โรงเรียน ครอบคลุมทุกภาคของประเทศ เพื่อพัฒนานวัตกรรมการอ่านออกเขียนได้และความรอบรู้ทางสุขภาวะให้กับนักเรียนระดับชั้นประถมศึกษาในพื้นที่
ดร.สุปรีดา อดุลยานนท์ ผู้จัดการกองทุน สสส. กล่าวว่า ทักษะการอ่าน-เขียนของเด็กเป็นบันไดขั้นแรกสู่การเรียนรู้ไม่รู้จบ ช่วยให้แตกฉานความรู้ที่ได้รับไม่ว่าจะในห้องเรียนหรือนอกห้องเรียนอันจะนำไปสู่การรอบรู้ด้านการดูแลสุขภาพที่จะนำไปสู่การสร้างสุขภาวะที่ดี เนื่องจากปัจจุบันคนส่วนใหญ่เจ็บป่วยด้วยโรคไม่ติดต่อเรื้อรัง (NCDs) อาทิ เบาหวาน ความดัน หัวใจ มะเร็ง ล้วนเกิดจากพฤติกรรมการใช้ชีวิต หากเด็กยังคงรู้ไม่เท่าทัน ยังเข้าถึงและเข้าใจสื่อทั้งออนไลน์และออฟไลน์ได้น้อย จะส่งผลให้ไม่สามารถดูแลสุขภาพตัวเองได้ดีเท่าที่ควรและบั่นทอนคุณภาพชีวิตในอนาคต
นางเพ็ญพรรณ จิตตะเสนีย์ผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนสุขภาวะเด็ก เยาวชน และครอบครัว สสส. กล่าวว่า เป้าหมายความร่วมมือในครั้งนี้คือการพัฒนารูปแบบการเสริมสร้างความรอบรู้ด้านสุขภาวะ (Health Literacy) ผ่านการเพิ่มขีดความสามารถด้านการอ่าน-เขียนที่นักเรียนประถมศึกษาใช้ในชีวิตประจำวันเพื่อพัฒนาสื่อนวัตกรรมที่เป็นกลไกส่งเสริมความรอบรู้ด้านสุขภาวะ เข้าใจและวิเคราะห์ข้อมูลได้ โดยดึงความร่วมมือจาก มรภ. ที่เข้มแข็งและโรงเรียนสุขภาวะในเครือข่ายกว่า 200 แห่ง ร่วมผลักดันให้ครอบครัวและชุมชนท้องถิ่นตระหนักและแก้ปัญหาร่วมกัน โดยหวังว่าโครงการนี้จะส่งเสริมให้เด็กนักเรียนในกลุ่มที่มีทักษะน้อยได้พัฒนาทักษะให้อยู่ในเกณฑ์ปกติหรือดีขึ้นกว่าเดิม
ทั้งนี้ มรภ. ทั้ง 9 แห่งภายใต้การสนับสนุน ของ สสส. จึงน่าจะมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริม สนับสนุนองค์ความรู้ทางวิชาการให้โรงเรียน เสริมศักยภาพภาคีเครือข่ายให้เกิดกลไกการทำงานในพื้นที่ และบูรณาการความร่วมมือกับทุกภาคส่วน เพื่อร่วมหานวัตกรรมที่เป็นเครื่องมือสำคัญในการแก้ไขปัญหาการอ่านออกเขียนได้ของเด็กไทยให้ยั่งยืนต่อไป
โดย ปานมณี
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี