วันพฤหัสบดี ที่ 6 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
.jpg)
เพื่อเป็นการตอกย้ำเตือนให้ทุกคนได้ตระหนักถึงภัยบนท้องถนน โดยเฉพาะในช่วงที่มีเทศกาลสำคัญๆของประเทศ อาทิ เทศกาลสงกรานต์ ทางสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ (สสส.) ร่วมกับภาคีเครือข่าย สำนักเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) บริษัทกลางคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ จำกัด และสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ได้จัดงานแถลงข่าว “สงกรานต์ดื่มไม่ขับ ไปกลับปลอดภัย ปี 2562” เพื่อสร้างความตระหนักให้เกิดวัฒนธรรมขับขี่ปลอดภัยในช่วงเทศกาลสงกรานต์ ด้วยการรณรงค์ให้ผู้ใช้รถใช้ถนนดื่มไม่ขับลดความเร็ว และช่วยกันลดความสูญเสียที่เกิดจากอุบัติเหตุทางถนน

นางสาวรุ่งอรุณ ลิ้มฬหะภัณผู้อำนวยการสำนักสนับสนุนการควบคุมปัจจัยเสี่ยงทางสังคม สสส. กล่าวว่า ที่ผ่านมาสสส. รณรงค์วัฒนธรรมเมาไม่ขับมาอย่างต่อเนื่อง โดยปีนี้ใช้ชื่อว่า “สงกรานต์ดื่มไม่ขับ ไปกลับปลอดภัย ปี 2562” และมีประเพณีสงกรานต์ปลอดภัย พื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้า ที่จัดโซนนิ่งรวบรวมถนนตระกูลข้าวปลอดเหล้า จำนวน 51 ถนน และมีพื้นที่เล่นน้ำปลอดเหล้ามากกว่า 113 แห่งทั่วประเทศ พร้อมทำสื่อวีดีโอที่ชื่อว่า “คิดถึงบ้าน” เพื่อกระตุ้นให้เกิดความตระหนักใช้ชีวิตอย่างระมัดระวัง รวมถึงได้เพิ่มความเข้มงวดเรื่องกฎหมายการตรวจจับผู้กระทำผิดจากการดื่มแล้วขับเพิ่มขึ้น โดยสาเหตุหลักของการเกิดอุบัติเหตุช่วง 7 วันอันตราย คือ การดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ รองลงมา คือ การขับรถเร็ว และยังละเลยการใช้อุปกรณ์ป้องกันความปลอดภัย เช่น ไม่สวมหมวกกันน็อก ไม่คาดเข็มขัดนิรภัย ซึ่งข้อมูลจากสถิติของศูนย์วิจัยปัญหาสุรา (ศวส.) พบว่ามีคนดื่มสุราในช่วงสงกรานต์สูงถึง 36% แต่ในช่วงเวลาปกติมีการดื่มสุรา 28.4% นอกจากตัวเลขการดื่มที่เพิ่มขึ้นแล้ว ช่วงเทศกาลสงกรานต์ยังมีการเดินทางกันมากขึ้นด้วย หากดื่มสุราแล้วยังขับขี่จะยิ่งเสี่ยงต่อการเกิดอุบัติเหตุมากขึ้นเรื่อยๆ ซึ่งการเกิดอุบัติเหตุนั้นไม่ได้หมายความว่าจะเกิดกับการเดินทางไกลอย่างเดียว แต่ภายในรัศมี 5 กิโลเมตร แถวบริเวณบ้าน แหล่งชุมชน ก็สามารถเกิดอุบัติเหตุได้ ที่สำคัญการเสียชีวิตส่วนใหญ่ 41% เป็นหัวหน้าครอบครัว ทำให้ทั้งครอบครัวได้รับผลกระทบตามไปด้วย การเสียชีวิตของคนหนึ่งคนไม่ได้หมายความว่าปัญหาจะจบอยู่แค่ตรงนั้นแต่มันเป็นปัญหาต่อเนื่องที่สังคมจะต้องตามแก้กันต่อไป

นายพรหมมินทร์ กัณธิยะ ผู้อำนวยการสำนักงานเครือข่ายลดอุบัติเหตุ (สคอ.) ตอกย้ำว่า สงกรานต์ที่ผ่านมามีการเตรียมพร้อมโดยการดึงเครือข่ายที่เกี่ยวข้องเข้ามาทำงานร่วมกันรณรงค์ให้งดดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์อย่างเด็ดขาด ซึ่งทางสำนักตำรวจแห่งชาติจะเก็บพยานหลักฐานทั้งหมดในการตรวจวัดแอลกอฮอล์ของแต่ละบุคคลเอาไว้ ทั้งนี้ ผลการเจาะเลือดผู้เสียชีวิตในช่วงเทศกาลสงกรานต์ปีที่ผ่านมา พบว่า 60% มีปริมาณแอลกอฮอล์ ถึง 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์ ในร่างกาย หรือคิดง่ายๆ ว่า ในถนนมีแต่คนเมาขับรถอยู่ ดังนั้นจึงอยากเชิญชวนให้ประชาชนปฏิบัติ ดังนี้1.ดื่มไม่ขับ 2.ไม่ขับรถเร็ว 3.ขับรถตอนกลางคืนให้ระวังมากขึ้นเพราะเทศกาลต้องยอมรับว่าเราจะมีคนดื่มแล้วขับบนถนนมากขึ้น และในปีนี้หากคนขับเมา ผู้โดยสารที่นั่งมาด้วยก็มีสิทธิได้รับโทษ เพราะไม่ตักเตือนห้ามปราม
นายพรหมมินทร์ กล่าวต่อไปว่า สำหรับโทษในการเมาแล้วขับ โดยมีระดับแอลกอฮอล์เกิน 50 มิลลิกรัมเปอร์เซ็นต์มีโทษทั้งจำทั้งปรับ อัตราโทษ สูงถึง 1 ปี และปรับ 10,000-20,000 บาท หากดื่มแล้วขับทำให้ผู้อื่นได้รับบาดเจ็บ มีโทษจำคุก 1-5 ปี ปรับ 20,000-100,000 บาท หรือทำให้ผู้อื่นบาดเจ็บสาหัส มีโทษจำคุก 2-6 ปี ปรับ 40,000-120,000 บาท หากเป็นเหตุให้ผู้อื่นถึงแก่ความตาย โทษจำคุก 3-10 ปี ปรับ 60,000-200,000 บาท และเพิกถอนใบอนุญาตขับขี่ ทั้งนี้ขอย้ำเตือนว่า อย่าให้ช่วงเทศกาลทำให้ครอบครัวเกิดการสูญเสีย ประชาชนต้องมีการเตรียมพร้อมก่อนเดินทาง ไม่ดื่มแล้วขับทุกชีวิตจะปลอดภัย
.jpg)
นางสาวรุจิรา คุทโสระ อายุ 22 ปี ผู้ประสบอุบัติเหตุจากคนดื่มแล้วขับ เล่าย้อนให้ฟังว่า หลังเลิกงานได้ขึ้นรถรับ-ส่งพนักงานเพื่อกลับบ้าน ซึ่งตนได้นั่งข้างคนขับ ในช่วงเวลาประมาณตี 4 ตนได้เผลอหลับไปและเกิดอุบัติเหตุทำให้คนขับได้พุ่งเข้าชนเสาไฟฟ้า เมื่อฟื้นขึ้นมาที่โรงพยาบาล เห็นแม่และเพื่อนยืนล้อมรอบเตียง เมื่อสังเกตร่างกายทำให้รู้ว่าไม่สามารถขยับช่วงล่างตั้งแต่เอวไปจนถึงปลายเท้าได้ ซึ่งหมอได้ทำการผ่าตัดปลายประสาทแต่ก็ไม่สามารถทำให้กลับมาเป็นปกติได้อีก ตนจึงกลายเป็นผู้พิการช่วงล่างอย่างถาวร รู้สึกเสียใจถึงขั้นอยากฆ่าตัวตาย แต่เมื่อนึกถึงแม่และลูกทำให้เริ่มมีกำลังใจมากขึ้น และเริ่มสมัครงานใหม่จนปัจจุบันทำอาชีพพนักงานบัญชีที่มูลนิธิพัฒนาศักยภาพคนพิการ สิ่งที่เสียใจที่สุดในเหตุการณ์ครั้งนี้ไม่ใช่การที่มีรายได้ไม่มากเท่าเดิม แต่เป็นการที่ตนได้ทราบภายหลังว่า คนขับรถรับ-ส่งพนักงานคนนั้นดื่มแล้วขับ แต่กลับปฏิเสธเสียงแข็งกับเธอว่าไม่ได้ดื่ม
ทุกคนที่ต้องกำพวงมาลัยรถอยู่ในมือ อย่ามองว่าการดื่มแล้วขับเป็นเรื่องไกลตัว เพราะเมื่อไหร่ที่คุณดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ ความสามารถในการขับขี่จะลดลง อุบัติเหตุส่วนใหญ่เกิดจากพฤติกรรมคนขับรถ ดังนั้นเราต้องเริ่มเปลี่ยนแปลงที่ตัวเองเป็นสำคัญ การรณรงค์เป็นเพียงส่วนหนึ่งที่ย้ำเตือนให้เกิดการเปลี่ยนแปลงไปในทิศทางที่ดี ซึ่งเป็นเพียงมาตรการระยะสั้นเท่านั้น ส่วนระยะยาว คือ การเปลี่ยนทัศนคติและเพิ่มความรับผิดชอบของคนขับรถเป็นสำคัญ
โดย ปานมณี

‘อบต.เหล่าหมี มุกดาหาร’จัดงานลอยกระทง งดพลุ แสง สี เสียง
‘นายกฯอนุทิน’ตอบเอง หลังชาวเน็ตโฟกัส‘ซิป’ งานนี้ฮาไม่เบา
วิทยาลัยอาชีวศึกษาอุดรธานี แปลอักษรถวายความอาลัย'สมเด็จพระพันปีหลวง'
ศูนย์พัฒนาเด็กเล็ก‘อบต.นาฝาย ชัยภูมิ’นำเด็กฝึกทำกระทงใบตอง ลดค่าใช้จ่ายวันลอยกระทง
ส่งผ่าพิสูจน์! 'โลมาลายแถบ'เกยตื้นตาย'ชายหาดบาสัก' พบมีบาดแผลถลอก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี