ผมได้เขียนไปว่า ในยุคข้างหน้า จะต้องเป็นการเรียนแบบนิเวศวิทยา (Learning Ecosystem) คือ อยู่ที่ไหนก็เรียนได้ สอนถ่ายทอดความรู้แบบเดิม ไม่พอจะต้องสอนให้คนคิดเป็น อาจจะดีกว่าการเรียนในห้องก็ได้ ผมได้ความคิดนี้เมื่อจบจากนิวซีแลนด์ที่ทำให้ผมต้องอ่านหนังสือมากหลายเล่มแล้วสรุปเป็นความรู้ของตัวเอง ซึ่งช่วงเป็นนักเรียนมัธยมจากเทพศิรินทร์ ผมชอบวิชาเรียงความ เรื่องที่เขียนก็เหมือนห้องเรียนดีๆ นั่นเอง
จากการอ่านหนังสือหรือการเขียนบทความ ผมมักจะถามลูกศิษย์เสมอว่าได้อะไร เพราะคนไทยส่วนใหญ่สรุปประเด็นหลักๆ ไม่ได้ มักจะลอกมาทุกประเด็นมาโดยไม่แยกแยะว่า อะไรสำคัญ
ในการทำงานแบบ Chira Way ผมมีหลัก 2R’s
Reality-มองความจริง
Relevance-ตรงประเด็น
คือรู้อะไรต้องปะทะกับความจริงและเลือกประเด็นสำคัญที่แหลมคม และสร้างมูลค่าเพิ่มแบบ 3V’s แก้ปัญหาต่างๆได้
ปัญหาการศึกษาของเราถูกกำหนดด้วยหลักสูตรที่คนร่างก็รู้ไม่จริง (ลอกฝรั่ง) คนเรียนก็ทำตาม จึงทำให้คนไทยไม่สนุกกับการเรียนและคิดไม่เป็น
วันนี้ผมจึงจะนำเรื่องภาวะผู้นำจาก Harvard Business Review มาเป็นตัวอย่าง ไม่ใช่เพราะเห่อ Harvard หรือภาษาอังกฤษ แต่เพราะทำให้เราได้เรียนรู้ จากบทความชื่อว่า Seven Transformations of Leadership เขียนโดย David Rooke and William R. Tobert ซึ่งแสดงให้เห็นถึงการเป็นผู้นำระดับ Transformation ต้องมีคุณลักษณะ 7 ประการ ดูจากตาราง
(1) Opportunist นักฉกฉวยโอกาส
(2) Diplomat นักการทูต-หาทางเจรจาลดความขัดแย้ง
(3) Expert รู้จริง รู้ลึก ศึกษาจริง
(4) Individualist บริหารความเสี่ยงได้ดี ไม่ตามกฎมากไป
(5) Achiever มีเป้าหมาย และทำตามเป้าหมายให้สำเร็จ
(6) Strategist บริหารการเปลี่ยนแปลง (ทางยุทธศาสตร์)
(7) Alchemist เป็นผู้บริหารความสมดุลของสังคม
ในช่วงที่ Trump เป็นนักธุรกิจอาจจะพูดได้ว่า Trump ประสบความสำเร็จหลายเรื่อง แต่เมื่อเป็นประธานาธิบดีที่เป็นผู้นำของโลก ต้องจัดการปัญหาต่างๆ หลายเรื่องระดับโลก ล้มเหลวในความเป็นผู้นำแบบ Transactional คือปรับเปลี่ยนเล็กๆ แค่อยู่ไปแต่ละวัน ไม่เป็นผู้นำระดับ Transformational
จะเห็นว่า คุณสมบัติหลายข้อ ในการเป็นผู้นำ Transformation Leadership นี้ คุณ Trump ไม่มี เช่น การจัดการกับวิกฤตการณ์ของเกาหลีเหนือ การใช้คำพูดขู่เกาหลีเหนือโดยไม่เจรจาต่อรองหาทางออกหรือว่า Trump ตกข้อสำคัญที่เรียกว่า บทบาทในการเป็นนักการทูตที่ควรหาทางออกแบบสันติวิธี แต่การใช้ Twitter แบบไม่ไว้หน้า ผู้นำอย่างจีนหรือเกาหลีเหนือไม่ยกย่องให้ศักดิ์ศรีกับคนในเอเชียทำเขาเสียหน้า เขาก็จะไม่เจรจาต่อรองดังเช่นประธานาธิบดี Xi Jinping มี ขอให้จีนช่วยเกาหลีเหนือแต่ Trump ไม่มีศิลปะการทูตหารือกับท่าน มองจีนเป็นประเทศบริวาร จีนถือว่าเป็นประเทศที่มีเกียรติและมีศักดิ์ศรีผมถือหลักการบริหารคนแบบ HRDS ที่ประกอบด้วย
Happiness คือ ความสุข
Respect คือ การยอมรับนับถือซึ่งกันและกัน
Dignity คือ การยกย่องให้เกียรติซึ่งกันและกัน
Sustainability คือ ความยั่งยืน
มีอีก 2 ข้อที่อันตรายมากๆ สำหรับ Trump คือขาดความเชี่ยวชาญในเรื่องต่างๆ ตกเรื่อง Expert เช่น เรื่องอื่นที่ไม่ใช่ธุรกิจ เช่น การปิดการขายหรือการทำสัญญา (Deals) ทางธุรกิจย่อมแตกต่างจากการเมือง เช่น เรื่องนโยบาย Health Care เขาปล่อยให้สภาผู้แทนเป็นคนตัดสินใจ โดยตัวเองไม่ศึกษาอย่างรอบด้าน ถือว่า อะไรขาดความเป็น Expert
ส่วนประเด็นสุดท้ายคือ Alchemist ซึ่งแปลว่า การสร้างความปรองดองในสังคม ในหนังสือยกย่อง Nelson Mandela ว่า ทำให้ผิวขาวและผิวดำอยู่ด้วยกันได้ดีอย่างสันติเพื่อสร้าง Social Transformation ตรงข้ามกับ Trump ที่เป็นทุนนิยมขวาจัด เป็นชาตินิยมคล้ายสมัย Nazi เรืองอำนาจซึ่งเป็นอดีตความเจ็บปวดที่ไม่มีใครอยากพูดถึง ทำให้เกิดสังคมที่แตกแยกในสหรัฐอเมริกาในปัจจุบัน
จึงสรุปว่า การชนะการเลือกตั้งกับการเป็นผู้นำที่โลกยอมรับเป็นคนละเรื่องกันหรือการหาเสียงได้กับการปกครองประเทศถือเป็นภาวะผู้นำที่แตกต่างกันอย่างสิ้นเชิง น่าจะเป็นบทเรียนราคาแพงสำหรับผู้นำอย่างคุณทักษิณและคุณยิ่งลักษณ์ด้วย ที่บริหารประเทศล้มเหลว โดยขาดธรรมาภิบาล มีแต่ความขัดแย้งตลอดมา แต่ชนะเลือกตั้งได้ทุกครั้ง
จีระ หงส์ลดารมภ์
dr.chira@hotmail.com
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี