ปรากฏการณ์ผีปอบอาละวาดที่บ้านนาบง ลำดับเหตุการณ์ ดังนี้
เริ่มตั้งแต่วันที่ 29 ต.ค.ที่ผ่านมา ชาวบ้านนาบง ต.หนองสรวง อ.หนองกุงศรี จ.กาฬสินธุ์ ต่างกระวนกระวายใจ ส่วนใหญ่เก็บตัวเงียบเมื่อตกค่ำ หลังพบว่าในหมู่บ้าน เกิดเหตุการณ์ตายผิดปกติของชายฉกรรจ์ เล่ากันว่าถึง 4 คน ภายในสัปดาห์เดียว ทั้งที่แต่ละคนมีสุขภาพที่แข็งแรง
ผู้ตายมีอาการเลือดออกทางปาก จมูก ตามแขนขา บางรายออกทางทวารหนัก
หมา แมว ควาย ในหมู่บ้าน ก็มีอาการตายที่เหมือนกัน โดยมีควายท้องแก่ใกล้คลอดชักตาย มีเลือดไหลออกมาทางปาก
ชาวบ้านเชื่อว่าเป็นฝีมือของผีปอบ
เล่าขานกันอีกว่า เคยเกิดขึ้นในลักษณะเดียวกันนี้เมื่อ 50 ปีที่แล้ว มีครอบครัวหนึ่งเรียนไสยศาสตร์ เป็นผู้หญิง ไม่สามารถรักษาไสยศาสตร์ที่ตนเรียนเอาไว้ได้ กลายเป็นผีปอบ ออกอาละวาดเข้าสิงร่างกายคน เข้าไปกินตับ ไต ไส้ พุง จนทำให้คนที่ถูกปอบเข้าเสียชีวิต
บ้านหลายหลัง เริ่มใช้วิธีนำว่านไฟ ขมิ้น หรือข่า ผูกติดไว้บริเวณประตูทางเข้าหน้าบ้าน
นายบุญถม แสนวงค์ อายุ 67 ปี ชาวบ้านนาบง เล่าว่า หลังจากที่ได้ติดต่อทางวิญญาณกับหลักบ้านหลักเมือง รู้ว่าเป็นผีปอบ จึงได้รายงานไปยังกำนัน ผู้ใหญ่บ้าน และเตรียมการที่จะทำการจัดพิธีไล่ปอบ
ชาวบ้านได้นิมนต์ฤๅษีคัมภีร์ คัมภีโร จากอำเภอเชียงยืน จังหวัดมหาสารคาม มาทำการขับไล่
คืนก่อนไล่ปอบ ผู้นำชุมชนทั้ง 3 หมู่บ้าน ประกอบด้วย บ้านนาบง หมู่ที่ 3, 8 และ 11 เตรียมทำพิธี หลังเที่ยงคืนห้ามคนในออก ห้ามคนนอกเข้าหมู่บ้าน
วันที่ 5 พ.ย. วันดีเดย์ไล่ผีปอบ ชาวบ้านนาบง ได้นำไม้มาขวางกั้น พร้อมป้ายประชาสัมพันธ์ ห้ามผ่านทาง ปิดหมู่บ้าน ไม่ให้คนในออกและห้ามคนนอกเข้าหมู่บ้าน นำสายสิญจน์ ล้อมรอบบ้านไปจรดศาลากลางบ้านนาบง ชาวบ้านกว่า 1,000 คน นั่งล้อมวงร่วมพิธี
พิธีเริ่มตอนเช้า ฤๅษีได้ติดต่อดวงวิญญาณหลักบ้านหรือเจ้าบ้าน และทราบว่า ผีปอบที่ออกอาละวาด เป็นผีปอบที่มีมาก่อนตั้งหมู่บ้านนาบง แต่หลังจากตั้งหมู่บ้านเมื่อ 50 ปีก่อน ก็ถูกผู้มีวิชาสะกดเอาไว้ โดยปล่อยให้ผีบ้านผีเรือนหรือผีเจ้าบ้านดูแล แต่เนื่องจากชาวบ้านไม่เคย
เลี้ยงดูวิญญาณผีเจ้าบ้าน จึงปล่อยให้วิญญาณร้ายที่ถูกสะกดออกมากัดกินคนในหมู่บ้าน
หลังเจริญพระพุทธมนต์ การไล่จับผีปอบเริ่มขึ้น โดยฤๅษีสวดมนต์ ชายฉกรรจ์แต่งชุดขาว 2 คน ได้ยืนถือไม้คล้ายกับเซียงค้อง (เรียกว่า ม้าทรง) เดินแกว่งและเคาะไปมา มีชายชุดขาวที่มีเชือกถักสานด้วยหญ้าคา ยาว 9 วา วิ่งไปล้อมจุดที่ม้าทรงเคาะ ชายชุดขาวเข้าไปคว้าเอาวิญญาณใส่กระบอกไม้ไผ่ที่ผ่านการปลุกเสก
ระหว่างพิธี ฤๅษีได้ปลุกเสกกรวดและก้อนหิน
ฤๅษีคัมภรี คัมภีรปัญโญ เล่าว่า ผีปอบกว่า 800 ตน ถูกจับวิญญาณและปลดปล่อยไปสู่สุคติ
ทั้งหมดจะถูกนำมาเผาไฟเพื่อส่งวิญญาณให้ไปเกิดใหม่
เสร็จพิธี ชาวบ้านนำหินที่ผ่านการปลุกเสกไปปาใส่หลังคาบ้านเพื่อขับไล่เสนียดจัญไร
ฤๅษีสอนว่า ปัญหาเกิดขึ้น เพราะชาวบ้านไม่รักษาธรรมเนียมเปิงบ้าน หรือหลักบ้าน ภูมิเจ้าที่ ปล่อยปะละเลย ต่อไปนี้ ขอให้ทำตาม “ฮีต 12 คอง 14”
วันต่อมา สาธารณสุขจังหวัดกาฬสินธุ์ มอบหมายให้นายแพทย์ไพรัตน์ สงคราม นายแพทย์เชี่ยวชาญด้านเวชกรรมป้องกัน และเจ้าหน้าที่ฝ่ายสุขภาพจิตและประชาสัมพันธ์ ลงพื้นที่เพื่อดูแลสุขภาพอนามัยของชาวบ้าน
ได้เข้าสอบสวนโรค แยกย้ายไปยังบ้านของผู้ตาย นักจิตวิทยาทำการประเมินภาวะจิตใจของชาวบ้าน โดยไม่พูดคุยถึงเรื่องของความเชื่อ แต่เน้นในการประชาสัมพันธ์เกี่ยวกับสุขภาพเท่านั้น
นพ.ไพรัตน์เปิดเผยว่า ในรายที่เสียชีวิตจากข่าวลือมี 4 คน แต่เท่าที่ทราบมี 2 คน
รายหนึ่ง เสียชีวิตด้วยโรคไข้ฉี่หนู
อีกหนึ่งราย เสียชีวิตด้วยปัญหาโรคความดัน
ทั้งหมด มีเอกสารทางการแพทย์ยืนยัน
ทีมงานได้ประชาสัมพันธ์ความรู้ให้ประชาชนรักษาสุขภาพให้แข็งแรง เพื่อต่อสู้กับสภาพอากาศที่หนาวเย็น โดยหลังจากนี้ จะมีทีมแพทย์จากโรงพยาบาลหนองกุงศรีเข้ามาดูแลร่วมกับนักจิตวิทยา
“เท่าที่สอบถาม ก่อนที่จะมีพิธีนั้น ชาวบ้านส่วนใหญ่มีความวิตกกังวล แต่หลังจากทำพิธี ก็รู้สึกดีขึ้น ทั้งนี้เป็นเรื่องของความเชื่อ หมอคงไม่ยุ่งเกี่ยวกับความเชื่อของประชาชน หมอมีหน้าที่ในการรักษาสุขภาพกายและสุขภาพจิตให้ดีที่สุด” นพ.ไพรัตน์กล่าว
ปรากฏการณ์ผีปอบ มีข้อน่าคิดเพิ่มเติม ดังนี้
1. สิ่งที่ฤๅษีแนะนำว่า ให้ชาวบ้านรักษา “ฮีต 12 คอง 14” คืออะไร?
ฮีตสิบสอง มาจากคำสองคำได้แก่ “ฮีต” คือคำว่า “จารีต” หมายถึง ธรรมเนียม ประเพณี ความประพฤติที่ดี และ สิบสอง หมายถึง สิบสองเดือน คำนี้จึงหมายถึง ประเพณีที่ชาวอีสาน ถือปฏิบัติกันมาในเดือนต่างๆของแต่ละปี
ได้แก่ เดือนอ้าย - บุญเข้ากรรม, เดือนยี่ - บุญคูณลาน, เดือนสาม - บุญข้าวจี่, เดือนสี่ - บุญผะเหวด ฯลฯ
คองสิบสี่ คือ ข้อปฏิบัติที่ยึดถือสืบต่อกันมาแต่โบราณ 14 ข้อ เพื่อดำรงรักษาไว้ซึ่งทำนองคลองธรรมอันดี
ได้แก่
ฮีตเจ้าคองขุน สำหรับผู้ครองเมือง ขุนนางข้าราชบริพาร
ฮีตเจ้าคองเพีย สำหรับเจ้านายชั้นผู้ใหญ่ในการปกครองข้าทาสบริวาร
ฮีตไพร่คองนาย สำหรับประชาชนในการปฏิบัติตนตามกบิลบ้านเมืองและหน้าที่พึงปฏิบัติต่อนาย
ฮีตบ้านคองเมือง วัตรอันพึงปฏิบัติตามธรรมเนียมทั่วไปของพลเมืองต่อบ้านเมืองและส่วนรวม
ฮีตผัวคองเมีย หลักปฏิบัติต่อกันของสามีภรรยา
ฮีตพ่อคองแม่ หลักปฏิบัติของผู้ครองเรือนต่อลูกหลาน
ฮีตลูกคองหลาน หลักปฏิบัติของลูกหลานต่อบุพการี
ฮีตใภ้คองเขย หลักปฏิบัติของสะใภ้ต่อญาติผู้ใหญ่และพ่อแม่สามี
ฮีตป้าคองลุง หลักปฏิบัติของลุง ป้า น้า อา ต่อลูกหลาน
ฮีตคองปู่ย่า, ตาคองยาย หลักปฏิบัติของปู่ย่า ตายาย ให้เป็นร่มโพธิ์ร่มไทรต่อลูกหลาน
ฮีตเฒ่าคองแก่ หลักปฏิบัติของผู้เฒ่าในวัยชราให้เป็นที่เคารพเลื่อมในเหมาะสม
ฮีตคองเดือน การปฏิบัติตามจารีตประเพณีต่างๆ ในฮีตสิบสอง
ฮีตไฮ่คองนา การปฏิบัติตามประเพณีเกี่ยวกับการทำไร่ทำนา
ฮีตวัดคองสงฆ์ หลักปฏิบัติของภิกษุสามเณรให้ถูกต้องตามพระธรรมวินัยทั้งการช่วยทำนุบำรุงวัดวาอาราม
จะเห็นได้ว่า หากสังคมใดสามารถรักษา “ฮีต12 คอง14” ได้อย่างแท้จริง ก็น่าจะเป็นประโยชน์แก่บ้านเมืองส่วนรวม ปลอดภัย ปลอดผีปอบ และยังมีความสุขความเจริญอีกด้วย
2. น่าคิดว่า จากเรื่องผีปอบระดับหมู่บ้าน ทำให้นึกย้อนกลับไปถึงการเมืองยุคหนึ่ง ที่อดีตนายกรัฐมนตรี ถูกวิพากษ์วิจารณ์ทำนองว่าเห็นเหมือนผีปอบ โกงกินบ้านเมือง หนีไปต่างประเทศ กระทั่งเกิดคดีความฟ้องร้องกัน
นั่นก็เพราะการเป็นผู้มีวิชา มีอำนาจ แต่ขาดคุณธรรม ละเมิด “ฮีต12 คอง 14”
คดีที่ว่านั้น นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หนีคดีอยู่ต่างประเทศ มอบอำนาจให้ทนายความเป็นโจทก์ยื่นฟ้อง ฝ่ายจำเลย ได้แก่ พรรคประชาธิปัตย์ และนายเทพไท เสนพงศ์ อดีต สส.นครศรีธรรมราช พรรคประชาธิปัตย์ เป็นจำเลยที่ 1-2
คำฟ้องระบุพฤติการณ์ว่า เมื่อวันที่ 17-19 พ.ค. 2549 นายเทพไทแถลงข่าว ณ ที่ทำการพรรคประชาธิปัตย์ เรียกร้องให้คณะรัฐมนตรียุครัฐบาลทักษิณลาออก โดยกล่าวทำนองว่าบริหารประเทศแบบซีอีโอที่มีรัฐมนตรีเป็นเพียงผู้ช่วย ทำงานไม่ได้ และยังได้กล่าวเปรียบเทียบนายทักษิณเหมือนผีปอบ ออกจากร่างแล้วกลับเข้าร่างไม่ได้ แต่พยายามทุกวิถีทางเพื่อกลับเข้าสู่ร่างเดิม
คดีนี้ ศาลชั้นต้นพิพากษาให้ยกฟ้อง เมื่อวันที่ 4 สิงหาคม 2558
ต่อมา โจทก์ยื่นอุทธรณ์ ศาลอุทธรณ์พิพากษายืนตามศาลชั้นต้น ระบุว่า โจทก์ดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรี และรักษาการนายกรัฐมนตรี ถือเป็นบุคคลสาธารณะที่สามารถจะถูกตรวจสอบการทำงานได้ การกล่าวของนายเทพไท จำเลยที่ 2 เป็นการพูดจาตอบโต้กันในทางการเมือง ถือเป็นการวิพากษ์วิจารณ์ แสดงความคิดเห็นและติชมด้วยความเป็นธรรม อันเป็นวิสัยที่สามารถกระทำได้
ปิดตำนานคดีผีปอบการเมือง
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี