ผมเคยตอบ 4 คำถามของนายกฯ ประยุทธ์ ในคอลัมน์นี้ไปแล้ว มาครั้งนี้ผมไม่คิดจะตอบ เพราะพิจารณาดูคำถามของท่านแล้ว ท่านต้องการจะบอก หรือต้องการจะชี้นำ มากกว่าจะอยากได้คำตอบจริงๆ
คำถามทั้ง 6 ข้อ ของนายกฯ ประยุทธ์ ผมจับความที่ท่านอยากจะบอกได้ดังต่อไปนี้
ท่านพยายามบอกว่า เราจำเป็นต้องมีพรรคการเมืองใหม่ๆ มีนักการเมืองใหม่ๆ ที่มีคุณภาพ ให้ประชาชนเลือก จะได้มีรัฐบาลที่มาปฏิรูปและทำตามยุทธศาสตร์ชาติ
ชี้นำด้วยว่า คสช.และตัวนายกฯ มีสิทธิที่จะสนับสนุนพรรคการเมือง นักการเมืองใดๆ ได้ และจะสนับสนุนพรรคการเมืองและนักการเมืองใหม่ (มีคำว่า ถ้าไม่มีอะไรใหม่ มา ตนก็ไม่สนับสนุน)
ประเด็นนี้ เปิดช่องให้ถูกตอบโต้ได้ว่า นายกฯและ คสช.จะสนับสนุนใครก็ได้ หากท่านไม่ได้อำนาจและเป็นผู้ต้องปฏิบัติหน้าที่ให้เกิดความเป็นธรรม แต่นี่ท่านมีอำนาจให้คุณให้โทษได้ จึงทำเช่นนั้นไม่ได้ ขณะที่ กกต.และข้าราชการก็อยู่ในสถานะเดียวกับท่าน ใช่หรือไม่?
ท่านบอกว่า คสช.และรัฐบาล ดำเนินการมากมายในช่วงเวลา 3 ปี อย่างเช่น การแก้ความขัดแย้ง แก้ปัญหาหมักหมม เป็นการตัดพ้อ ทวงให้คิดถึงผลงาน
ประเด็นนี้ เปิดช่องให้วิจารณ์ได้ว่า ความขัดแย้งก็ยังอยู่ ไม่ได้หมดไป เพียงแต่ถูกกด สงบชั่วคราว และที่ดำเนินการมา 3 ปี เศรษฐกิจดีแต่คนรวย ส่วนคนจนเดือดร้อน
นอกจากนี้ นายกฯ ประยุทธ์ คงอยากบอกว่า พวกที่ต้องการจะเอาแนวทางจัดตั้งรัฐบาล (ปรับ ครม.) เหมือนอดีต อย่างสมัยจอมพลสฤษดิ์ ที่เอาเทคโนแครต มืออาชีพ เข้ามาทำงาน หรือพวกที่แนะนำให้จัดตั้งรัฐบาลในอนาคตเหมือนพลเอกเปรม ที่ไม่ได้สังกัดพรรคการเมือง ไม่ได้ลงเลือกตั้ง แล้วให้พรรคการเมืองต่างๆ มายอมยกให้เป็นผู้นำรัฐบาล สถานการณ์สมัยโน้นและสมัยนี้มันไม่เหมือนกัน ขณะนี้มีความขัดแย้ง มีโซเชียลมีเดีย เต็มไปหมด
คำถามของนายกฯ ยังทำให้จับความได้อีก ว่าท่านต้องการบอกว่า ที่ผ่านมา รัฐบาลและการเมืองจากการเลือกตั้งแบบประชาธิปไตยไม่มีประสิทธิภาพ ไม่มีธรรมาภิบาล พัฒนาประเทศไม่มีความต่อเนื่อง
ประเด็นนี้ เป็นการกล่าวแบบเหมารวม ไม่แยกแยะรัฐบาล พรรคการเมือง และนักการเมือง รายตัว รายพรรค ทำให้เกิดความขัดแย้งกับพรรคการเมืองอย่างไม่น่าจะเกิด
สุดท้าย นายกฯ ยังตำหนินักการเมืองที่ออกมาเคลื่อนไหว ว่าบิดเบือนข้อเท็จจริงในช่วงนี้มากผิดปกติ เท่ากับกำลังเปิดหน้าชกเต็มที่ ต่างจากช่วง 2 ปีก่อนหน้านี้ที่ท่านสงวนท่าที สุขุมกว่านี้
จึงเดาได้ว่า แม้กระทรวงมหาดไทยและข้าราชการ ขุนพลอยพยัก จะได้ออกมาขานรับ เปิดให้คนส่งความคิดเห็นเข้ามา ประชาชนก็คงจะแสดงความคิดเห็นน้อยลง เพราะประชาชนคงฉลาดพอที่จะรู้ว่า ทั้ง 6 ข้อนั้น ไม่ใช่คำถามที่อยากจะรู้คำตอบ แต่เป็นการระบายความในใจ หรือบอกสังคมของนายกฯ
ถึงตอบคำถามไป ก็ไม่สามารถประมวลผลของคำตอบได้ เพราไม่ได้เป็นการสุ่มตัวอย่างให้ครอบคลุม เป็นตัวแทนของประชากรได้ แต่จะได้คำตอบจากคนที่ต้องการจะบอก หรือคนที่ข้าราชการเกณฑ์ให้ตอบท่านั้น
น่าสนใจที่ซูเปอร์โพล ของนพดล กรรณิกาได้ออกมาในเวลาไล่เลี่ยกัน (อย่างกับรู้มาก่อนว่านายกฯ จะถามอะไร) ได้ผลคำตอบของประชาชนทันทีว่า ประชาชนต้องการพรรคการเมืองหน้าใหม่ให้เลือกมากขึ้นถึง 75% และมีนักการเมืองหน้าใหม่ถึง 82%
ถ้าซูเปอร์โพลเชื่อถือได้ และไม่ได้ชี้นำ สิ่งที่พลเอกประยุทธ์ถามนำก็ได้คำตอบเรียบร้อยแล้ว ตรงตามที่คาดคิดไว้
ความจริง คำถามนำของนายกฯ ก็อาจดูอย่างเผินๆ ได้ว่า เหมือนนักข่าวที่คอยถามนำนายกฯ และคนในรัฐบาล แต่สถานะของนายกฯ ไม่ใช่สถานะของนักข่าว ที่ต้องคอยถามเพื่อแคะ แกะ กระแทก หรือเรียกว่าถามนำ ถามชี้นำให้หลงตอบ ถ้านายกฯ อยากจะแสดงความเห็น ความในใจ อย่างตรงไปตรงมา และสุภาพ อาจจะดูสง่างาม ลดความขัดแย้งได้มากกว่า
เพื่อให้นายกฯ ได้เข้าใจความรู้สึกของคนถูกถาม ว่าเมื่อถูกถามนำแล้วรู้สึกอย่างไร
ผมขอถามพลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา และกรุณาตอบ ดังนี้
1. หากนายกฯ ประยุทธ์ จะเป็นนายกรัฐมนตรีของไทย ที่อาศัยรัฐธรรมนูญกำหนดให้มีวุฒิสภามาจากการแต่งตั้งถึง 250 คน และเปิดช่องให้คนที่ไม่ได้ผ่านการเลือกตั้งเป็นนายกฯ ได้ ท่านคิดว่าจะบริหารบ้านเมืองได้ราบรื่นเพราะมีวุฒิสภาคอยสนับสนุนได้หรือไม่? หรือจะมีพรรคขนาดเล็กหรือขนาดกลางสนับสนุน จะเพียงพอที่จะทำให้รัฐบาลของท่านมีเสถียรภาพหรือไม่? และท่านจะต้องคอยตอบแทนผลประโยชน์ให้แก่สมาชิกวุฒิสภา (สว.) และพรรคการเมืองเหล่านั้นอย่างไรหรือไม่?
2. นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จะทนต่อการตรวจสอบจากสภาผู้แทนตามหน้าที่ของพรรคฝ่ายค้าน ที่คอยจับถูก จับผิด อภิปรายทิ่มแทง ยั่วยุ และจะรักษาอารมณ์ของท่านให้สมกับสถานะผู้นำประเทศ ได้หรือไม่?
3. นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จะอดทนกับสื่อมวลชนที่มีความกล้าที่จะตรวจสอบ วิพากษ์วิจารณ์คนในรัฐบาลของท่านมากขึ้น และไม่เกรงใจเหมือนที่เอออวยในปัจจุบัน ได้หรือไม่?
4. นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จะหลุดพ้นจากระบบอุปถัมภ์ ที่วัฒนธรรมของทหารมีอยู่อย่างเหนียวแน่นได้หรือไม่? จะไม่เห็นแก่ลูกน้องและตอบแทนบุญคุณลูกพี่และเพื่อนพ้องได้หรือไม่? จะกล้า และมีวิสัยทัศน์กว้างไกลที่จะเลือกคนดี มีฝีมือ เป็นมืออาชีพเข้ารับตำแหน่งหน้าที่ ได้จริงๆ หรือไม่?
5. หลังการเลือกตั้ง กองทัพทั้ง 3 ก็ต้องกลับไปทำหน้าที่ของทหารตามกฎหมาย ไม่สามารถออกมาปฏิบัติการนอกหน้าที่ได้ ท่านยังมั่นใจในตำรวจที่จะออกมาดูแลความสงบเรียบร้อย ดูแลการบังคับใช้กฎหมาย การดำเนินคดีต่างๆ เหมือนอย่างในปัจจุบัน ได้หรือไม่?
6. เมื่อมีเหตุเดือดร้อนเกิดขึ้น ไม่ว่าจะเกิดกับคนในอาชีพต่างๆ ชุมชน ท้องที่ต่างๆ ย่อมมีการรวมตัว เสนอความเห็น ชุมนุม และกดดัน ท่านคิดว่าท่านจะอดทนกับการเคลื่อนไหวในระบอบประชาธิปไตย ตามสิทธิในรัฐธรรมนูญ ได้หรือไม่?
7. หลังการเลือกตั้ง นายกฯ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา ไม่มีมาตรา 44 ที่จะให้อำนาจเบ็ดเสร็จเด็ดขาด ที่ใครจะเอาผิดฟ้องร้องท่านไม่ได้ ท่านจะบริหารประเทศด้วยกฎหมายปกติธรรมดาได้หรือไม่ และจะอดทนที่จะถูกฟ้องร้อง ถูกดำเนินคดี ไม่ว่าจะเป็นเรื่องจริงและเรื่องเท็จ ได้หรือไม่?
ขอให้โชคดี และด้วยความปรารถนาดีอย่างจริงใจครับ
ดร.เจิมศักดิ์ ปิ่นทอง
ศาสตราภิชาน มหาวิทยาลัยรังสิต
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี