วันนี้ก็อยากนำนิทานในธัมมะเรื่องหนึ่งมาเล่าให้ฟังกันอีกครั้งหนึ่ง เพราะเป็นนิทานสอนใจคนให้รู้จักนึก รู้จักคิด รู้จักทำแต่สิ่งดีๆ ไม่ใช่ทำตามใจชอบ
นิทานธัมมะเรื่องนี้มีว่า เทวดาเห็นหนอนที่อยู่ในส้วมก็สงสาร เพราะต้องชอนไชอยู่กับอาจมที่เน่าเหม็น และกินอาจมเหล่านั้นเป็นอาหารตลอดเวลา เทวดาจึงชวนหนอนไปอยู่บนสวรรค์ด้วยกัน เพื่อกินอาหารทิพย์ แต่ได้รับการปฏิเสธจากหนอน โดยหนอนบอกกับเทวดาว่า อาหารทิพย์นั้นต้องเสียเวลานึกเสียก่อนจึงจะได้กิน แต่อาหารของตนนั้นกินได้ตลอดเวลา ไม่ต้องนึก
นิทานธัมมะเรื่องนี้สอนใจคนให้รู้จักทำแต่สิ่งที่ดีๆ แต่คนที่เคยชินกับความอิ่มเอมที่ตนได้รับ เคยชินอยู่กับความสกปรกเน่าเหม็นต่างๆเพราะได้ประโยชน์ตลอดเวลา ใครจะชวนไปในทางดีไม่อยากฟัง ไม่อยากไป และไม่อยากนึกอะไรให้เสียเวลา เพราะประโยชน์ที่ตนได้รับอยู่นั้นมีอเนกอนันต์ ถ้าลุกไปจากตรงนั้นเมื่อไร ประโยชน์ต่างๆที่เคยได้รับก็สูญ
เหมือนเรื่องหนอนที่ชอบอยู่ในอาจมตามนิทานธัมมะ
ปัจจุบันนี้มีคนประเภทหนอนที่ชอบอยู่ในอาจม เพราะมีกิน มีประโยชน์ที่ได้รับอยู่ตลอดเวลาไม่ใช่น้อย โดยเฉพาะกลุ่มคนมีอำนาจที่ชอบใช้อำนาจเพื่อตนเองกับพรรคพวกใครจะว่าอะไร ติติง แนะนำให้หันไปทำในสิ่งที่ดีและถูกต้อง โดยเฉพาะเพื่อประโยชน์ของคนหมู่มากก็ไม่อยากฟัง
ชอบฟังแต่พวกสอพลอที่อยู่รอบข้างเพราะมีกินด้วยกัน
บ้านเมืองในยามนี้ยั้วเยี้ยด้วยหนอนในอาจมดังกล่าว
แต่สำหรับชาวบ้านทั่วไปที่ทำมาหาเช้ากินค่ำในบ้านเมืองที่มีอยู่มากในขณะนี้ กลับลำบากยากเข็ญลงไปทุกวัน แต่ละมื้อ แต่ละอิ่มจะเกิดขึ้นได้ก็ต้องเหน็ดเหนื่อยแสนสาหัส ขนาดตักน้ำในแม่น้ำมาขายก็ต้องขาดทุน ไม่รู้จะไปขอเพิ่มรายได้จากใครมาใช้สอย
เงินของแผ่นดินที่มาจากภาษีของชาวบ้าน ถูกนำออกใช้จ่ายกันในลักษณะสวนทางกับ “เศรษฐกิจพอเพียง” ตามที่ ล้นเกล้าฯ ร.9 ทรงแนะไว้ ในขณะที่หนี้สินชาวบ้าน หนี้สินครัวเรือนเพิ่มสูงขึ้นทุกวัน
แต่ “พวกหนอนทั้งหลาย” ยังคงอิ่มหนำในอาจม
เพราะมีเงินเดือนกินเป็นแสน ไม่นับค่าเบี้ยประชุมค่าอาหารที่มีการจัดไว้เลี้ยงกันเองในแต่ละมื้อ แต่ละวัน แม้กระทั่งการใช้ของหลวงทุกอย่างฟรี
โดยเฉพาะการบ่อนเซาะของ “ไวรัสทุจริต” ที่ยังแพร่ระบาดในวงการต่างๆ ทั้งในระดับสูง ระดับกลาง และระดับล่างขณะนี้
ความสุข ความทุกข์ ความรุ่งเรือง หรือความล้มเหลวของบ้านเมืองในขณะนี้ ถ้าจะแต่งเป็นคำกลอนแล้ว คงเป็นอย่างนี้
“สามปีผ่าน ที่พานพบ ไม่สมหวัง
อนิจจัง ยังจังงัง ทั้งสับสน
ยังทุกข์ยาก ยังลำบาก แทบทุกคน
ยังมืดมน อนธกาล อยู่ทุกวัน
เปิดกระเป๋า มีแต่ลด และถดถอย
เงินเหลือน้อย ลอยหาย คล้ายจักรผัน
ทั้งเงินหลวง เงินราษฎร์ ก็ครือกัน
เป็นหนี้กัน ถ้วนทั่ว ทั้งแผ่นดิน
กลยุทธ์ ประชานิยม นำมาใช้
เหมือนหลอกให้ ชาวบ้าน เฝ้าถวิล
เงินในคลัง กำลังเกลี้ยง ไม่ได้ยิน
หยิบมาใช้ แทบหมดสิ้น เหมือนเงินตน
ไม่แยกมิตร แยกศัตรู ให้ถูกต้อง
ไม่แยกพวก แยกพ้อง ดูสับสน
ถืออำนาจ สั่งการ ไม่เลือกคน
ต้องปั่นป่วน ปี้ป่น ย่อยยับไป
เรือลำนี้ ไม่ใช่เรือ ของพวกแป๊ะ
เพราะเป็นเรือ ที่พวกแป๊ะ ยึดไปใช้
แต่เป็นเรือ ของประชา ชนคนไทย
ตามอำนาจ อธิปไตย ของปวงชน
ถ้าพวกแป๊ะ ทำไม่ดี บนเรือนี้
จะถูกบด ถูกขยี้ จากเจ้าของ
อำนาจใด จะหาญกล้า มาต่อรอง
กับพลัง ทั้งผอง ของมวลชน”
ฝากกลอนแต่งเองบทนี้ให้ได้อ่านกัน โดยเฉพาะคนที่กำลังใช้อำนาจอย่างเพลิดเพลินในขณะนี้ อย่าได้ประมาทเป็นอันขาด เพราะอำนาจนั้นเหมือนดาบสองคม ถ้าใช้ในทางที่ถูก มันก็เป็นผลดีกับผู้ใช้อำนาจนั้น แต่ถ้าใช้ไม่ถูก อาจเป็นจุดจบอย่างคาดไม่ถึงก็ได้
น.ต.ประสงค์ สุ่นศิริ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี