การที่นายใหญ่ตระกูลชินสองพี่น้องอดีตนายกฯนักโทษหนีคุกคือ นายทักษิณ ชินวัตร และน.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เดินสายทัวร์หลายประเทศใกล้ไทยช่วงตรุษจีน และล่าสุดปักหลักอยู่ที่เกาะฮ่องกงซึ่งสร้างแรงกระเพื่อมทางการเมืองปลุกขวัญสาวกระบอบแม้ว ให้จับมือแน่นเตรียมพร้อมทำศึกทุกรูปแบบที่กำลังงวดเข้ามาทุกขณะ ขณะเดียวกันเครือข่ายขบวนการจ้องล้มอำนาจรัฐคณะรักษาความสงบแห่งชาติ(คสช.) ก็ออกมาเคลื่อนไหวแบบแยกกันเดินร่วมกันตีภายใต้แผนปฏิบัติการ “14 ตุลาฯโมเดล” ด้วยการใช้บรรดานักศึกษาคนหนุ่มสาวเป็นหัวหอกในการสุมไฟหวังให้เกิดการลุกฮือทั่วประเทศ
แต่แผนสุมไฟให้เกิดการลุกฮือยกแรกที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยเมื่อวันที่ 10 ก.พ.ที่ผ่านมา ยังจุดไม่ติดเพราะคนที่มาร่วมมีแค่ 300-400 คน และคนส่วนใหญ่ล้วนเป็นแกนนำนักศึกษาและมวลชนเสื้อแดงขาประจำหน้าเดิมๆ โดยเฉพาะ นายสิรวิชญ์ เสรีธิวัฒน์ หรือ “จ่านิว” และ นายรังสิมันต์ โรม
ตามด้วยการชุมนุมของนักศึกษาและนักวิชาการมหาวิทยาลัยเชียงใหม่กลุ่มหนึ่งซึ่งที่น่าสนใจคือมี ดร.นิธิ เอียวศรีวงศ์ นักวิชาการเสื้อแดงรวมอยู่ด้วย
การเดินเกมแบบดาวกระจายหวังให้เป็นไฟลามทุ่งด้วยยุทธวิธีแยกกันเดินร่วมกันตีของขบวนการจ้องล้มอำนาจรัฐคสช.เชื่อว่าจะเพิ่มความดุเดือดเข้มข้นขึ้นเรื่อยๆ ไปยังจังหวัดต่างๆ ทั่วประเทศ โดยมี กทม.เป็นศูนย์กลาง ซึ่งมีการประกาศนัดแสดงพลังครั้งใหญ่ไว้ล่วงหน้าคือวันที่ 22 พ.ค. ที่จะถึงนี้อันเป็นวันครบรอบ 4 ปีที่คสช.เข้าควบคุมอำนาจการปกครองประเทศ ภายใต้การยื่นคำขาดคือ ต้องมีการเลือกตั้งภายในเดือนพ.ย.2561 นี้เท่านั้นและต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช.
ข้อน่าสังเกตก็คือ การตั้งเงื่อนไขในการชุมนุมแสดงพลังครั้งใหญ่ของขบวนการหน้าเดิมโดยบีบให้มีการเลือกตั้งภายในเดือนพ.ย.ปีนี้เท่านั้นเท่ากับจงใจสร้างเงื่อนไขเปิดช่องให้มีการปลุกกระแสระดมมวลชนทั้งบนดินและใต้ดินออกมาสุมไฟให้เกิดการลุกฮือโดยอาศัยวันครบรอบ 4 ปีการยึดอำนาจของคสช.เป็นดีเดย์ลั่นกลองรบ
ทั้งนี้ไม่อาจดูแคลนมวลชนจัดตั้งของกลุ่มเสื้อแดง รวมทั้งมวลชนจัดตั้งที่อดีตสส.พรรคเพื่อแม้วแต่ละจังหวัดทั่วประเทศสามารถต่อท่อน้ำเลี้ยงระดมมวลชนออกมาแสดงพลังได้มากพอสมควร ยังไม่พูดถึงม็อบรับจ้างต่างด้าวที่อาจถูกจ้างมาปฏิบัติงานเฉพาะกิจเหมือน
ที่ผ่านๆ มา
อย่างไรก็ตาม เท่าที่ประเมินปฏิกิริยาของประชาชนส่วนใหญ่ที่เป็นพลังเงียบบ่งชี้ว่าคนส่วนใหญ่เข็ดขยาดต่อวิกฤติความรุนแรงที่บ่อนทำลายชาติบ้านเมืองจนบอบช้ำอย่างแสนสาหัสตลอดช่วง 10 กว่าปีที่ผ่านมา จึงไม่อยากกลับไปสู่วังวนวงจรอุบาทว์อันเลวร้ายแบบเดิมๆอีก และต้องการให้บ้านเมืองเกิดความสงบเรียบร้อย แม้ว่าจะไม่พอใจอำนาจรัฐคสช.ในบางเรื่อง แต่ในภาพรวมก็ถือว่าพอรับได้และยังดีกว่ารัฐบาลจากการเลือกตั้ง โดยเฉพาะพรรคประเภทธุรกิจการเมืองทุนสามานย์ในคราบประชาธิปไตยอันชั่วร้ายที่เป็นต้นเหตุของวิกฤติชาติ
เมื่อถึงวันเปิดศึกใหญ่ 22 พ.ค. ภายใต้แนวโน้มสถานการณ์มหาชนส่วนใหญ่ของประเทศไม่เล่นด้วย ขบวนการจ้องล้มอาจสร้างสถานการณ์โดยอาศัยมวลชนเสื้อแดงและม็อบรับจ้าง รวมทั้งขบวนการใต้ดินยกระดับการเคลื่อนไหวทำให้เกิดความระส่ำระสายในบ้านเมืองโดยอ้างว่านี่คือสงครามประชาชนขณะเดียวกันก็ท้าทายอำนาจรัฐยั่วยุให้ฝ่ายเจ้าหน้าที่รัฐปราบปรามจนเกิดการนองเลือดจนกลายเป็นเงื่อนไขข้ออ้างให้มีการปลุกระดมสุมไฟสงครามกลางเมือง รวมทั้งการก่อการร้ายเต็มรูปแบบเหมือนเหตุการณ์เมื่อปี 2553
อย่างไรก็ตาม เชื่อว่าอำนาจรัฐคสช.นั้นรู้เท่าทันและสรุปบทเรียนข้อผิดพลาดของการรัฐประหารหลายครั้งในอดีต จึงพยายามระมัดระวังหลีกเลี่ยงการใช้ความรุนแรง แต่ใช้มาตรการทางกฎหมายดำเนินการกับผู้กระทำผิด ขณะเดียวกันก็ดำเนินการตัดไฟแต่ต้นลมด้วยการกวาดล้างจับกุมขบวนการที่เคยก่อการร้ายในอดีต เช่นกรณีล่าสุดที่จับแดงฮาร์ดคอร์ลูกน้องนายวุฒิพงศ์ กชธรรมคุณ หรือ “โกตี๋” แกนนำแดงฮาร์ดคอร์ ได้ที่เมืองทองธานี
แต่ที่สำคัญขบวนการจ้องล้มอำนาจรัฐคสช.ยิ่งเคลื่อนไหวสร้างสถานการณ์รุนแรงมากเท่าไหร่ก็ยิ่งเข้าทางฝ่ายอำนาจรัฐคสช.ที่จะมีเงื่อนไขความชอบธรรมจากสถานการณ์บ้านเมืองที่ไม่สงบเรียบร้อยยืดการเลือกตั้ง ออกไปไม่มีกำหนด
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี