แนวคิดเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่จะรวมพรรคการเมืองทุกพรรคร่วมเป็นรัฐบาลเพื่อให้การบริหารประเทศราบรื่นไร้ความขัดแย้งที่มีมาช้านานโดยต้นตำรับที่ขายแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติคือ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ หรือ “จิ๋วหวานเจี๊ยบ”ล่าสุดผู้ที่ออกมาจุดประกายขายฝันรัฐบาลแห่งชาติ ก็คือ นายวารินทร์ บัววิรัตน์เลิศ หรือ ฉายา “โหรคมช.”
ทั้งนี้ นายวารินทร์ ทำนายว่าถึงอย่างไร พล.อ.ประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกฯและหัวหน้าคณะรักษาความสงบแห่งชาติ (คสช.) ยังไม่หมดหน้าที่ แม้จะมีอุปสรรคอยู่บ้างก็ตาม ซึ่งการกลับมาเป็นนายกฯรอบสอง จะเป็นไปตามที่รัฐธรรมนูญกำหนดไว้ สำหรับสองพรรคใหญ่คือเพื่อไทยและประชาธิปัตย์คงได้จำนวนสส.ระดับหนึ่ง แต่คงไม่หวนกลับมาเป็นแกนนำจัดตั้งรัฐบาลเหมือนที่ผ่านมาแน่นอน คงต้องไปเป็นฝ่ายค้านมากกว่า
“แต่อาจเป็นไปได้ที่สองพรรคใหญ่จะมาร่วมกันเดินหน้าขับเคลื่อนเพื่อชาติบ้านเมืองโดยไม่คิดถึงประโยชน์ใดๆ คล้ายๆ กับรัฐบาลแห่งชาติ ในที่สุดน่าจะเป็นแบบนี้มากกว่า เวลานี้แต่ละพรรคคงต้องเล่นการเมืองตามบท แต่เมื่อถึงเวลาจริงๆ คงมีการปรึกษาหารือร่วมกัน ซึ่งต้องคอยพิสูจน์กันเมื่อถึงเวลา โดยเท่าที่ดูการตั้งรัฐบาลแห่งชาติมีความเป็นได้สูง” โหรท็อปบู๊ตทิ้งท้ายให้คิด
ความจริงก่อนหน้านี้มีบุคคลสำคัญหลายคนออกมาเสนอแนวคิดสนับสนุนการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ อาทิ ปู่พิชัย รัตตกุล อดีตหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่เสนอให้ “บิ๊กตู่” เป็นนายกฯคนกลางของรัฐบาลแห่งชาติ เพื่อสร้างความปรองดองและทำให้ประเทศเดินหน้าต่อไปได้อย่างต่อเนื่องมั่นคง หรือแม้แต่ นายพีระศักดิ์ พอจิต รองประธานสภานิติบัญญัติแห่งชาติ (สนช.) เห็นว่าหลังเลือกตั้งครั้งต่อไป หากพรรคการเมืองทุกพรรคจับมือกันได้ก็เป็นเรื่องดีและในสถานการณ์การเมืองขณะนี้จำเป็นต้องให้คนกลางอย่าง พล.อ.ประยุทธ์ เป็นนายกฯต่อไป อีกทั้งขณะนี้ยังไม่เห็นนักการเมืองคนไหนที่เหมาะจะเป็นนายกฯช่วงเปลี่ยนผ่าน
แต่ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ เคยให้ความเห็นก่อนหน้านี้ว่าการที่จะทำให้ชาติบ้านเมืองเดินหน้าต่อไปได้มีอยู่หลายวิธีไม่ใช่แต่แนวคิดการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยสิ่งสำคัญคือคสช.ต้องสร้างสภาวะแวดล้อมทางการเมืองเพื่อให้บ้านเมืองเดินไปได้และการตั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดยไม่มีฝ่ายค้านคอยตรวจสอบถ่วงดุลอาจสวนทางกับความเป็นประชาธิปไตย
ขณะที่พรรคเพื่อไทยนั้นประกาศจุดยืนชัดเจนต่อต้านการสืบทอดอำนาจของคสช. รวมทั้งรัฐบาลแห่งชาติ โดย นายภูมิธรรม เวชยชัย รักษาการเลขาธิการพรรคเพื่อไทย ชี้ว่า ปกติรัฐบาลแห่งชาติจะเกิดขึ้นในวาระพิเศษที่ประเทศอยู่ในภาวะวิกฤติร้ายแรง เช่น เกิดสงครามโลก แต่ปัจจุบันประเทศยังไม่ได้อยู่ในภาวะวิกฤติถึงจุดที่ว่าประชาชนตัดสินใจเลือกใครมาเป็นผู้นำประเทศไม่ได้จนถึงกับต้องมีรัฐบาลแห่งชาติ
ที่สำคัญ นายภูมิธรรม ย้ำว่า เราควรเริ่มต้นที่ประชาธิปไตยโดยให้ประชาชนเลือกรัฐบาลผ่านการเลือกตั้ง แต่ถ้าอยู่ดีๆ ผู้มีอำนาจปัจจุบันจะมาตั้งรัฐบาลแห่งชาติที่ไม่ได้มาจากการเลือกตั้ง พรรคเพื่อไทยคงไม่เอาด้วยแน่นอน
แนวคิดเรื่องตั้งรัฐบาลแห่งชาตินอกจากจะมีปัญหาถูกต่อต้านจากสองพรรคใหญ่ คือ เพื่อไทย กับประชาธิปัตย์แล้ว ยังมีปัญหาความขัดแย้งอย่างลึกซึ้งระหว่างพรรคเพื่อไทยกับประชาธิปัตย์ ชนิดไม่เผาผีเนื่องจากอุดมการณ์แนวทางการเมืองที่แตกต่างกันโดยสิ้นเชิงจนไม่สามารถทำงานร่วมกันได้
และที่สำคัญที่สุดก็คือปัญหาการตั้งเงื่อนไขต่อรองของพรรคเพื่อไทยที่คาดว่าจะต้องเกิดขึ้นแน่หากจะร่วมรัฐบาลแห่งชาติ นั่นคือ ต้องนิรโทษกรรมโทษความผิดและล้างคดีทั้งหมดที่เป็นชนักปักหลังคนตระกูลชิน โดยเฉพาะอย่างยิ่ง นายทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯนักโทษหนีคุกรวมทั้งเหล่าแกนนำพรรคเพื่อไทยและกลุ่มคนเสื้อแดง ซึ่งสวนทางกับจุดยืนที่ พล.อ.ประยุทธ์ ย้ำมาตลอดว่ากฎหมายต้องเป็นกฎหมาย คดีความต่างๆ โดยเฉพาะคดีทุจริตต้องไปต่อสู้พิสูจน์ความถูกผิดที่ศาล
ทั้งนี้ คงเป็นไปไม่ได้เลยที่พรรคเพื่อแม้วจะยอมร่วมรัฐบาลแห่งชาติแบบมือเปล่าโดยที่คดีชนักปักหลังตระกูลชินยังเดินหน้าต่อไป ซึ่งหากมีการตั้งเงื่อนไขให้มีการนิรโทษกรรมฟอกโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ อำนาจรัฐคสช.จะยอมรับได้หรือไม่ หากยอมรับเงื่อนไขของพรรคเพื่อไทยเพียงเพื่อให้ตั้งรัฐบาลแห่งชาติสำเร็จเท่ากับเป็นการกลืนน้ำลายตัวเองทำลายหลักนิติรัฐ และไม่ต่างจากการหลอกคนทั้งประเทศเพื่อสืบทอดอำนาจของคสช.
นอกจากนี้เงื่อนไขที่จะให้ลบล้างโทษความผิดให้กับ นายทักษิณ และพวกเชื่อว่าพรรคประชาธิปัตย์คงไม่ยอมแน่ และที่สำคัญความพยายาม
ผลักดันร่าง พ.ร.บ.นิรโทษกรรมฉบับสุดซอยยุครัฐบาล น.ส.ยิ่งลักษณ์ ชินวัตร เคยเป็นชนวนให้มวลมหาประชาชนหลายล้านคนออกมาแสดงพลังต่อต้านครั้งยิ่งใหญ่ที่สุดในประวัติศาสตร์ จนทำให้รัฐบาลยิ่งลักษณ์พบจุดจบจากการยึดอำนาจของคสช.มาแล้ว
เพราะฉะนั้นแนวคิดรัฐบาลแห่งชาติจากการขายฝันของโหรวารินทร์ดูแล้วคงยากจะเป็นจริง เว้นแต่พรรคเพื่อไทยจะยอมลอยแพนายทักษิณและกับคนตระกูลชินที่มีคดีเป็นชนักปักหลัง ซึ่งพอรู้กันอยู่ว่าเป็นสิ่งที่เป็นไปไม่ได้ เพราะพรรคเพื่อไทยถูกตั้งข้อสังเกตว่าเป็นบริษัทธุรกิจการเมืองในคราบประชาธิปไตยของตระกูลชิน โดยตระกูลชิน และเพื่อตระกูลชิน
ทีมข่าวการมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี