รถดับเพลิงที่มีการทุจริตกันตั้งแต่ยุคระบอบทักษิณ ยังตามมาหลอกหลอน กทม.
ล่าสุด เกิดกรณีบริษัทเอกชนยื่นฟ้อง กทม. ให้ชำระค่าเก็บรักษารถดับเพลิงที่จอดไว้ท่าเรือ จำนวน 139 คัน รวมเป็นเงิน 1,040 ล้านบาท
เป็นคดีแพ่ง ฟ้องร้องต่อศาลทรัพย์สินทางปัญญาและการค้าระหว่างประเทศกลาง
1. พล.ต.อ.อัศวิน ขวัญเมือง ผู้ว่าฯ กทม. ยืนยันว่า จะไม่จ่ายเงินจำนวนดังกล่าว เพราะจ่ายให้ไม่ได้
เปิดเผยด้วยว่า กทม.เคยเจรจากับบริษัทเอกชนถึงอัตราค่าฝากรถดับเพลิง ขณะนั้นบริษัท ได้เรียกเก็บค่าฝากรถดับเพลิง 800 ล้านบาท แต่กทม.ต่อรองเหลือ 350 ล้านบาท บริษัทปฏิเสธจนมีการฟ้องร้องเกิดขึ้น ขณะเดียวกัน กทม.ได้ฟ้องต่อศาลปกครองขอคุ้มครองชั่วคราว เพื่อนำรถดับเพลิงออกมาซ่อมแซม และได้ฟ้องศาลอาญาเพื่อให้บริษัทปล่อยรถดับเพลิง เนื่องจากเอกชนไม่สามารถครอบครองยุทธภัณฑ์ได้ และได้แจ้งความที่สภ.แหลมฉบัง หากมีการเคลื่อนย้ายรถดับเพลิงให้เจ้าหน้าที่ตำรวจดำเนินการจับกุม ทั้งนี้ จำนวนเงินค่าฝากรถดับเพลิง ที่บริษัทเรียกเก็บ กทม.กว่า 1,000 ล้านนั้น บริษัทได้คำนวณค่าใช้จ่ายมาตั้งแต่ปี 2547 ซึ่งขณะนั้นรถดับเพลิงยังไม่ใช่ทรัพย์สินของ กทม.
2. รถดับเพลิงที่ว่านี้ ก็คือรถดับเพลิงที่จัดซื้อมาในโครงการปี 2547 ยุครัฐบาลทักษิณ
ซึ่งถูกดำเนินคดีทุจริตก่อนหน้านี้นั่นเอง
รัฐเสียหายไปแล้วกว่า 6 พันล้านบาท
ปัจจุบัน รถก็ยังไม่ได้ใช้แถมยังมาถูกเอกชนฟ้องเรียกค่าเสียหายอีก
มันควรจะให้ไปตามเช็คบิลกับนักการเมืองโกงในโครงการนั้นไหม?
3. ถ้ายังจำกันได้ คดีทุจริตรถดับเพลิงนั้น ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาชี้ขาด คดีถึงที่สุดไปแล้ว ว่ามีการทุจริตโกงกินจริงๆ
นายธานิศ เกศวพิทักษ์ รองประธานศาลฎีกา ผู้พิพากษาเจ้าของสำนวนคดีทุจริตจัดซื้อรถและเรือดับเพลิง ของกรุงเทพมหานคร (กทม.) พร้อมองค์คณะผู้พิพากษา รวม 9 คน ออกนั่งบัลลังก์อ่านคำพิพากษา คดีหมายเลขดำ อม.5/2554 เมื่อ 10 ก.ย.2556
คดีนี้ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เป็นโจทก์ ยื่นฟ้อง
จำเลยประกอบด้วย นายโภคิน พลกุล อดีต รมว.มหาดไทย, นายประชา มาลีนนท์ อดีต รมช.มหาดไทย, นายวัฒนา เมืองสุข อดีต รมว.พาณิชย์,พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ตันชูเกียรติ อดีตผู้อำนวยการสำนักป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย กทม. , บริษัท สไตเออร์ เดมเลอร์ พุค สเปเชียล ฟาห์รซอยก์ จำกัด หรือ STEYR-DAIMLER-PUCH Spezial fahrzeug AG&CO KG(ศาลสั่งจำหน่ายคดีชั่วคราว ) และนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่ากรุงเทพมหานคร เป็นจำเลยที่ 1-6
ในความผิดฐานเป็นเจ้าพนักงานปฏิบัติ หรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบเพื่อให้เกิดความเสียหายแก่ผู้หนึ่งผู้ใด หรือปฏิบัติหรือละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริต ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157 และการกระทำผิดตาม พ.ร.บ.ว่าด้วยการเสนอราคาต่อหน่วยงานของรัฐ (ฮั้วประมูล) พ.ศ. 2542 จากกรณีการจัดซื้อรถ และเรือดับเพลิง พร้อมอุปกรณ์บรรเทาสาธารณภัย มูลค่า 6,687,489,000 บาท
ศาลฎีกาฯ พิพากษาจำคุก นายประชา 12 ปี และพล.ต.ต.อธิลักษณ์ 10 ปี
ให้ยกฟ้อง นายโภคิน นายวัฒนา และนายอภิรักษ์
ปรากฏว่า ทั้งนายประชา และ พล.ต.ต.อธิลักษณ์ ก็ยังหนีโทษอยู่จนถึงวันนี้
ประเด็นในคำพิพากษาชี้ชัดถึงกระบวนการทุจริต
เป็นการกระทำที่ไม่ให้โอกาสผู้อื่นเข้าทำการเสนอราคาอย่างเป็นธรรม จนเป็นเหตุให้บริษัท STEYR ได้เข้าร่วมในโครงการจัดซื้อรถดับเพลิง โดยหลีกเลี่ยงการแข่งขันราคาอย่างเป็นธรรม จนเป็นเหตุให้เกิดความเสียหายแก่ราชการ และเป็นการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่โดยทุจริตเพื่อแสวงหาประโยชน์ ที่ไม่ควรได้ตามกฎหมาย ให้กับ บริษัท STEYR
ศาลฎีกาฯ ชี้ถึงข้อเท็จจริงที่ได้จากการไต่สวน ระบุว่า ขณะที่นายวันมูหะมัดนอร์ มะทา ดำรงตำแหน่งรมว.มหาดไทย เมื่อประมาณเดือนมิ.ย. 2546 เอกอัครราชทูตออสเตรียประจำประเทศไทยได้เสนอให้มีการจัดซื้อสินค้าในลักษณะรัฐต่อรัฐ โดยมีการเสนอช่วยหาแหล่งทุนในการจัดซื้อให้ด้วย และให้มีการจัดซื้อสินค้าต่างตอบแทนระหว่าง 2 ประเทศในแบบเต็มจำนวนร้อยต่อร้อยโดยมีการเสนอให้ซื้ออุปกรณ์และครุภัณฑ์รถและเรือดับเพลิงผ่านบริษัทสไตเออร์ มูลค่า 156 ล้านยูโร คิดเป็นเงินไทย 6,687,489,000 บาท โดยให้มีการทำข้อตกลงที่มีภาระผูกพันระหว่างคู่สัญญา ขณะที่ได้ความจากพยานโจทก์ระบุว่า โครงการพัฒนาระบบฯ จะได้รับการสนับสนุนจากรัฐบาล หลังจากที่ครม.มีมติแล้ว 60 เปอร์เซ็นต์ โดยกทม.ออกเองอีก 40 เปอร์เซ็นต์ จึงเท่ากับว่า งบประมาณในโครงการดังกล่าวไม่ได้เป็นไปตามที่มีการเสนอไว้ว่าออสเตรียจะช่วยหาแหล่งทุน
ขณะที่ลักษณะของการจัดซื้อสินค้าเกษตรลักษณะต่างตอบแทนตามข้อตกลง ก็ไม่ใช่การซื้อขายสินค้าการเกษตรนอกเหนือจากยอดปกติที่บริษัทส่งออกไก่ต้มสุก
ราคารถและเรือดับเพลิง เมื่อเทียบเคียงกับที่กรมป้องกันและบรรเทาสาธารณภัย (ปภ.) กระทรวงมหาดไทย ได้เคยจัดซื้อสินค้าที่มีวัตถุประสงค์ใช้งานอย่างเดียวกัน โดยมีผู้ผลิตในประเทศ พบว่า ราคารถและเรือดับเพลิงที่กทม.ดำเนินโครงการนี้ ด้วยวิธีพิเศษ ราคาสูงกว่า เช่น
รถดับเพลิงมีบันไดสูง 18 เมตร จำนวน 9 คัน กทม.ซื้อในราคาแพงกว่าคิดเป็นเงิน 154 ล้านบาท
รถดับเพลิงที่บรรทุกน้ำ จำนวน 144 คัน กทม.ซื้อแพงกว่า 2,225 ล้านบาท
รถส่องสว่าง 4 คัน กทม.ซื้อแพงกว่า 71 ล้านบาท
รถบรรทุกเคมีดับเพลิง จำนวน 7 คัน กทม.ซื้อแพงกว่า 396 ล้านบาท
เรือดับเพลิงซึ่งบริษัทสไตเออร์ไม่ได้ผลิต แต่ได้ว่าจ้างบริษัทอื่นในยุโรปผลิตและประกอบขาย จำนวน 30 ลำ กทม.ซื้อแพงกว่า 334 ล้านบาท
นอกจากนี้ เมื่อเปรียบเทียบราคาสินค้าที่เสนอผ่านเอกชนสเปนมาไทย ซึ่งเป็นสินค้าคุณภาพเช่นเดียวกันมีเงื่อนไขปลอดการชำระ 24 เดือน แต่มีราคาต่ำกว่า 2,090 ล้านบาท
เมื่อพยาน ซึ่งเป็นผู้เชี่ยวชาญ ได้เปรียบเทียบราคาตามมาตรฐาน พบว่า เมื่อมีการพิจารณาราคาโดยรวมทั้งหมดแล้ว บริษัท STEYR ได้ผลประโยชน์ 2,192 ล้านบาท (หรือคิดเป็น 48.77 เปอร์เซ็นต์)
ทั้งหมด ปรากฏในคำพิพากษาศาลฎีกาฯ
4.นี่คือ มรดกบาปจากการทุจริตโกงกินของนักการเมือง ร่วมกับข้าราชการบางคน
ปัจจุบัน ทิ้งภาระให้ กทม.ยุคนี้ ต้องตามล้างตามเช็ดไม่หยุดหย่อน
สารส้ม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี