กลายเป็นเรื่องใหญ่ในแวดวงการเมืองไม่น้อยสำหรับตำแหน่งหัวหน้าพรรคการเมืองเก่าแก่ที่มีความเป็นสถาบันการเมืองมากที่สุดในประเทศ นั่นก็คือ การแย่งเก้าอี้หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ พรรคตราพระแม่ธรณีบีบมวยผม ระหว่าง 2 หนุ่มใหญ่ นั่นคือ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตนักหนังสือพิมพ์เป็นสื่อสารมวลชนจากหลายค่ายเริ่มจาก เสียงปวงชน, บ้านเมือง, แนวหน้า, เทเลเพรส,มาตุภูมิรายสัปดาห์ และรองผอ.นสพ.ข่าวสด และยังเป็นอดีตสส.จังหวัดเพชรบุรี 6 สมัย นอกจากนี้นายอลงกรณ์ยังเป็นหลานของนายผาด พรหมบุตรนักการเมืองอาวุโสด้วย
ส่วนอาจารย์อภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ซึ่งเป็นหัวหน้าพรรคคนปัจจุบัน ที่ยังต้องการตำแหน่งหัวหน้าพรรคต่อไปหลังจากเป็นมาตั้งแต่ปี 2548 เป็นระยะเวลา 12 ปีเต็ม และยังได้เป็นนายกรัฐมนตรีอีก 1 สมัยด้วย การท้าชิงตำแหน่งครั้งนี้ มีจุดสนใจไม่น้อยเพราะนายอภิสิทธิ์ประกาศขอป้องกันตำแหน่งหัวหน้าพรรคเต็มที่ ชนิดไม่ยอมลดราวาศอกให้นายอลงกรณ์และเป็นประเด็นสำคัญทางด้านการเมืองที่มันโยงใยกับผลการเลือกตั้งในปีหน้า 2562 ที่ว่าอาจจะได้คนนอกมาเป็นนายกรัฐมนตรี
แต่ว่าในการเมืองไทยแล้วไม่มีใคร คือ คนนอกเพราะทุกพรรคการเมืองสามารถเสนอชื่อบุคคล 3 คนเป็นนายกรัฐมนตรีได้ นายกรัฐมนตรีไม่จำเป็นต้องมาจาก สส.ตามรัฐธรรมนูญฉบับปี 2560 ที่ได้เปิดโอกาสไว้และตรงประเด็นนี้ทำให้มีโอกาสที่ พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี คนปัจจุบันมีโอกาสจะได้รับการเสนอชื่อซึ่งก็ไม่แปลกอะไรทั้งนั้น มันถูกต้องเป็นไปตามรัฐธรรมนูญโดยแท้ ไม่มีข้อห้ามใดๆ
พรรคประชาธิปัตย์มีหัวหน้าพรรคมาแล้ว 7 คน คือพันตรีควง อภัยวงศ์, หม่อมราชวงศ์เสนีย์ ปราโมช,พันเอกถนัด คอมันตร์, นายพิชัย รัตตกุล, นายชวน หลีกภัย,นายบัญญัติ บรรทัดฐาน และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ข่าวที่ต้องการจะเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์มีมานานปีแล้วเพราะหากหัวหน้าพรรคคนใหม่คือคนที่ 8 ไม่ใช่นายอภิสิทธิ์ โอกาสที่ดีข้อนี้ พรรคปชป.อาจจะเสนอชื่อคนภายนอกเป็นนายกรัฐมนตรีได้เหมือนกัน
ทางด้าน นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ได้ให้สัมภาษณ์ถึงการให้หยั่งเสียงจากสมาชิกพรรคเพื่อเลือกหัวหน้าพรรค ว่า เบื้องต้นเห็นพ้องตรงกันจะเปิดให้สมาชิกพรรคทุกคนมีสิทธิ์เลือกหัวหน้าพรรคโดยการหยั่งเสียงผ่านระบบอิเล็กทรอนิกส์ ส่วนปัญหาว่าจะมีการขนคนสมัครสมาชิกเพื่อป่วนหรือยึดพรรคหรือไม่นั้น คิดว่าทำไม่ง่าย เพราะการสมัครสมาชิกต้องแสดงตัวและทางพรรคก็ต้องตรวจสอบ ซึ่งถ้าทำแบบไม่สุจริตก็ผิดกฎหมายหัวหน้าอภิสิทธิ์ขู่เสียด้วย
นายอภิสิทธิ์ยังกล่าวถึงการสมัครเป็นหัวหน้าพรรคว่า ตามกฎหมายกำหนดให้การเลือกหัวหน้าพรรคต้องทำในที่ประชุมใหญ่ ส่วนคุณสมบัติการสมัครหัวหน้าพรรคตามข้อบังคับพรรคต้องเป็นสมาชิกพรรคอย่างน้อย 5 ปี ไม่เช่นนั้นอาจต้องเป็นสส.หรือดำรงตำแหน่งการเมืองที่พรรคส่งไปเป็นหรือถ้าในกรณีขาดคุณสมบัติจริงๆ ที่ประชุมใหญ่สามารถยกเว้นคุณสมบัติด้วยคะแนน 3 ใน 4 เพราะคนนอกก็มีสิทธิ์สมัครซึ่งตอนนี้เบื้องต้นตกลงกันว่า ต้องแก้ไขข้อบังคับพรรคให้เปิดกว้างเพียงแต่หลักเกณฑ์การรับเสนอชื่อต้องเข้มกว่าเดิม
สำหรับนายอลงกรณ์ พลบุตร ที่เป็นอดีตรองหัวหน้าพรรค ประกาศลงชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคถือเป็นคนใน หรือคนนอก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า เมื่อพ้นจากสมาชิกภาพพรรคไปแล้วต้องถือว่าไม่มีคุณสมบัติ แต่ถ้าอยากจะกลับเข้ามาได้รับการเสนอชื่อเป็นหัวหน้าพรรคก็ต้องใช้เกณฑ์ที่เข้มกว่าอาจจะใช้จำนวน สส. 40 คนและสมาชิกอีกจำนวนหนึ่ง ซึ่งต้องไปเขียนไว้ในข้อบังคับและหากจะเป็นสมาชิกพรรคต้องเป็นถึง 5 ปี
ปัญหาของพรรคปชป.นั้นเคยมีมาแล้วสมัยโน้นเกิดกลุ่ม 10 มกราคม แย่งกันเป็นใหญ่ในพรรคทำให้พรรคแตกกันมาแล้วมีการยกพวกออกไปตั้งพรรคใหม่หลายพรรคและสส.เก่าของพรรคก็ถูกดูดไปอยู่กับพรรคอื่นๆ ทำให้บานปลายเป็นลักษณะพรรคแตกแยกเพราะอยากได้ตำแหน่งใหญ่โตประเภทแพ้ไม่เป็น ข้าก็รวยเองก็ใหญ่นี่ผ่านมา 30 ปี จะเกิดความแตกแยกกันเพราะตำแหน่งหัวหน้าพรรคและตำแหน่งรัฐมนตรี ใครๆ ก็อยากเป็น คนกันเองลิ้นกระทบกับฟัน ยอมถอยวันนี้อดเปรี้ยวไว้กินหวานในอนาคตไม่ดีกว่าหรือ!?
ขณะที่ นายอลงกรณ์ พลบุตร อดีตรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณี นายวัชระ เพชรทอง อดีต สส.พรรคประชาธิปัตย์ พาดพิงว่า คสช.ส่งคนมาชิงตำแหน่งหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์เพื่อไปเป็นพรรคในสังกัด คสช.ว่า ถ้านายวัชระ หมายถึงตน ต้องยืนยันว่าไม่เป็นความจริง ไม่มีทหารมาเกี่ยวข้อง มีแต่คนในพรรคประชาธิปัตย์ที่ทาบทาม แต่ตนยังไม่ได้ตัดสินใจ
พรรคประชาธิปัตย์ในปัจจุบันนั้นมีมหาเศรษฐีและชนชั้นกลางได้เข้ามาสนับสนุนพรรคมากกว่าในอดีต มีข่าวหลายกระแสระบุว่าถ้าพรรคการเมืองอื่นๆ ต้องการไม่ให้ระบอบทักษิณกลับเข้ามามีอำนาจทางด้านการเมืองอีกพรรคปชป.ต้องเปลี่ยนระบบใหม่ๆ จึงจะสู้ระบอบทักษิณได้แม้จะมีกฎหมายห้ามใช้นโยบายประชานิยมก็ตาม
ว่ากันว่ากลุ่มทุนหลากลุ่มมองเห็นว่าต้องเปลี่ยนตัวหัวหน้าพรรคปชป.จึงได้มีการทาบทามนายอลงกรณ์ พลบุตร มาเป็นหัวหน้าพรรคคนใหม่ ซึ่งมันก็ไม่แปลกเพราะในอดีตพรรคปชป.เองก็เคยสนับสนุนให้ พลเอกเปรม ติณสูลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรีมาแล้ว ทั้งๆ ที่ พลเอกเปรมก็ไม่ได้เป็นสส.ในสภาก็ตาม
ทีมข่าวการเมือง
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี