วันอาทิตย์ ที่ 6 กรกฎาคม พ.ศ. 2568
แนวหน้า
  • แนวหน้า
  • หน้าแรก
  • คอลัมน์
    • คอลัมน์วันนี้
    • คอลัมน์ออนไลน์
    • คอลัมน์การเมือง
    • คอลัมน์ลงมือสู้โกง
    • โลกธุรกิจ
    • ผู้หญิง
    • บันเทิง
    • Like สาระ
    • ดูทั้งหมด
  • ข่าวเด่น
  • พระราชสำนัก
  • การเมือง
  • โลกธุรกิจ
  • อาชญากรรม
  • กทม.
  • ในประเทศ
  • เกษตร
  • ต่างประเทศ
  • กีฬา
  • ผู้หญิง
  • บันเทิง
  • ยานยนต์
  • Like สาระ
หน้าแรก / คอลัมน์ / คอลัมน์ / ลงมือสู้โกง โดย...เจนจิรา บำรุงศิลป์
ลงมือสู้โกง โดย...เจนจิรา บำรุงศิลป์

ลงมือสู้โกง โดย...เจนจิรา บำรุงศิลป์

เจนจิรา บำรุงศิลป์
วันพุธ ที่ 18 มีนาคม พ.ศ. 2563, 02.00 น.
COVID-19 สู่วิกฤติการโกงกินกับความเชื่อมั่นในรัฐบาล

ดูทั้งหมด

  •  

Marc Lipsitch ศาสตราจารย์ด้านระบาดวิทยา พลศาสตร์โรคติดต่อ ซึ่งเป็นหัวหน้าสำนักสาธารณสุข มหาวิทยาลัยฮาร์วาร์ด ได้พูดถึงโรคระบาดโคโรนาไวรัส หรือ COVID-19 ว่าอาจจะเป็นไข้หวัดร้ายแรงที่สุดแห่งยุคนี้ ซึ่งผู้เขียนเห็นด้วยว่า COVID-19 ดูเหมือนจะเป็นไข้หวัดชนิดหนึ่งที่เลวร้ายที่สุดของปัจจุบันเลยก็ว่าได้ เนื่องจากขณะนี้องค์กรอนามัยโลก (WHO) ได้ประกาศให้ การระบาดของไวรัสโคโรนาหรือ COVID-19 เป็นภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก (Pandemic) และรายงานจำนวนผู้ติดเชื้อทั่วโลก ณ วันที่ผู้เขียนได้เขียนบทความนี้อยู่ มียอดผู้ติดเชื้อรวม 121,564 ราย ผู้เสียชีวิตรวม 4,373 คน (ข้อมูล ณ วันที่ 11 มีนาคม 2563 โดย Johns Hopskins CSSE) สำหรับประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อ 59 ราย เสียชีวิตแล้ว 1 ราย โดยหวังใจอย่างยิ่งว่าวันที่บทความนี้ได้ตีแผ่หรือวันที่ผู้อ่านกำลังอ่านบทความนี้อยู่ ยอดจำนวนผู้ติดเชื้อและเสียชีวิตจะเพิ่มขึ้นในอัตราที่ช้าลง

การแพร่ระบาดไปทั่วโลกที่เกิดขึ้นของ COVID-19 ส่งผลกระทบต่อทุกภาคส่วนในสังคม แต่สิ่งหนึ่งที่ใกล้ตัวพวกเราทุกคนและปรากฏอย่างเห็นได้ชัดคือ ภาวะขาดแคลนหน้ากากอนามัยซึ่งเป็นหนึ่งในอุปกรณ์พื้นฐานในการป้องกันเชื้อโรคเบื้องต้นที่ประชาชนจะดูแลตนเองได้ โดยเฉพาะอย่างยิ่งสำหรับการใช้ในโรงพยาบาล ซึ่งมีบุคลากรทางการแพทย์ที่ต้องทำงานใกล้ชิดกับผู้ป่วย ตัวอย่างภาวะการขาดแคลนนี้เห็นได้ชัดจากการติดป้ายของร้านค้า ร้านขายยาที่ผ่านมาว่าไม่มีหน้ากากอนามัยบ้าง หน้ากากอนามัยขาดตลาดบ้าง รวมไปถึงตัวอย่างเช่น คำแถลงการณ์ของโรงพยาบาลธรรมศาสตร์เฉลิมพระเกียรติ เรื่อง กรณีการบริหารจัดการระบาดของโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) เมื่อวันที่ 3 มีนาคม 2563 ตอนหนึ่งใจความว่า ปัจจุบันโรงพยาบาลไม่สามารถจัดหาวัสดุ อุปกรณ์ทางการแพทย์ เช่น หน้ากากอนามัยชนิด N95 หน้ากากอนามัย ชุดป้องกันการติดเชื้อสำหรับบุคลากรทางการแพยท์ อุปกรณ์ป้องกันส่วนบุคคลในการดูแลผู้ป่วย เป็นต้น


เมื่อสินค้าอย่างหน้ากากอนามัย ไม่เพียงพอต่อความต้องการในภาวะวิกฤติโรคติดเชื้อโคโรนานี้ ผู้ประกอบการบางส่วนจึงมีการกักตุนสินค้าและหรือจำหน่ายสินค้าในราคาที่สูงเกินสมควร ซึ่งข่าวร้อนแรงที่ผ่านมาจากแฮชแท็ก #Saveแหม่มโพธิ์ดำ เรื่องราวมาจากเพจเฟซบุ๊ค “แหม่มโพธิ์ดำ” ได้เผยแพร่เรื่องราวการกักตุนหน้ากากอนามัยและนำไปขายเกินราคาของผู้ประกอบการท่านหนึ่ง และจากเพจเฟซบุ๊ค “ต้องแฉ” ได้มีผู้เข้ามาแสดงความคิดเห็นและให้ข้อมูลต่อประเด็นดังกล่าวว่า ไม่สามารถหาซื้อหน้ากากอนามัยได้ และพบเห็นผู้ประกอบการจำนวนไม่น้อยขายหน้ากากอนามัยทางการแพทย์ (Surgical Mask) ราคาสูงเกินความจำเป็น เช่น 50 ชิ้น ราคา 600-800 บาท หรือตกแผ่นละมากกว่า 10 บาทเลยทีเดียว ซ้ำไปกว่านั้นมีกระแสข่าวต่อมาคือ โฆษกกรมศุลกากร กล่าวว่าภาพรวมการส่งออกหน้ากากอนามัยในเดือนม.ค. และ ก.พ. 2563 รวม 2 เดือน มีการส่งออกหน้ากากอนามัยทั้งสิ้นกว่า 330 ตัน คิดเป็นมูลค่า 160 ล้านบาท แม้ต่อมากรมการค้าภายในจะออกมาชี้แจงว่าไม่เป็นความจริงแต่ก็ยังคงเป็นที่ถกเถียงกันในสังคมต่อประเด็นนี้อย่างมาก ทุกคนหันมาให้ความสนใจและวิพากษ์วิจารณ์ ร่วมหาคำตอบกันว่าในขณะที่ประชาชนทั่วไปหาซื้อหน้ากากได้ยาก แต่กลับมีผู้ส่งออกหน้ากากจำนวนมหาศาลนี้ได้อย่างไร

จากปัญหาการกักตุนและโกงราคาหน้ากากอนามัยทั้งหลายนี้ผู้เขียนตั้งข้อสังเกตได้ว่าประชาชนเริ่มตื่นตัวกับปัญหาที่เกิดขึ้นแล้ว เพราะปัญหาทุจริตคอร์รัปชันไม่ใช่เรื่องไกลตัวอีกต่อไป จนไม่อาจทนต่อพฤติกรรมโกงกินเหล่านี้ได้อีกต่อไป ทุกคนพยายามมีส่วนร่วมเพื่อแก้ปัญหา ช่วยกันสอดส่อง ตรวจสอบ และเปิดเผยข้อมูลที่ส่อความไม่ชอบมาพากล อย่างไม่รีรอการจัดการของภาครัฐอีกต่อไป นัยหนึ่งผู้เขียนมีความเห็นว่าสิ่งเหล่านี้สะท้อนให้เห็นว่า ความเชื่อมั่น ความศรัทธาของประชาชนที่มีต่อการบริหารจัดการของรัฐลดน้อยลง แต่ยังคงหวังว่ารัฐจะสนับสนุนและปกป้องให้ทุกคนสามารถร่วมลงมือกันเปิดโปงการโกงกินต่างๆ ได้อย่างไม่ต้องกังวลหรือกลัวการโดนข่มขู่และคุกคาม รวมถึงต้องการให้รัฐบาลแสดงถึงความจริงใจและจริงจังในการแก้ไขปัญหา เพื่อเสริมสร้างความเชื่อมั่นให้กับประชาชนคนไทยในภาวะวิกฤติเช่นนี้

ผู้เขียนมีความเห็นว่า สิ่งที่รัฐจะสร้างความเชื่อมั่นในยามวิกฤตินี้ได้ ทั้งในแง่การระบาดของโรค และแง่ของความรับผิดชอบต่อปัญหาโกงกินทั้งหลายที่เกิดขึ้น คือ การแสดงออกถึงภาวะผู้นำประเทศ สื่อสารอย่างตรงไปตรงมา เรียกขวัญกำลังใจของประชาชน แสดงให้เห็นถึงมาตรการที่ชัดเจนและลงมือทำอย่างรวดเร็ว ให้ข้อมูลที่ถูกต้องทันท่วงที โปร่งใส ตรวจสอบได้ ซึ่งตามแผนพัฒนารัฐบาลดิจิทัลระยะ 5 ปี (ปีพ.ศ. 2560 – 2564) กำหนดว่าในประเด็นภาวะวิกฤติจะต้องมีการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการบูรณาการทำงานของหน่วยงานทุกงานที่เกี่ยวข้อง ให้ข้อมูลถึงประชาชนในแบบรวมศูนย์ เมื่อมองมาที่สถานการณ์ปัจจุบันลองตั้งคำถามกันดูว่า สิ่งเหล่านี้ได้ถูกนำมาใช้จริงในสถานการณ์ขณะนี้แล้วหรือไม่อย่างไร และสิ่งสำคัญในตอนนี้อีกประการหนึ่งคือ การจะทำอย่างไรให้พลังแห่งความต้องการเปิดโปงของประชาชน สามารถสู้กับวิกฤติการโกงกินนี้ได้ เมื่อพูดถึงการต่อสู้นี้แล้ว ผู้เขียนมีความเห็นว่า การต่อสู้ของประชาชนต้องไม่สูญเปล่า รัฐต้องแสดงถึงจุดยืนความจริงใจ มีกลไกปกป้องประชาชนผู้เผยข้อมูลไม่ให้ถูกคุกคาม หรือกล่าวได้ว่ารัฐควรมีความจริงใจและจริงจังต่อมาตรการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower Protection Act) ซึ่งเป็นหนึ่งในมาตรการสำคัญสำหรับการต่อต้านคอร์รัปชัน เพื่อสร้างหลักประกันและเอื้อให้ประชาชนพร้อมเปิดโปง ส่งเสริมความเป็น Active Citizen ของประชาชนที่ช่วยกันสอดส่อง ตรวจสอบการโกงกิน การเห็นแก่ส่วนตนหรือประโยชน์พวกพ้องในยามบ้านเมืองเผชิญกับโรคระบาดอันยิ่งใหญ่นี้ และรัฐต้องใช้กลไกการตรวจสอบแห่งอำนาจรัฐเพื่อสืบหาข้อเท็จจริงต่อไป เพื่อสร้างความมั่นใจว่าจะนำพาประเทศชาติผ่านพ้นสิ่งเหล่านี้ไปได้

ผู้เขียนจึงขอยกแนวทางการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower Protection Act) ที่กลุ่มประเทศ G20 หรือกลุ่มประเทศเศรษฐกิจขนาดใหญ่ ได้สรุปไว้ 5 ประการ ดังนี้

1.กฎหมายต้องกำหนดว่าอะไรคือการเปิดเผยข้อมูลที่ได้รับความคุ้มครอง และใครจะได้รับความคุ้มครองบ้าง ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองต้องครอบคุมกว้างขวางหรือเรียกได้ว่า“No loophole approach” เพื่อไม่ให้การทุจริตคอร์รัปชันรอดพ้นสายตาประชาชน

2.ความคุ้มครองตามกฎหมายต้องครอบคลุมรอบด้าน เพื่อให้ผู้เปิดเผยข้อมูลไม่กังวลและพร้อมจะเปิดเผยให้ข้อมูลนั้นๆสิ่งที่สำคัญประการแรก คือ ต้องไม่เปิดเผยตัวตนผู้ให้ข้อมูล เว้นแต่ได้รับความยินยอม ต่อมาห้ามไม่ให้มีการกระทำแก้แค้น กลั่นแกล้ง คุกคามผู้เปิดเผยข้อมูล เช่น ลดตำแหน่ง เปลี่ยนแปลงหน้าที่ การนำไปพิจารณาค่าตอบแทนหรือสวัสดิการ หรือการตัดสินใจและการกระทำที่ไม่ชอบมาพากล เป็นต้น

3.กฎหมายต้องระบุถึงช่องทางในการเปิดเผยข้อมูลไว้ให้ชัดเจน กล่าวคือกำหนดความชัดเจนของช่องทางและขั้นตอนในการเปิดเผยข้อมูล ซึ่งมักจะกำหนดการเปิดเผยเป็น 3 ชั้น คือ เปิดเผยต่อหน่วยงานตรวจสอบดูแลภายในองค์กร, เปิดเผยต่อหน่วยงานต่อหน่วยงานภายนอกองค์กร และเปิดเผยต่อสื่อมวลชนและสาธารณะ

4.จัดให้มีองค์กรที่ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและดำเนินคดีเกี่ยวกับการกระทำผิดต่อผู้เปิดเผยข้อมูล

5.ต้องมีองค์กรที่ทำหน้าที่รับเรื่องร้องเรียนและดำเนินคดี ในกรณีการกระทำที่แก้แค้น กลั่นแกล้ง หรือคุกคามผู้เปิดเผยข้อมูล โดยต้องดูแลและดำเนินการให้อย่างถึงที่สุด

มีการกระตุ้นให้คนตื่นตัวและรู้สิทธิตามกฎหมายปกป้องผู้เปิดเผยข้อมูล อีกทั้งมีการตรวจสอบประสิทธิภาพของกลไกคุ้มครองผู้เปิดเผยข้อมูลอยู่ตลอด ต้องให้ประชาชนรู้สิทธิและการใช้ประโยชน์มากพอจนเกิดความมั่นใจและพร้อมจะเปิดเผยข้อมูล รวมไปถึงการมีระบบประเมินผลดำเนินการทางกฎหมายอยู่ตลอด เพื่อความมีประสิทธิภาพในการบังคับใช้งาน

การให้หลักประกันคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล (Whistleblower Protection Act) เป็นสิ่งที่สำคัญอย่างมาก เพราะสิ่งที่ประชาชนหรือผู้ให้ข้อมูลนั้นต้องการจะได้รับจากบุคคลหรือหน่วยงานผู้มีอำนาจแห่งรัฐ คือ การได้รับความคุ้มครอง ไม่ถูกตอบโต้หรือถูกคุกคามไม่ว่ากรณีใดๆ ดังนั้น การที่ประชาชนจะพร้อมออกมาให้ข้อมูลที่มีประโยชน์ต่อสาธารณะ เปิดเผยการฉ้อโกงหรือการทุจริตคอร์รัปชันต่างๆ ได้นั้น ขึ้นอยู่กับมาตรการ หรือกฎหมายที่เคร่งครัดและชัดเจนในการคุ้มครองผู้ให้ข้อมูล และสิ่งเหล่านี้จะต้องถูกนำมาปฏิบัติใช้อย่างจริงจัง มิใช่การมีไว้ซึ่งกฎหมายและหลักเกณฑ์ประดับไว้เพียงเท่านั้น

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน

โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น

1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์

2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี

3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี

  •  
  • Breaking News
  • ข่าวยอดนิยม
  • คอลัมน์ฮิต
22:52 น. 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
22:29 น. น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
22:22 น. ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
22:13 น. ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
21:41 น. หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด
ผลสลากกินแบ่งรัฐบาล งวดประจำวันที่ 1 กรกฎาคม 2568
ปิดตำนาน156ปี! 'กษัตริย์ชาร์ลส์'ประกาศปลดระวาง'รถไฟหลวง' สมาชิกราชวงศ์ไปใช้รถไฟปกติแทน
'เท้ง'แย่แล้ว!! เจอขบวนรถทัวร์แห่คอมเมนต์แจกพยัญชนะไทยฉ่ำ!!
บิ๊กเนม'ปชป.'ร่วมวงเพียบ!! 'คุณหญิงกัลยา'ตั้ง'พรรคไทยก้าวใหม่' พร้อมตั้ง'สุชัชวีร์'นั่งหัวหน้าฯ
‘ทักษิณ‘ พร้อมลูกสาว ’เอม พินทองทา‘ เดินทางออกจากศาลอาญา หลังสืบพยานนัดแรก คดี ม.112
ดูทั้งหมด
ต้องเลือกตั้งตุลาการศาลรัฐธรรมนูญหรือ
บุคคลแนวหน้า : 6 กรกฎาคม 2568
ชีวิตประจำวันของผม-การทำงาน
หน้าต้องทนสูงมาก จึงทำแบบนี้ได้
วิวาทะ ว่าด้วย‘อภิปรายไม่ไว้วางใจ’
ดูทั้งหมด

เรื่องอื่นๆ ที่น่าสนใจ

'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!

ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม

หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต

อุบตอบมีชาติไหนบ้าง?! 'ทรัมป์'ลงนามจดหมายแจ้งภาษีตอบโต้12ประเทศ พร้อมร่อน7ก.ค.นี้

โหดเหี้ยม! คนร้ายซุ่มยิง‘ตำรวจ’ สภ.กรงปินัง เสียชีวิต หน้าร้านสะดวกซื้อใน จ.ยะลา

'องค์ดาไลลามะ'หวังมีพระชนม์ชีพยืนยาวนานถึง130ปี ก่อนกลับชาติมาเกิดเป็นผู้นำทิเบต

  • Breaking News
  • \'อดีต ส.ว.สมชาย\'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!! 'อดีต ส.ว.สมชาย'สรุปฟังไต่สวนพยานคดีชั้น 14 บอกพยานเท็จอาการหนักมาก!!!
  • น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง\'อดีตรองเสธ.กัมพูชา\' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น น้ำใจทหารไทย! เปิดด่านฉุกเฉินส่ง'อดีตรองเสธ.กัมพูชา' ป่วยมะเร็ง กลับบ้านอย่างอบอุ่น
  • ครั้งแรกในรอบ102ปี! \'ฝรั่งเศส\'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม ครั้งแรกในรอบ102ปี! 'ฝรั่งเศส'เปิดให้พลเมืองเล่นน้ำในแม่น้ำแซน การันตีคุณภาพน้ำดีเยี่ยม
  • ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย ไม่ใช่มีแค่ถนนพระราม 2 สะพานพระราม 4 เกิดเหตุป้ายเหล็กขนาดใหญ่ตกใส่รถพังเสียหาย
  • หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต หนีคดี 19 ปี! รวบแล้ว ‘มือมีด’ วัย 43 แทง ‘นักเรียนนายร้อย’ เสียชีวิต
ดูทั้งหมด

คอลัมน์ที่เกี่ยวข้อง

เป็นไปได้ไหม กรุงเทพฯ ที่ไร้โกง ?

เป็นไปได้ไหม กรุงเทพฯ ที่ไร้โกง ?

22 มิ.ย. 2565

ถนนไทยจะปูด้วยทองคำก็ยังได้ ถ้า...

ถนนไทยจะปูด้วยทองคำก็ยังได้ ถ้า...

12 ม.ค. 2565

ไข‘เครื่องมือต้านโกง’จากประเด็นร้อนเสาไฟกินรี

ไข‘เครื่องมือต้านโกง’จากประเด็นร้อนเสาไฟกินรี

16 มิ.ย. 2564

Corruption Hunters นักล่าคอร์รัปชันยุคใหม่

Corruption Hunters นักล่าคอร์รัปชันยุคใหม่

20 ม.ค. 2564

สร้าง-ทิ้ง-ร้าง ความสิ้นเปลืองจากงานเสร็จแต่ไม่สำเร็จ

สร้าง-ทิ้ง-ร้าง ความสิ้นเปลืองจากงานเสร็จแต่ไม่สำเร็จ

2 ธ.ค. 2563

การเปิดเผยข้อมูลเงินกู้ 4 แสนล้านสู้โควิด สู้วิกฤติคอร์รัปชัน

การเปิดเผยข้อมูลเงินกู้ 4 แสนล้านสู้โควิด สู้วิกฤติคอร์รัปชัน

29 ก.ค. 2563

COVID-19 สู่วิกฤติการโกงกินกับความเชื่อมั่นในรัฐบาล

COVID-19 สู่วิกฤติการโกงกินกับความเชื่อมั่นในรัฐบาล

18 มี.ค. 2563

Back to Top

ผู้ดูแลเว็บไซต์ www.naewna.com
webmaster นายปรเมษฐ์ ภู่โต
ดูแลรับผิดชอบข่าว/ภาพ/โฆษณา/ข้อมูลอื่นๆที่เกี่ยวข้องกับเว็บไซต์
กรรมการบริษัทฯ, กรรมการผู้มีอำนาจ ไม่มีส่วนเกี่ยวข้องกับการนำเสนอข่าว/ภาพ/ข้อมูลใดๆในเว็บไซต์ทั้งสิ้น

Social Media

  • หน้าแรก |
  • เกี่ยวกับแนวหน้า |
  • โฆษณากับเรา |
  • ร่วมงานกับเรา |
  • ติดต่อแนวหน้า |
  • นโยบายข้อตกลง
Copyright © 2025 Naewna.com All right reserved