nn ขณะที่ถนนทุกสายต่างเฝ้าจับตาการชิงดำสัมปทานโครงการรถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน (ดอนเมือง-สุวรรณภูมิ-อู่ตะเภา)มูลค่าลงทุนกว่า 2.24 แสนล้านบาท อย่างไม่กะพริบ!...หลังการรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) เปิดให้เอกชนยื่นข้อเสนอไปเมื่อกลางเดือนพฤศจิกายนที่ผ่านมา โดยมี 2 กลุ่มบริษัทเอกชนเปิดหน้าเข้ายื่นข้อเสนอ คือกลุ่มกิจการร่วมค้าบริษัทเจริญโภคภัณฑ์ โฮลดิ้งกับกลุ่มกิจการร่วมค้า BSR Joint Venture ที่นำโดย บริษัทบีทีเอส กรุ๊ป โฮลดิ้งส์ จำกัด (มหาชน)
ตาม “ไทม์ไลน์”การประมูล การรถไฟฯจะลุยแบบ “ม้วนเดียวจบ” โดยเปิดซองประมูลแรก พิจารณาด้านคุณสมบัติผู้เข้าประมูลในวันที่ 13-19 พฤศจิกายน จากนั้นจะเปิดซองที่ 2 พิจารณารายละเอียดด้านเทคนิควันที่ 20 พฤศจิกายน -11 ธันวาคม และเปิดซองที่ 3 ข้อเสนอทางด้านเรื่องราคาวันที่ 12-17 ธันวาคม สรุปผลการคัดเลือกเบื้องต้นวันที่ 18 ธันวาคม-1 มกราคม โดยคาดว่าจะเสนอคณะรัฐมนตรี (ครม.) วันที่ 28-31 มกราคม 2562 ก่อนการเลือกตั้งจะมีขึ้น…. “อภิมหาโปรเจกท์” มีวงเงินลงทุนสูงสุดเป็นประวัติศาสตร์กว่า 224,000 ล้านบาท และมีอายุสัมปทานโครงการถึง 50 ปี ใช้เวลาพิจารณาข้อเสนอและเงื่อนไขต่างๆ เพียงเดือนเศษเท่านั้น…!!งานนี้หลายฝ่ายฟันธง...ไม่พ้นมือ... “กลุ่มเจ้าสัวซีพี ....แต่สำหรับประชาชนคนไทยคงไม่อินังขังขอบอะไรด้วยหรอก มีแต่ภาวนาขอให้โครงการนี้แจ้งเกิดขึ้นมาไวๆด้วยซ้ำ
เรื่องของรถไฟความเร็วสูง “ไฮสปีดเทรน” ที่รัฐบาลชุดนี้เร่งให้เกิดแบบ “ไวไฟ”ยิ่งกว่าระบบ 5จีนั้น มีข้อน่าสังเกตที่ไม่รู้ประชาชนคนไทยเราจะตระหนักนึกถึงกันหรือไม่...นั่นก็คือ เงื่อนไขการประมูลร่วมลงทุนตามรูปแบบ “พีพีพี” ที่ภาครัฐจะลงทุนในส่วนของโครงสร้างพื้นฐานให้ภายใต้วงเงินไม่เกิน 119,000 ล้านบาท ตามมติคณะรัฐมนตรีเมื่อ 27 มีนาคม 2561…แปลให้ง่ายนอกจากบริษัทเอกชนจะได้สัมปทานโครงการนี้ไป ซึ่งครอบคลุมตั้งแต่งานก่อสร้าง จัดหาระบบเดินรถ และสิทธิ์ในการพัฒนาที่ดินโดยรอบสถานีหลักๆอย่างสถานีมักกะสัน 150 ไร่ และสถานีศรีราชาอีกร่วม 100 ไร่ รวมถึงได้สิทธิเดินรถไฟฟ้า “แอร์พอร์ตลิ้งค์”แถมไปด้วยแล้ว…ยังได้เงิน “ก้นถุง”อีกกว่าแสนล้านแถมพกไปด้วย ซึ่งถือเป็นเงื่อนไขที่ดีที่สุดใน 3 โลกที่เกิดอีก 10 ชาติก็หาไม่ได้อีกแล้ว!!!
เห็นแล้วก็ให้นึกย้อนไปถึง “มือถือ 5จี” ที่รัฐบาลและคณะกรรมการกำกับกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคม (กสทช.) หมายมั่นปั้นมือจะผลักดันให้ประเทศไทยพัฒนา 5จีให้ได้ภายในปี 2563 หรือภายในระยะ 2 ปีจากนี้ แต่กลับไม่มีโอกาสได้ “อานิสงส์”จากนโยบายของภาครัฐในลักษณะเดียวกันแม้แต่น้อย....ทั้งที่หากพิจารณาในแง่ของการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานเพื่อการพัฒนาประเทศแล้ว การลงทุนของรัฐไม่ว่าจะก่อสร้างถนนหนทาง ระบบรางจะรถไฟ รถไฟฟ้า หรือแม้แต่รถไฟความเร็วสูง “ไฮสปีดเทรน”ที่รัฐบาลกำลังโม่แป้งอยู่นี้ ล้วนเป็นไปเพื่อขับเคลื่อนเศรษฐกิจโดยรวมของประเทศ และเพื่อความอยู่ดีกินดีของประชาชน ไม่ต่างไปจากการลงทุนด้านสื่อสารโทรคมนาคม และจะว่าไปการลงทุนด้านสื่อสารโทรคมนาคมนั้นน่าจะมีส่วนในการยกระดับการพัฒนาศักยภาพของผู้คนได้มากกว่าเสียด้วยซ้ำ
แต่เมื่อดูนโยบายของรัฐที่มีต่อการลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานทั้ง 2 โครงการนี้...จะเห็นถึงความแตกต่างกันชนิดหน้ามือกับหลังมือเลยทีเดียว...รัฐบาลนั้นพร้อมจะทุ่มเทงบประมาณ...อย่างล่าสุดที่ครม.ไฟเขียวให้เทเม็ดเงินลงทุนด้านโครงสร้างพื้นฐานระบบรางให้แก่รถไฟความเร็วสูงนี้ด้วยถึง 119,000 ล้านบาท
แต่ลองคณะกรรมการกิจการกระจายเสียง กิจการโทรทัศน์ และกิจการโทรคมนาคมแห่งชาติ (กสทช.) หรือภาคเอกชนในธุรกิจสื่อสารโทรคมนาคมชงข้อเสนอให้รัฐบาลเจียดเม็ดเงินภาษี หรือเงินกองทุนให้แก่ผู้ประมูลรับใบอนุญาต 5จีสัก 5,000 ล้านหรือสัก 10,000 ล้านบาท เพื่อเป็นเงินก้นถุงหรือทุนประเดิมในการพัฒนา 5จีให้ประเทศบ้างสิ...คงไม้พ้นถูกบรรดานักวิชาการ ภาคประชาชนและเครือข่ายอะไรต่อมิอะไรได้ “ดาหน้า”ออกมาคัดง้างกันชนิดหูดับตับไหม้ว่าเป็นการเอื้อกลุ่มทุนสื่อสาร เอื้อนายทุนหรือนายใหญ่อะไรที่ว่ากันสนั่นโซเชียลแน่ๆ... เผลอๆ จะยื่นฟ้องคนเสนอคนชงให้งานเข้าเอาด้วยอีก และไม่ต้องถึงกับขอเจียดเงินกองทุน เงินก้นถุงอะไรหรอก แค่ตั้งเกณฑ์ประมูล 5จีในราคาที่ต่ำกว่า 3 หรือ 4จี เดิมก็อาจงานเข้าแล้ว...
สรุป...ทั้ง “รถไฟความเร็วสูงเชื่อม 3 สนามบิน” และ “โทรศัพท์ 5จี”...เหมือนกันที่เป็นการลงทุนโครงสร้างพื้นฐานเพื่อเพิ่มศักยภาพในการแข่งขันของประเทศเหมือนกัน....แต่วิธีคิดและการดำเนินการ...ต่างกันราวฟ้ากับเหว....
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี