nn ไม่รู้เป็นครั้งที่เท่าไรแล้ว ที่คำกล่าว “เด็ดดอกไม้สะเทือนถึงดวงดาว” ถูกหยิบยกโดยนักรณรงค์และเอ็นจีโอ ผูกโยงเพื่อตำหนิถึง ผู้บริโภคเนื้อสัตว์ เป็นตัวต้นเหตุเพียงอย่างเดียวของ วิกฤติหมอกควันและฝุ่นละอองที่เกิดขึ้นในภาคเหนือของไทย….อ่านแล้วรู้สึกได้ถึงกลิ่นอายของความคิดของความมีอคติ ทั้งๆ ที่ไทยเราเป็นประเทศเกษตรกรรม ชาวบ้านส่วนใหญ่ทำมาหากินหารายได้จากการปลูกพืช และ เลี้ยงสัตว์ มาตั้งแต่สมัยสุโขทัยแล้ว ปัจจุบัน เกษตรกรรมและปศุสัตว์ยังเป็นอาชีพที่ช่วยให้ประชากรส่วนใหญ่ของประเทศมีรายได้พึ่งพาตนเองได้ และที่สำคัญยังเป็นตัวที่ทำรายได้เข้าประเทศในแต่ละปีนับเป็นมูลค่ามหาศาล ต้องยอมรับว่าเรื่องนี้เป็นความเก่งกาจของคนไทยจริงๆ
ย้อนกลับมาที่ปัญหาหมอกควันที่สร้างความเดือดร้อนให้กับพี่น้องชาวเหนือต่อเนื่องมากว่า 10 ปีแล้ว ต้นเหตุก็มาจากน้ำมือของมนุษย์เรากันเองเสียเป็นส่วนใหญ่ ช่วงที่เกิดวิกฤติจะเป็นช่วงมีนาคม-เมษายน ที่ตรงกับช่วงที่มีการเตรียมพื้นที่เพาะปลูกของพี่น้องเกษตรกรพอดิบพอดี เลยกลายเป็นเป้าหมายให้นักรณรงค์สิ่งแวดล้อมผูกโยงการเผาป่าเพื่อปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ ซึ่งใช้เป็นวัตถุดิบเลี้ยงสัตว์ ที่กำลังมีราคาดีให้กลายเป็นสาเหตุ... ไม่ปฏิเสธที่คนพูดจะมีความรักต่อเชียงใหม่และภาคเหนือ แต่ลืมพูดถึงทุกการกระทำ ที่ดูว่าเล็กน้อยและไม่อันตรายหากล้วนเป็นผลให้เกิดวิกฤติได้ทั้งนั้น พูดด้วยความหวังดีเคลือบอคติชี้นำให้ทุกคนมองข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นผู้ร้าย....อย่าลืมว่าช่วงก่อนสงกรานต์ เป็นเวลาที่เหมาะสมในการเตรียมพื้นที่ทำการเกษตรก่อนจะมีฝนหลังสงกรานต์ เพราะ ป่ามีความแห้ง จากที่แล้งฝนมาหลายเดือน ก็เอื้อให้คนลอบเผาเพื่อหาของป่า ทั้งเห็ดถอบ ทั้งสัตว์ป่า ซึ่งมีราคาดีจนให้คนที่ไม่หวังดีกระทำในสิ่งที่ถือไม่รับผิดชอบทำกันเป็นล่ำเป็นสัน จากข้อมูล สถิติไฟไหม้ป่าปีนี้เพิ่มขึ้นสองเท่า สูงจนผิดสังเกต แถมหลายคนที่ถูกจับได้ไม่ได้ทำอาชีพเกษตรเลย แถมป่าที่ถูกเผาก็อยู่ลึกมากจนไม่แน่ใจว่าปลูกข้าวโพดแล้วจะได้เงินคุ้มกับที่เสียหรือเปล่า
การกล่าวโทษแบบตีขลุมมาที่ข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เกิดมาทุกครั้งที่เกิดวิกฤติหมอกควัน ดูจะไม่ค่อยเป็นธรรมกับชาวบ้าน ชาวเขาที่ทำไร่ ปลูกพืช เลี้ยงสัตว์อย่างถูกต้อง ไม่ทำลายสิ่งแวดล้อม และดูเหมือนคนพูดไม่เคยเปิดตาดูโลกว่าชาวบ้านเค้าปรับเปลี่ยนไปขนาดไหนแล้ว....อย่าลืมว่า การเลี้ยงสัตว์ ปลูกพืชไร่ในประเทศเราไม่ได้อิงเฉพาะกฎหมายของบ้านเรา หากสินค้าอาหารของเราส่งออกไปทั่วโลก จำเป็นต้องทำตามกติกาของผู้บริโภคทั่วโลก ที่ดูตั้งแต่ต้นทางของสินค้า ว่าหมูหรือไก่กินอาหารจากไหน วัตถุดิบที่ทำอาหารสัตว์ถูกต้องหรือเปล่า ไม่เช่นนั้นสินค้าอาหารจากไทยจะถูกแบนจากทั่วโลกโดยทันที...เหมือนกับกรณี “ปลาป่น” ที่การหยุดรับซื้อปลาป่นจากเรือประมงที่ทำประมงผิดกฎหมายไม่ได้จัดการหยุดการทำประมงที่ไม่รับผิดชอบต่อสังคมและสิ่งแวดล้อมได้....
กรณีข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็เช่นกันภาคเอกชนของไทย ตระหนักถึงปัญหานี้ ลุกขึ้นจัดทำระบบการตรวจสอบย้อนกลับแหล่งปลูกข้าวโพด และประกาศไม่รับซื้อข้าวโพดเลี้ยงสัตว์จากพื้นที่บุกรุกป่า และเผาซังข้าวโพด พร้อมทั้งยังร่วมมือกับทุกภาคส่วนเพื่อช่วยส่งเสริมให้เกษตรกรปลูกข้าวโพดแบบถูกต้อง ไม่เผาซังข้าวโพด แต่ใช้วิธีการไถกลบใช้ซังเป็นปุ๋ยไนโตรเจนบำรุงดินแทน และที่สำคัญช่วยพัฒนาให้เกษตรกรที่ปลูกข้าวโพดบนพื้นที่ถูกต้องได้เพิ่มผลผลิต ลดต้นทุนและมีรายได้เพิ่มขึ้น...
การโจมตี ทำให้คนไทยหลงทางมองชาวบ้านและประเทศเพื่อนบ้านเผาป่าปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์เป็นสาเหตุหลักของวิกฤติิหมอกควัน เชื่อว่า การหยุดปลูกข้าวโพดเลี้ยงสัตว์ก็ไม่น่าจะสามารถแก้ปัญหาหมอกควันภาคเหนือได้อย่างสิ้นเชิง เพราะต้นเหตุอื่นๆ ยังไม่ถูกเพิกเฉยและมองข้ามไป..จากการรายงานของสื่อในประเทศเมียนมาเองก็ดูจะไม่ค่อยพอใจกับคนไทยมากนัก และกล่าวว่าควันลอยมาจากประเทศไทย ชาวบ้านเค้าเองก็เดือดร้อนจากหมอกควันเหมือนกัน งานนี้ นอกจากเป็นความเห็นที่ทำร้ายชาวบ้านตาดำๆ แล้ว ยังบ่อนทำลายความสัมพันธ์ที่ดีระหว่างประเทศอีกด้วย…จึงอยากขอให้ทุกคนต้องร่วมกันตระหนัก “ทุกการกระทำแม้จะเล็กๆ น้อยๆ ก็ย่อมช่วยสร้างผลกระทบที่รุนแรงได้” ไม่ใช่นำคำพูดสวยหรูดูแพงมาพูด แต่กลับเคลือบอคติไม่ได้สร้างสรรค์ให้ประเทศไทยก้าวพ้นวิกฤติปัญหาอย่างยั่งยืน
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี