วันเสาร์ ที่ 6 ธันวาคม พ.ศ. 2568
nn รู้สึกงงกับวิธีคิดของรัฐบาลกับการดูแลผู้ประกอบการในประเทศ...เพราะว่ามาตรฐานมันช่างหลายมาตรฐานเสียจริง...เห็นกันชัดๆ กับเรื่อง...ทีวีดิจิทัล...ยอมให้
ผู้ประมูลใบอนุญาต...ไม่ต้องชำระค่าใบอนุญาตงวดที่เหลือ 2 งวด กรณีที่จะทำต่อ...และคนที่ทำต่อไม่ไหวก็ให้คืนใบอนุญาตได้แถมยังได้รับเงินชดเชยไปอีกก้อนใหญ่...!!คำถามแรกเหตุใดจึงใช้ผลประโยชน์ของรัฐไปอุ้มนายทุน?????
คำถามที่สองแล้วธุรกิจอื่นๆ ทำไมปล่อยให้เขาลำบากยากแค้นจนต้องทยอยปิดกิจการปลดพนักงาน....เช่น อุตสาหกรรมเหล็ก....ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่าหลังจากที่...สหรัฐกับจีนประกาศสงครามการค้าระหว่างกัน...ได้ส่งผลกระทบของสงครามการค้าต่ออุตสาหกรรมเหล็กของประเทศ…อย่างหนักหน่วง...
ทั้งนี้ก็เพราะว่า...สหรัฐอเมริกาในฐานะที่นำเข้าสินค้าเหล็กสุทธิมากที่สุดของโลก ตระหนักถึงภัยคุกคามที่รุนแรงจากการทะลักเข้าของสินค้าเหล็กจากต่างชาติ โดยเฉพาะจากจีน...แม้จะมีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและตอบโต้การอุดหนุนสินค้าเหล็กจากต่างชาติหลายมาตรการอยู่แล้ว แต่ก็ยังตัดสินใจยึดเหตุผลความมั่นคงแห่งชาติ ใช้มาตรการ 232 กำหนดอากรนำเข้าสินค้าเหล็ก 25%...เป้าหมายก็เพื่อปกป้องผู้ผลิตเหล็กภายในประเทศให้สามารถใช้กำลังการผลิตเพิ่มขึ้นจาก 70% เป็นมากกว่า 80%...ซึ่งเมื่อเป็นเช่นนี้….ประเทศต่างๆ ที่ถูกสหรัฐอเมริกาใช้มาตรการ 232 ปรับเปลี่ยนเป้าหมายการส่งออกมายังประเทศไทย และ/หรืออาเซียนเพิ่มขึ้น….
ทำให้ตัวเลขการนำเข้าเหล็กต่างชาติของไทยพุ่งพรวดอย่างผิดปกติมาตั้งแต่ปี 2560 เป็นต้นมา...และเห็นความผิดปกติชัดเจนมากขึ้นอีกในปี 2561...เมื่อพบว่าไทยมีการนำเข้าสุทธิสินค้าเหล็กสูงสุดเป็นอันดับสองของโลก มากถึง 13.6 ล้านตัน รองจากสหรัฐอเมริกา (23.1 ล้านตัน)....ทั้งที่เศรษฐกิจของประเทศไทย เทียบจากจีดีพีมีขนาดเพียง 1 ใน 42 ของสหรัฐอเมริกาเท่านั้น....ซึ่งตัวเลขการนำเข้าของไทยอย่างนี้สะท้อนให้เห็นชัดเจนว่าส่งผลกระทบเสียหายต่อผู้ผลิตสินค้าเหล็กในประเทศไทยอย่างหนักจนกำลังการผลิตลดลงอย่างต่อเนื่อง.....ตัวเลขในช่วง 3 เดือนแรกปี 2562 สถาบันเหล็กและเหล็กกล้าแห่งประเทศไทยรายงานว่า อัตราการใช้กำลังการผลิตเหล็กในประเทศอยู่ในอัตราวิกฤติที่ 38% ลดลงจากปี 2561 ซึ่งมีการใช้กำลังการผลิต 45%....
กลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็กของไทย ได้ยื่นข้อเสนอในการบรรเทาผลกระทบต่อภาครัฐตั้งแต่ต้นปี 2561 ที่สหรัฐอเมริกาเริ่มใช้มาตรการ 232 แต่กลับไม่ได้รับการช่วยเหลือที่เป็นรูปธรรม....โดยอ้างว่าผู้ผลิตไม่เสียหาย....!! นี่คือเหตุผลที่ “โลกการค้า” ต้องตั้งคำถามกับรัฐบาลว่าทำไมแนวทางปฏิบัติของรัฐจึงต่างกับที่เข้าไปโดดอุ้ม “ทีวีดิจิทัล”...?????
โลกการค้า...ขอขยายความตรงประเด็นที่ว่า...สินค้าเหล็กบางประเภทมีปริมาณการนำเข้าเพิ่มสูงขึ้นอย่างต่อเนื่องทุกปี....อย่างกรณีของเหล็กแผ่นรีดเย็นและรีดร้อนเคลือบสังกะสีแบบจุ่มร้อนชนิดเป็นม้วนและไม่เป็นม้วน (GI)...ที่มีสินค้านำเข้าจากจีนทะลักเข้ามาทุ่มตลาดของไทย...จนมีบางบริษัทต้องปลดคนงานเกือบพันคน เนื่องจากไม่สามารถแบกรับภาระต้นทุนได้...เอ่ยชื่อก็ได้...บริษัทกรุงเทพผลิตเหล็ก จำกัด (มหาชน)...ทั้งๆ ที่บริษัทนี้เป็นผู้ประกอบการในประเทศที่ทุ่มทุนทุ่มแรงบุกเบิกอุตสาหกรรมเหล็กในประเทศไทยมาตั้งแต่เมื่อ 50-60 ปีก่อน....แต่รัฐกับตัดสินใจยืนดูเฉยๆ ให้เขาตายไปต่อหน้าต่อตา...อีกตัวอย่างก็กรณีของเหล็กเส้นที่ถูกเหล็กจากจีน (ทั้งนำเข้าและจากโรงงานของจีน(อินดรัคชั่นฯ)ที่แห่เข้ามาตั้งโรงงานในไทยเมื่อ 4-5 ปีก่อน)....ทุ่มตลาดจนยับเยิน..จนทำให้ ทาทา สตีล ยักษ์ใหญ่วงการเหล็กของโลกสัญชาติอินเดีย....ต้องประกาศขายโรงงานในไทยแล้วย้ายธุรกิจกลับบ้านเก่าไป....!! ไม่เข้าใจว่าถึงขั้นนี้แล้วทางการไทยยังจะมองไม่เห็นอีกหรือว่า...มีความเสียหายร้ายแรง...
ล่าสุดสดๆ ร้อนๆ..เมื่อวันที่ 13 พฤษภาคม 2562...กรมการค้าต่างประเทศ ได้ส่งหนังสือ เลขที่ พณ 0309/1746 ลงนามโดย อธิบดีกรมการค้าต่างประเทศ....มาถึงกลุ่มผู้ประกอบการอุตสาหกรรมเหล็ก GI ในประเทศ..เช่น โพสโค โค้ทเต้ด สตีล (ประเทศไทย) ...กรุงเทพผลิตเหล็ก...ราชสีมาผลิตเหล็ก...ไทยแลนด์ไอออนเวิคส์...เนื้อใจความโดยสรุปว่า...ตามที่กลุ่มผู้ประกอบการได้ยื่นคำขอให้กรมการค้าต่างประเทศพิจารณาดำเนินการกำหนดมาตรการปกป้องจากการนำเข้าเหล็ก GI ที่เพิ่มขึ้นนั้น...กรมการค้าต่างประเทศได้เสนอคำขอดังกล่าวไปยังคณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (บอร์ดเซฟการ์ด) แล้ว ซึ่งก็มีมติว่าให้รับคำขอ เนื่องจากมีคำขอมีรายละเอียดและหลักฐานครบถ้วนถูกต้อง ตาม ม.13 แห่ง พ.ร.บ.มาตรการปกป้องจากการนำเข้าสินค้าที่เพิ่มขึ้น พ.ศ. 2550....แต่มีความเห็นว่าไม่ให้กรมการค้าต่างประเทศดำเนินการไต่สวนต่อไปแม้จะพบว่ามีการนำเข้าที่เพิ่มขึ้น เนื่องจากเมื่อพิจารณาตาม มาตรา 16 และ มาตรา 17 ของ พ.ร.บ.มาตรการปกป้องฯแล้ว...ยังไม่ปรากฏอย่างชัดเจนว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายใน...!! ถึงตรงนี้ก็ต้องบอกว่า...โลกการค้า...ไม่เข้าใจวีธีคิดของรัฐบาลจริงๆ...บางบริษัทต้องปลดคนงาน...บางบริษัทต้องย้ายฐานการผลิตหนี...บางบริษัทต้องล้มเลิกแผนการลงทุน...แบบนี้ถือว่าไม่มีผลกระทบ
ร้ายแรง...แล้วต้องถึงขั้นไหนกัน...
สหรัฐ...ยักษ์ใหญ่เบอร์ 1 ของโลก...เพียงแค่ตระหนักถึงผลที่จะเกิดจากการพึ่งพาการนำเข้ามากเกินไปและเพื่อป้องกันผู้ประกอบการในประเทศ...ยังถึงกับงัดเอา...มาตรการ 232 ของกม.ความมั่นคงแห่งชาติ...มาใช้ทั้งๆ ที่มีการใช้มาตรการตอบโต้การทุ่มตลาดและตอบโต้การอุดหนุนสินค้าเหล็กจากต่างชาติหลายมาตรการอยู่แล้ว...!! แล้วทางการไทยคิดอะไรอยู่...ต้องรอให้ผู้ประกอบการไทยตายหมดประเทศไปก่อนหรือไง...ถึงจะบอกได้ว่ามีความเสียหายอย่างร้ายแรงที่คุกคามอุตสาหกรรมภายใน...
!! หรือว่าเอาเข้าจริงแล้ว... คณะกรรมการพิจารณามาตรการปกป้อง (บอร์ดเซฟการ์ด)...มีเงื่อนไขพิเศษ(ที่ซ่อนเร้น)มาบังตาอยู่ ?????
กระบองเพชร

วันนี้ในอดีต! รำลึก 27 ปี ในหลวง ร.9 เสด็จฯ เปิดเอเชียนเกมส์ ครั้งที่ 13 มิตรภาพไร้พรหมแดน
เตรียมออกหมายเรียก เวย์ ไทเทเนียม รับทราบข้อกล่าวหา ฉ้อโกงทรัพย์ สัปดาห์หน้า
ดัชเชสแห่งซัสเซกซ์ เร่งติดต่อบิดาป่วยหนักผ่าตัดขา หลังสัมพันธ์พ่อลูกแตกร้าวนาน7ปี
ผบช.ภ.1เตรียมตรวจบ้านนัทปงซ้ำ หาแหล่งที่มาไซยาไนด์ เชื่อคนในบ้านต้องรู้
แฟนคลับแซวความฟิน ลิซ่า ลลิษา อวดภาพคู่กับ กงยูโอปป้า ฝันเป็นจริงหลังที่แอบชอบมานาน

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี