ครั้งหนึ่งมีโทรศัพท์ลึกลับจากชายไม่ทราบชื่อ หลังไมค์มาขอปรึกษาเรื่องอยากออกมาทำธุรกิจส่วนตัว (ไม่ทราบว่าได้เบอร์ของผมมาจากที่ไหนเหมือนกัน)
ร่วม 10 นาทีแรกที่คุยกัน พี่เขาวนอยู่เรื่องเดียว คือ ความน้อยเนื้อต่ำใจและรายได้จากงานที่ทำอยู่ในปัจจุบัน โดยแทบไม่ได้เข้าเรื่องกิจการที่ฝันอยากจะทำเลย
“ผมคิดดูแล้ว ยังไงก็สู้เราทำเองไม่ได้ ได้รับผลตอบแทนเต็มๆ กำไรเนื้อๆ” ไม่ว่าจะขึ้นต้นด้วยเรื่องอะไร สุดท้ายแทบจะจบด้วยประโยคนี้ทุกครั้ง
คุยไปสักพักเขาเริ่มคุยถึงชีวิตผม ... “แล้วอาจารย์มาเป็นนักแปลนักเขียนได้อย่างไรครับ ผมเองก็เก่งภาษาอังกฤษนะ น่าจะพอทำงานแปลได้”
“ผมไม่ได้เป็นนักแปลหรอกครับ นักแปลต้องแปลได้ทุกเรื่อง แต่ที่ผมแปล เพราะอยากแปล เพราะอยากรู้และเข้าใจเรื่องนั้นมากกว่า อย่างตอนนั้นสนใจเรื่องเงิน อยากรู้ อยากเข้าใจลึกๆ ในเรื่องการเงิน เลยลองแปลหนังสือการเงินดู”
“แปลหนังสือได้เงินเท่าไหร่ครับอาจารย์?”
“ถ้าหนังสือราคาขายสักเล่มละ 200 บาท คนแปลก็น่าจะสัก 45,000-60,000 บาทต่อเล่มครับ”
“ทำไมน้อยจังละครับ อาจารย์ใช้เวลานานมั้ยกว่าจะแปลเสร็จ”
“โห ... นานครับ ผมไม่เก่งภาษาอังกฤษมาก อาศัยใจสู้ ถ้านับเวลาแปลจริงๆ ไม่เถลไถล ก็ 4-5 เดือนต่อเล่มเลย”
“งั้นก็ไม่เวิร์กแล้วละครับ เงิน 60,000 ใช้เวลาตั้ง 5 เดือน เอาเวลาไปทำอย่างอื่นได้เงินเยอะกว่าครับ”
ผมนิ่งเงียบ ไ่ม่ได้พูดอะไรต่อ ...
“แล้วเขียนหนังสือละครับ ได้เงินเท่าไหร่”
“ก็ 10% จากยอดปก คูณราคาขายครับ”
“งั้นก็ไม่เวิร์ก ได้ยินว่านักเขียนเมืองไทย ขายได้ 10,000 เล่มก็เก่งมากแล้ว แถมต้องขายเป็นปีกว่าจะได้ขนาดนั้น ถ้าปกนึง 200 บาท ต่อให้ขายดี ทั้งปีก็ได้แค่ 200,000”
หลังวางสายผมรู้สึกเป็นห่วงพี่ผู้ชายท่านนี้ว่าจะออกมาทำธุรกิจไหวหรือเปล่า เพราะตลอดเวลาที่คุยกันเขาพูด เขาบ่น เขาคุย แต่เรื่องเงิน ไม่รู้มีใครบอกเขาหรือเปล่าว่า ช่วงแรกของการทำธุรกิจ เขาอาจไม่ได้เงินเลยก็เป็นได้นะ
การทำอะไรโดยใช้เงินเป็นตัวตั้งเพียงอย่างเดียว หลายครั้งมันทำให้เรามองไม่เห็นประตูแห่งโอกาสอีกหลายบานที่ซ่อนอยู่
ผมทำงานแปล สาบานได้เลยว่า ไ่ม่ใช่เพราะอยากได้เงิน แต่เพราะอยากเรียนรู้ในสิ่งที่ผู้เขียนหนังสือเล่าให้ลึกซึ้ง (ตอนนั้นอินกับงานเขียน Rich Dad Poor Dad ของโรเบิร์ต คิโยซากิ มาก) ลงมือทำทั้งที่ยังไม่ได้เก่งภาษาเลยแม้แต่น้อย
นั่งแปลไปแปลมา ก็เริ่มพบความจริงว่า การอ่านทำความเข้าใจเอง กับการอ่านเพื่อแปล เรียบเรียง และสื่อสารให้คนอื่นอ่านเข้าใจด้วยนั้น แตกต่างกันมาก ไหนจะการที่ได้อีเมลพูดคุยกับผู้เขียนด้วยแล้ว ยิ่งทำให้ผมเข้าใจในสิ่งที่เขาเขียนได้มากขึ้น และสุดท้ายแล้วความรู้ตรงนั้นนั่นแหละ ที่ทำเงินให้ผมอย่างมากมายในภายหลัง (นี่ยังไม่นับที่คนได้รู้จักเรา และนำพาโอกาสต่างๆ เข้ามาในชีวิตเราอีกนะ)
เริ่มต้นคิดทำอะไร ตั้งโจทย์จากสิ่งที่ไม่ใช่เงินบ้างนะครับ เอาเงินออกจากหัวไปก่อนบ้าง คิดถึงการสร้างคุณค่าก่อน สร้างงานให้ดีก่อน ทำให้คนที่ได้ผลงานเรา สินค้าเรา บริการเรา ได้รับประโยชน์สูงสุดก่อน
แล้วเดี๋ยวเงินทองมันจะไหลมาเองครับ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี