nn กระทรวงพาณิชย์....แถลงตัวเลขการส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน 2562..โดยระบุว่ามีมูลค่า 21,409 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 2.15% และติดลบต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 4 แต่ปรับตัวดีขึ้นจากเดือนพฤษภาคม ที่ติดถึง 6.20%...เหตุผลหลักๆ ก็มาจากปัญหาสงครามการค้าจีนและสหรัฐยังเป็นแรงกดดันต่อการส่งออกสินค้าไทย โดยเฉพาะอิเล็กทรอนิกส์ที่อยู่ในห่วงโซ่การผลิตของจีน ซึ่งเป็นสินค้าส่งออกสำคัญ 10 อันดับแรกของไทย นอกจากนี้ ยังได้รับผลกระทบจากค่าเงินบาทที่แข็งค่า...ส่งผลให้ภาพรวมการส่งออกครึ่งปีแรกมีมูลค่ารวม 122,970 ล้านดอลลาร์สหรัฐ ติดลบ 2.91% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
ถ้ามองแค่นี้ก็ไม่น่าห่วง เพราะยังมีความหวังว่าในช่วงครึ่งปีหลังสถานการณ์น่าจะดีขึ้นได้...แต่หากว่าไปดูตัวเลขส่งออกสินค้าที่ไม่รวมทองคำและอาวุธ...ตัวเลขส่งออกของไทยในเดือนมิถุนายน...ติดลบถึง -8.7% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน (จากการส่งออกทองคำเดือนมิ.ย. ขยายตัวในระดับสูงถึง 317.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน) และหากไม่รวมการส่งกลับอาวุธไปยังสหรัฐฯ ในเดือนกุมภาพันธ์ มูลค่าส่งออกของไทยหดตัวติดต่อกันเป็นเดือนที่ 8 ทำให้ช่วงครึ่งปีแรก มูลค่าการส่งออกหดตัวที่ -4.4% เมื่อเทียบกับช่วงเดียวกันของปีก่อน
สินค้าส่งออกสำคัญที่มีการหดตัวยังคงเป็นสินค้าที่เป็นส่วนหนึ่งในห่วงโซ่อุปทานของการผลิตสินค้าส่งออกของจีน เช่น คอมพิวเตอร์-อุปกรณ์ และ ส่วนประกอบ ที่ลดลง 15.5% เคมีภัณฑ์และพลาสติก ลดลง 19.3% และแผงวงจรไฟฟ้า ลดลง 20.6% ส่วนสินค้าอื่นที่ไม่เกี่ยวกับห่วงโซ่อุปทานของจีนก็ลดลงเช่นกัน เช่น ข้าว ลดลง 34.6% เม็ดพลาสติก ลดลง 17.6% เครื่องใช้ไฟฟ้า ลดลง 5.9% ผลิตภัณฑ์ยาง ลดลง 9.2% น้ำตาลทราย ลดลง -19.4% นอกจากนี้หากพิจารณา ถึงตลาดการส่งออกที่สำคัญ ก็น่าเป็นห่วงเช่นกันเพราะหดตัวเกือบทุกตลาด แน่นอนโดยเฉพาะตลาดจีนที่หดตัวถึง 14.9% ขณะที่ตลาด CLMV หดตัว 9.3%
เมื่อการส่งออกมีสภาพแบบนี้ ย่อมส่งผลโดยตรงต่อการขยายตัวของเศรษฐกิจการไทยแน่นอนเพราะการส่งออกคิดเป็น 60-70% โครงสร้างเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ผลของการส่งออกที่หดตัวต่อเนื่องนานหลายเดือน ได้ส่งผลไปยังภาคเศรษฐกิจอื่นด้วย ไม่ว่าจะเป็นการชะลอตัวลงของภาคท่องเที่ยว และการลงทุนภาคเอกชน และในที่สุดก็จะลามไปถึงเรื่อการจ้างงาน และลากเอากำลังซื้อภาคครัวเรือนให้ดิ่งตามลงมาด้วยเช่นกัน และเลวร้ายที่สุดก็ไปถึงจุดที่ภาคครัวเรือนหมดความสามารถในการชำระหนี้....
วานนี้ นายสุริยะ จึงรุ่งเรืองกิจ รมว.อุตสาหกรรม ได้แถลงข่าวจากหลังประชุมผู้บริหารระดับสูงเพื่อมอบนโยบาย ว่า จะไปดึง 4 บริษัทใหญ่ให้ย้ายฐานการาลผลิตจากจีนมายังประเทศไทย คาสิโอ ผู้ผลิตนาฬิกา, ริโก้ ผู้ผลิตอุปกรณ์สำนักงานอัตโนมัติและเครื่องใช้สำนักงาน, ซิตี้ เชน วอช ผู้ผลิตนาฬิกา และไซ หลุน ไทร์ ผู้ผลิตยางล้อรถยนต์....คำถาม คือย้ายฐานการผลิตมามันง่ายซะที่ไหน...ถึงมาจริงก็ต้องถามว่าเม็ดเงินลงทุน การจ้างงาน จริงจะเกิดขึ้นได้เมื่อไหร่....มันจะเยียวยาเศรษฐกิจไทยที่กำลังพังอยู่ภายในไม่กี่เดือนข้างหน้านี้ได้หรือไม่....คนระดับกลางระดับล่างจะทนรอถึงวันนั้นได้หรือเปล่า...????
แต่เรื่องนี้ค่อยว่ากัน...ที่อยากจะเน้นวันนี้คือ...เรื่องผลกระทบจากสงครามการค้า...มีการเตือนรัฐบาลมาร่วม 1-2 ปีแล้ว...แต่ช่วงแรกๆรัฐบาลกลับดูเบาปัญหา...ซ้ำยังออกมาบอกว่า น่าจะเป็นโอกาสของภาคการส่งออกของไทยด้วยซ้ำไป ที่จะส่งสินค้าเข้าไปขายสหรัฐทดแทนสินค้าจากจีน..ไม่รู้ว่าถึงวันนี้จะเข้าใจหรือยังว่า เมื่อเบอร์หนึ่งและเบอร์สองด้านเศรษฐกิจของโลกมีปัญหากัน มันส่งผลกระทบกระจายไปทั่วโลก...
ที่ผ่านมาเราเอาตัวเองไปผูกกับจีนมากมายเหลือเกิน ไม่ว่าจะเรื่องส่งออก ท่องเที่ยว ไปจนถึงภาคอสังหาริมทรัพย์ที่แห่กันสร้างหวังขายเศรษฐีจีน...มาวันนี้เป็นไง ส่งออกไปจีนก็ลด นักท่องเที่ยวหายหด อสังหาริมทรัพย์ที่แห่สร้างกันไว้ ก็เหลือล้นตลาด...ซ้ำร้ายตอนนี้กลุ่มลงทุนจากจีนยังเข้ามาแย่งงานในโครงการก่อสร้างขนาดใหญ่ในไทยอีกนั้นไม่พอยังส่งสินค้า อย่างเหล็กเส้น เหล็กแผ่นรีดร้อน-รีดเย็น ฯลฯ เข้ามาทุ่มตลาดเราอีก....
ถึงขั้นนี้แล้วยังบอกว่ายังไม่เห็นสัญญาณของ “ฟองสบู่แตกอีกรอบ”
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี