nn หลายสำนักวิชาการทางด้านเศรษฐกิจจะคาดการณ์ไปในทิศทางเดียวกัน สำหรับแนวโน้มเศรษฐกิจของไทยปี 2563 ที่ยังคงขยายตัวได้ต่ำกว่าศักยภาพ โดยตัวเลขอยู่ในระดับ 2.6-28% เนื่องจากมีปัจจัยลบจากต่างประเทศที่กระทบต่อการส่งออกของไทยในปีนี้ ซึ่งภาคการส่งงออกถือว่าเป็นเครื่องยนต์สำคัญของโครงสร้างเศรษฐกิจไทย นอกจากนี้ปัญหาภัยแล้งที่คาดว่าจะรุนแรง กระทบต่อภาคการเกษตร ส่งผลให้การบริโภคภายในประเทศในกลุ่มเกษตรกรลดลงตามไปด้วย
อย่างไรก็ตาม เศรษฐกิจไทยก็ยังไม่แย่จนถึงขั้นภาวะถดถอย เพราะแรงหนุนมาจากภาคการท่องเที่ยว และการลงทุนของภาครัฐที่เม็ดเงินจากงบประมาณจะเริ่มเข้าสู่ระบบได้ในช่วงปลายไตรมาสแรกของปี แต่เป้าหมายหลักของการลงทุนภาครัฐนั้น นอกจากการพัฒนาโครงสร้างพื้นฐานต่างของประเทศเพื่อเพิ่มขีดความสามารถในการแข่งขันแล้ว ก็จะต้องเป็นส่วนกระตุ้นให้เกิดการลงทุนของภาคเอกชนตามมาด้วย อันนี้ถือว่าเป็นอีกหนึ่งเป้าหมายสำคัญ
ทั้งนี้ เมื่อจะมองภาพของการลงทุนของภาคเอกชน ก็จะต้องเข้าไปวิเคราะห์ข้อมูลจาก สำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (BOI) โดยตัวเลขในปี 2562 ทั้งปี มีนักลงทุนยื่นขอรับส่งเสริมการลงทุน1,624 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 756,100 ล้านบาท เป็นคำขอรับการส่งเสริมการลงทุนในเขตพัฒนาพิเศษภาคตะวันออก (EEC) 506 โครงการ มูลค่าเงินลงทุนรวม 444,880 ล้านบาท คิดเป็น 59% ของมูลค่าการขอรับการส่งเสริมการลงทุนทั้งหมดของปี’62อุตสาหกรรมที่ยื่นของ BOI ที่มีมูลสูงสุด 3 อันดับแรก ได้แก่ 1.อุตสาหกรรมเครื่องใช้ไฟฟ้าและอิเล็กทรอนิกส์ 8.4 หมื่นล้านบาท 2.อุตสาหกรรมยานยนต์และชิ้นส่วน 7.4หมื่นล้านบาท และอันดับ 3 อุตสาหกรรมปิโตรเคมีและเคมีภัณฑ์ 4 หมื่นล้านบาทและเม็ดเงินลงทุนจากต่างประเทศ (FDI) 5 แสนล้านบาท พบว่าเป็นของกลุ่มทุนจีนมากที่สุด คือ 2.6 แสนล้านบาท และเป็นครั้งแรกที่กลุ่มทุนจากจีน ลงทุนในไทยมากกว่าประเทศญี่ปุ่น ที่เป็นประเทศที่ลงทุนในไทยมากเป็นอันดับหนึ่งมาโดยตลอด
ส่วนภาพรวมของการลงทุนในปีนี้นั้น BOI ก็ยังคงมองว่ายังมีแนวโน้มที่ดี เพราะว่าBOI ได้มีการปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนหลายด้าน เพื่อเร่งรัดการลงทุนโดยเฉพาะโครงการลงทุนขนาดใหญ่ผ่านมาตรการ Thailand Plus โดยเพิ่มสิทธิประโยชน์ลดหย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% เป็นเวลา 5 ปี สำหรับโครงการที่ยื่นขอรับ BOI ภายในปี 2563 และมีการลงทุนจริงไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ภายในปี 2564 รวมทั้งขยายเวลามาตรการส่งเสริมการลงทุนสำหรับวิสาหกิจ ขนาดกลางและขนาดย่อม (SMEs) ที่ใช้อยู่เดิมไปจนถึงเดือนกุมภาพันธ์ 2563 นอกจากนี้จะมีการออกมาตรการ SMEs ที่ปรับปรุงใหม่ หลังจากที่เสนอเข้าบอร์ด BOI ในช่วงเดือนกุมภาพันธ์ นอกจากนี้ BOI ยังได้ปรับปรุงมาตรการส่งเสริมการลงทุนในพื้นที่ EEC ด้วย เช่น ได้รับสิทธิประโยชน์เพิ่มเติม โดยได้หย่อนภาษีเงินได้นิติบุคคล 50% 3 ปี หรือยกเว้น 2 ปี ไม่ว่าจะตั้งอยู่ในนิคมหรือเขตอุตสาหกรรมหรือไม่ก็ตาม ฯลฯ
พูดถึงเรื่องการลงทุน ไทยต้องมองข้ามเรื่องแต่จะแข่งกับตัวเลขเงินทุนที่เข้ามาเพียงอย่างเดียว เพราะเงื่อนไขสังคมเราสู้เวียดนาม เมียนมา ลาว กัมพูชา ไม่ได้อยู่แล้ว โดยเฉพาะเรื่องต้นทุนค่าแรง สิ่งที่ต้องคิดคือ การที่ให้เราส่งเสริมการลงทุนไปมากมายขนาดนี้แล้ว แรงงานไทยจะต้องถูกพัฒนาทักษะให้รองรับการอุตสาหกรรมขั้นสูง เป็นแรงงานที่มีทักษะด้านเทคโนโลยีที่สูงขึ้น รวมทั้งได้รับการถ่ายทอดนวัตกรรม เพื่อให้ไทยหลุดพ้นจากการเป็นผู้ผลิตสินค้าขั้นปฐมภูมิ(เพราะเราแข่งกันกับคนอื่นไม่ได้แล้วในตลาดนี้) ที่สำคัญต้องคำนึงถึงเรื่องต้นทุนทางสิ่งแวดล้อมด้วย ไม่ใช่ว่าจะเอาโรงงานอะไรเข้ามาก็ได้ แม้ว่าจะเป็นอุตสาหกรรมที่สร้างมลพิษสูงก็ตามขอให้เข้ามาลงทุนเราเปิดรับหมด คิดอย่างนี้ไม่ได้ ที่สำคัญที่สุดจะคิดถึงเรื่องการกระจายความเจริญให้ทั่วถึงเพื่อลดความเหลื่อมล้ำในสังคมทุกมิติ
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี