ปี 2562 เศรษฐกิจไทยเติบโตได้ต่ำกว่าปี 2561 เพราะภาคการส่งออกได้รับผลกระทบจากสงครามการค้า...ปี 2563 แม้ว่าภาคการส่งออกทำท่าว่าจะฟื้นตัวได้บ้าง และได้แรงหนุนจากภาคการท่องเที่ยวที่ยังเติบโตได้ต่อเนื่องมาหลายปีเป็นแรงหนุน แต่ก็โชคร้ายที่ภาคการท่องเที่ยวในปีนี้จะได้รับผลกระทบจากการ ระบาดของไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ใหม่ ซึ่งมีต้นตอมาจากประเทศจีน ซึ่งจะทำให้ภาคการท่องเที่ยวสูญเสียรายได้ไปราว 1-1.5 แสนล้านบาท ซึ่งเหตุที่เป็นเช่นนั้นเพราะเราพึ่งพานักท่องเที่ยวจากจีนเป็นหลัก และจากวิกฤติจากภาคการทองเที่ยวครั้งนี้ ทำให้ จีดีพี อาจจะขยายตัวได้ต่ำกว่าเป้าหมายที่ตั้งไว้แต่ต้นปีว่าจะเติบโตได้ 2.8-3%...และอาจจะลดลงไปอยู่ที่ 2.5% หรืออาจจะต่ำกว่าปี 2562 ด้วยซ้ำไป
โดยสรุปแล้วเศรษฐกิจไทยค่อนข้างจะเปราะบางกับแรงกระทบต่างๆ แม้จะเป็นปัจจัยลบที่มาจากภายนอกประเทศก็จะส่งผลกระทบต่อเศรษฐกิจไทยได้ง่ายจริงๆ...เหตุผลก็เพราะโครงสร้างเศรษฐกิจไทยนั้นพึ่งพาแรงขับเคลื่อนไม่กี่ตัวและกระจุกตัวอยู่ในภาคการส่งออก และภาคการท่องเที่ยวเป็นหลัก2.ทั้งสองเครื่องยนต์หลักก็พึ่งพาปัจจัยหนุนจากต่างประเทศหลักเช่นกัน....
หลายรัฐบาลมองเห็นปัญหาของโครสร้างเศรษฐกิจไทย และอยากจะแก้ปัญหานี้ ด้วยความพยายามที่จะสร้างแข็งแกร่งจากเศรษฐกิจภายในประเทศ แต่ทำด้วยลำพังรัฐบาลเองไม่มีกำลังพอที่จะทำได้มากนักแม้ว่า คนไทยจำนวนไม่น้อยที่มีศักยภาพและก็ขาดโอกาส เข้าไม่ถึงมาตรการต่างๆ ของภาครัฐ...ดังนั้นหากจะสร้างโอกาสทางเศรษฐกิจภายในประเทศจึงอาศัยความร่วมมือจากภาคเอกชนขนาดใหญ่ที่พอจะมีศักยภาพ เข้ามาช่วยรัฐบาล สร้างโอกาสทางเศรษฐกิจให้กับคนไทย
ขณะนี้มีภาคเอกชนบางราย เช่น บริษัท ซีพี ออลล์จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย ได้เข้ามามีบทบาทในการสร้างอาชีพและรายได้ ยกระดับทางด้านการศึกษา ให้กับคนไทยผ่าน โครงการ “วันแห่งโอกาสดี @CP ALL” โดย นายบัญญัติ คำนูณวัฒน์ ที่ปรึกษาคณะเจ้าหน้าที่บริหาร บริษัท ซีพีออลล์ จำกัด (มหาชน) ผู้ก่อตั้งร้านเซเว่น อีเลฟเว่น ในประเทศไทย กล่าวว่า หลังจากได้จัดงานวันแห่งโอกาสดี @CP ALL ครั้งแรกในปี 2562 และวันแห่งโอกาสดี @CP ALL สัญจร ในจังหวัดต่างๆ ในรูปแบบ “ตลาดนัดแห่งโอกาส” ที่มอบโอกาสหลากหลายด้าน ให้แก่ SME นักเรียน นักศึกษา คนหางาน ประชาชนทั่วไป และได้รับกระแสตอบรับที่ดีอย่างต่อเนื่อง บริษัทจึงเตรียมจัดงาน “วันแห่งโอกาสดี @CP ALL 2020” เพื่อมอบโอกาสดีๆ ให้แก่ทุกภาคส่วนอีกครั้งต้อนรับทศวรรษใหม่ ในวันที่ 26-28 ก.พ. 2563ณ พื้นที่ชั้น 2 อาคารรัฐประศาสนภักดี (อาคาร B) ศูนย์ราชการ ถ.แจ้งวัฒนะ
สำหรับคอนเซ็ปต์การจัดงานในปีนี้ จะเป็นการมอบ 7 โอกาส อันประกอบด้วย 1.โอกาสรับทุนการศึกษา 2.โอกาสในการมีงานทำ 3.โอกาสร่วมธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น 4. โอกาสเป็นคู่ค้าธุรกิจ 5.โอกาสมีคุณภาพชีวิตที่ดี 6.โอกาสทางความรู้ และ7.โอกาสช็อปสินค้าดีมีคุณภาพ ผ่านพื้นที่ 9 โซน ได้แก่ 1.โซนองค์ความรู้ (เวทีใหญ่) 2.โซน Pavilion3.โซนทุนการศึกษา 4.โซน Job Fair 5.โซนสินค้าเกษตรคุณภาพ 6.โซนสินค้าเอสเอ็มอีคัดสรร7.โซน SME Clinic 8.โซน Business Matching และ9.โซนบันไดสู่การร่วมธุรกิจร้านเซเว่นฯ โดยผู้สนใจสามารถเข้าร่วมงานทุกโซนได้ฟรี
“ปีนี้เรามีพันธมิตรจากทุกภาคส่วนมาร่วมออกบูธกว่า 300 บูธ บนพื้นที่ราวหมื่น ตร.ม. เริ่มตั้งแต่ ผู้ประกอบการ SME นำสินค้าผลิตภัณฑ์ชุมชน สินค้าภาคการเกษตร ต่างๆ มาจำหน่ายราคาพิเศษมากมาย มีหน่วยงานภาครัฐ อาทิ กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) องค์การอาหารและยา(อย.) กรมพัฒนาธุรกิจการค้า สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย สำนักงานนวัตกรรมแห่งชาติ (NIA) ที่จะมาช่วยมอบองค์ความรู้และสิทธิประโยชน์ต่างๆ สำหรับภาคธุรกิจและเอสเอ็มอี สถาบันการศึกษา เช่น วิทยาลัยเทคโนโลยีปัญญาภิวัฒน์ สถาบันการจัดการปัญญาภิวัฒน์ ที่มาเปิดพื้นที่สมัครเรียนและมอบทุนการศึกษากว่า 12,000 ทุน รวมกว่า 1,000 ล้านบาทเปิดรับสมัครคนทำงานในตำแหน่งงานว่างกว่า 35,000 ตำแหน่ง สถาบันการเงิน ที่มาให้คำปรึกษาด้านการเงินและการดำเนินธุรกิจแก่ผู้สนใจ เป็นต้น” นายบัญญัติ กล่าว
นอกจากนี้ ภายในงานจะมีเวทีใหญ่ที่มอบความรู้ที่สำคัญด้านการศึกษาในหัวข้อ “Education Transform” แบบเจาะลึกและเคล็ดลับสู่ความสำเร็จของ SME โดยวิทยากรชั้นนำ และมีการมอบรางวัลเซเว่น อีเลฟเว่น เอสเอ็มอีไทยยั่งยืน 2562 ให้แก่เอสเอ็มอีที่เป็นคู่ค้ากับซีพี ออลล์ ที่สำคัญมีการเปิดพื้นที่สำหรับให้ผู้ที่ต้องการจะวางจำหน่ายสินค้าในเซเว่น อีเลฟเว่น และ 24 shopping และต้องการร่วมธุรกิจร้านเซเว่น อีเลฟเว่น สามารถมาพบปะหาข้อมูลกับเจ้าหน้าที่ที่เกี่ยวข้องโดยตรง
ด้าน นางสุทธิกานต์ มาสำราญ ผู้อำนวยการกลุ่มงานส่งเสริมและประสานเครือข่าย สำนักงานส่งเสริมวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม (สสว.) กล่าวว่า ในปีงบประมาณ 2563 ในภาพรวมของการส่งเสริมและพัฒนาผู้ประกอบการวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม ในส่วนของการดำเนินงานของสำนักงานยังให้ความสำคัญกับผู้ประกอบการ 3 กลุ่ม คือ Early Starge และกลุ่ม Micro และ กลุ่ม Small ซึ่งทั้ง 3 กลุ่มมีผู้ประกอบการรวมจำนวนกว่า 3 ล้านราย ให้สามารถทำธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง และสามารถรู้ทันการเปลี่ยนแปลงและก้าวสู่การทำธุรกิจสมัยใหม่ โดยมีกิจกรรมทั้งในด้านการให้คำปรึกษานำ การพัฒนาเครือข่าย การพัฒนาสินค้าและบริการ การพัฒนาองค์ความรู้ด้านมาตรฐาน การบริหารจัดการ การใช้นวัตกรรมเพื่อการสร้างมูลค่าเพิ่ม และการลดต้นทุน เป็นต้น โดยในงานวันแห่งโอกาสดี @CP ALL ครั้งนี้ สสว.จะร่วมออกบูธเพื่อให้คำปรึกษา และขึ้นทะเบียนผู้ประกอบการ SME เพื่อการเข้าถึงข้อมูลข่าวสาร กิจกรรมต่างๆ ที่เป็นประโยชน์ต่อผู้ประกอบการ
ด้าน ดร.อริยาพร อำนรรฆสรเดช นักวิเคราะห์นโยบายและแผนเชี่ยวชาญ รักษาการแทนผู้อำนวยการกองพัฒนาขีดความสามารถธุรกิจอุตสาหกรรม กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม กล่าวว่า ทศวรรษ 2020ถือเป็นทศวรรษที่โลกจะก้าวเข้าสู่ยุค DigitalTransformation อย่างเต็มตัว ขณะเดียวกัน ปีนี้ยังเป็นปีที่ประเทศไทยจะมีการประมูล 5G ซึ่งสามารถนำมาสร้างประโยชน์ได้อย่างมากมาย กสอ. ในฐานะองค์กรที่มีหน้าที่ส่งเสริมภาคอุตสาหกรรม รวมไปถึง SME จึงมุ่งมั่นสร้างโอกาสให้ SME ได้มีความรู้และความคิดสร้างสรรค์ สามารถนำเทคโนโลยีอัจฉริยะ มาเพิ่มประสิทธิภาพในการดำเนินธุรกิจ ผ่านการจัดสัมมนาให้องค์ความรู้ การออกบูธพบปะกับ SME สำหรับงานวันแห่งโอกาสดี@CP ALL 2020 ถือเป็นงานสำคัญอีกหนึ่งงานที่จะมีเจ้าหน้าที่ของ กสอ.ไปร่วมออกบูธให้ความรู้แก่SME ในทุกอุตสาหกรรม
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี