nn การระบาดของเชื้อไวรัสโควิด-19 ที่กระจายไปกว่า 180 ทั่วโลก ทำให้ภาวะเศรษฐกิจของโลกถดถอย รวมทั้งไทยด้วย ซึ่งสำหรับประเทศไทยประเด็นที่เป็นห่วงกันอยู่ขณะนี้ก็คือผู้ประกอบการขนาดกลางและขนาดย่อม (SME) เพราะว่ามีสายป่านที่สั้นกว่ากลุ่มทุนขนาดใหญ่ อย่างไรก็ตามในวิกฤติก็ย่อมมีโอกาสเช่นกัน โดยเฉพาะสินค้าที่กำลังเป็นที่ต้องการสูงของตลาดขณะนี้ เช่น หน้ากากอนามัย เจลล้างมือ ทิสชูเปียกแอลกอฮอล์ ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส สมุนไพรไทย เป็นต้น
อย่างไรก็ตาม การที่จะผลิตสินค้าเหล่านี้ให้สอดคล้องกับความต้องการของตลาด ก็จำเป็นต้องการปรับกระบวนการผลิตผลิตภัณฑ์ให้สอดรับกับความต้องการของตลาด โดยนำองค์ความรู้มาผสานกับเทคโนโลยี เพื่อสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ พร้อมกับเพิ่มศักยภาพทางด้านกระบวนการผลิตด้วยการปรับเปลี่ยนกระบวนการผลิตสินค้าเป็นที่ต้องการของตลาดและสามารถเลือกใช้วัตถุดิบอื่นๆ ในการผลิตทดแทนกับวัตถุดิบหลักที่ขาดแคลน
กรณีของหน้ากากอนามัย ต้องเปลี่ยนการผลิตเสื้อผ้าสู่หน้ากากผ้าได้ง่ายๆ ซึ่งการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19 ทำให้ความต้องการหน้ากากอนามัยสูง สวนทางกับกำลังการผลิตภายในประเทศได้ประมาณ 40.5 ล้านชิ้นต่อเดือน ดังนั้นผู้ประกอบการในกลุ่มสิ่งทอ สามารถปรับกระบวนการผลิต การตัดเย็บเสื้อผ้าแฟชั่น เสื้อผ้ากีฬา มาสู่การตัดเย็บหน้ากากผ้า โดยสามารถดำเนินการได้ทันที เนื่องจากประชาชนจำนวนมากเริ่มหันมาใช้หน้ากากผ้าทดแทนกับหน้ากากอนามัยที่ขาดแคลน ซึ่งสามารถดีไซน์ลวดลายตามเทรนด์แฟชั่นและพัฒนาขนาดให้สอดรับกับกลุ่มผู้ใหญ่และเด็ก สำหรับโครงสร้างสิ่งทอที่เหมาะสมกับการป้องกันไวรัสโควิด-19 อาทิ ผ้านิตเจอร์ซี่ (Jersey Knit) หรือ ผ้าสะท้อนน้ำ ซึ่งมีคุณสมบัติป้องกันสารคัดหลั่ง ไอ จาม หรือเสมหะ
ส่วนกรณีเจลล้างมือ ผู้ประกอบการต้องปรับสายการผลิตน้ำหอมสู่เจลล้างมือ ขณะนี้กำลังการผลิตในประเทศไทยประมาณ 400,000 หลอดต่อเดือน (ข้อมูลจาก องค์การเภสัชกรรม) ซึ่งอาจไม่เพียงพอกับความต้องการของตลาด ดังนั้น กลุ่มธุรกิจความงามที่มีสายการผลิตน้ำหอม สามารถปรับกระบวนการผลิตจากน้ำหอมสู่การทำเจลล้างมือเนื่องจากมีสายการผลิตที่สามารถดำเนินการได้ และขณะเดียวกันยังเป็นโอกาสอันดีสำหรับผู้ประกอบการในการขยายผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ สู่ตลาด แต่ในสถานการณ์ที่กำลังการผลิตแอลกอฮอล์ขาดแคลน และราคาพุ่งสูงขึ้นหลายเท่าตัว ผู้ประกอบการสามารถนำ “ไอโซโพรพิลแอลกอฮอล์” หรือ “แอลกอฮอล์ล้างแผล” เป็นวัตถุดิบทดแทนการผลิตเจลล้างมือได้ เพราะมีประสิทธิภาพฆ่าเชื้อไวรัสได้ดีและยังมีราคาถูก
สำหรับทิสชูเปียกผสมแอลกอฮอล์ ประเทศไทยผู้ประกอบการโรงงานกระดาษทิสชูเปียกที่ปราศจากแอลกอฮอล์มีอยู่เป็นจำนวนมากในประเทศไทย ดังนั้น ในสถานการณ์ปัจจุบันที่มีการแพร่ระบาดของเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 ส่งผลให้ในท้องตลาดมีความต้องการผลิตภัณฑ์ที่จะลดความเสี่ยงของการติดเชื้อไวรัสดังกล่าวเพิ่มมากขึ้น จึงถือเป็นโอกาสของผู้ประกอบการเอสเอ็มอีที่จะหันมาเร่งสร้างมูลค่าเพิ่มให้กับผลิตภัณฑ์ด้วยการพัฒนา“ทิสชูเปียก” มาสู่ “ทิสชูผสมแอลกอฮอล์” ต่อยอดจากผลิตภัณฑ์ที่มีคุณสมบัติยับยั้งแบคทีเรีย 99.9% มาสู่ผลิตภัณฑ์ที่ยับยั้งเชื้อไวรัส ซึ่งปัจจุบันทิสชูเปียกผสมแอลกอฮอล์เริ่มเป็นที่ต้องการของตลาดสูงขึ้น เนื่องจากมีความสะดวกต่อการใช้งาน
ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้น-สเปรย์ยับยั้งเชื้อไวรัส จากการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 ผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดพื้นหรือสเปรย์ในปัจจุบัน อาจมีประสิทธิภาพไม่เพียงพอสำหรับการยับยั้งไวรัสเพราะผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดทั่วไป มีคุณสมบัติทำความสะอาดคราบสกปรกและฆ่าเชื้อแบคทีเรียได้เท่านั้น การพัฒนาผลิตภัณฑ์ประเภทดังกล่าวผู้ประกอบการสามารถต่อยอดองค์ความรู้ควบคู่กับการใช้เทคโนโลยี พัฒนาผลิตภัณฑ์ทำความสะอาดยับยั้งไวรัสหรือพัฒนาสเปรย์เพื่อเป็นอีกทางหนึ่งสำหรับการใช้งาน
สุดท้ายคือกลุ่มสมุนไพรไทย ซึ่งปัจจุบันประเทศไทยมีความโดดเด่นเรื่องพืชสมุนไพร ซึ่งเป็นพืชที่ไม่ใช่พืชเศรษฐกิจหลัก กลุ่มวิสาหกิจขนาดกลางและขนาดย่อม วิสาหกิจชุมชน และผู้ประกอบการ สามารถนำองค์ความรู้ทางภูมิปัญญาไทยสู่การแปรรูปเป็นผลิตภัณฑ์ที่หลากหลายในเชิงพาณิชย์ อย่างเช่น ฟ้าทะลายโจร เป็นสมุนไพรที่กำลังได้รับความนิยมอย่างแพร่หลายในช่วงการแพร่ระบาดของโรคโควิด-19 อย่างไรก็ดี เพื่อผลักดันสมุนไพรไทยเป็นที่ยอมรับในระดับสากลผู้ประกอบการควรเติมเต็มองค์ความรู้ การออกแบบผลิตภัณฑ์ บรรจุภัณฑ์ การวิจัยและพัฒนาผลิตภัณฑ์ใหม่ๆ ที่มีคุณภาพผ่านการรับรองมาตรฐานความปลอดภัย
ทั้งหลายทั้งปวงที่กล่าวมาข้างต้นเหล่านี้ถามว่าเอ็สเอ็มอีไทยอยากจะเป็นทางไปในแนวทางนี้หรือแน่นอนคำตอบคือใช่ แต่ก็อย่างที่ทราบกัน คือ เอสเอ็มอีไทยไม่มีเงินทุนมากพอที่จะมาลงทุนในเรื่องเหล่านี้ นี่จึงเป็นประเด็นสำคัญที่จะต้องได้รับการสนับสนุนจากภาครัฐอย่างจริงจังและเป็นรูปธรรม และจะมีเอสเอ็มอีไทยไม่จำนวนไม่น้อยเลยที่จะฝ่าวิกฤติครั้งไปได้
กระบองเพชร
ขอบคุณข้อมูลจาก
กรมส่งเสริมอุตสาหกรรม (กสอ.) กระทรวงอุตสาหกรรม
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี