10 ปีก่อน … ผมเคยจัดคอร์สการเงินสำหรับเด็กในช่วงปิดเทอมฤดูร้อน
งานครั้งนั้นเป็นความร่วมมือของทีมงานผม กับบริษัทซีเอ็ด ยูเคชั่น โดยมีน้องๆ นิสิตนักศึกษาจากหลายมหาวิทยาลัยมาช่วยงานในฐานะพี่เลี้ยง
จำได้ว่าตอน Brief เนื้อหาที่จะสอนเด็กๆ ในแคมป์พี่ๆ สต๊าฟหลายคนถึงกับบ่นอุบ ด้วยคิดว่าพวกผมสอนในสิ่งที่ยากเกินไป และอาจไม่จำเป็นสำหรับน้องๆสักเท่าใดนัก
“นี่พี่จะสอนเด็ก ป.5 คิดดอกเบี้ยทบต้นจริงๆ เหรอ”
“เงินเฟ้อเหรอ … หนูยังไม่รู้เลยว่ามันคืออะไร เว่อร์อ่ะ”
“ทรัพย์สิน หนี้สิน … ไกลตัวไปมั้ยพี่”
“สอนเด็กให้รู้จักหุ้น … โอพระเจ้า คิดได้ไงอ่ะ”
ผมซึ่งเป็นคนคิดเนื้อหาของแคมป์ในครั้งนั้น กลายเป็นตัวตลกในสายตาทีมงานหลายๆ คนไปโดยปริยาย แต่นั่นไม่ใช่ปัญหา และไม่สามารถหยุดยั้งความเชื่อของผมที่มีต่อเด็กๆ ได้
“อย่าตัดสินความสามารถของใคร ในสิ่งที่เขายังไม่เคยได้เรียนรู้”
และ “อย่าเรียกตัวเองว่า “ครู” หากมีแม้เสี้ยววินาทีเดียวในหัวใจของคุณ ที่ไม่เชื่อมั่นในตัวลูกศิษย์” … ผมคิดอย่างนั้น
หลังจบคอร์ส 4 วัน 3 คืน … น้องๆ ป.5 กว่า 80 ชีวิต ก็ช่วยยืนยันในสิ่งที่ผมคิดว่ามัน “ถูกต้อง”
พวกเขาคิดดอกเบี้ยทบต้นได้ และรู้ว่ามันส่งทั้งทางบวกและลบกับชีวิตได้อย่างไร
พวกเขาเข้าใจคำว่า “เงินเฟ้อ” ด้วยขนาดของแฮมเบอร์เกอร์ที่เล็กลง เมื่อซื้อด้วยเงินจำนวนเท่าเดิม
พวกเขารู้จัก “ทรัพย์สิน” ว่ามันคือสิ่งที่ทำให้เขารวยขึ้น รู้จัก “หนี้สิน” ว่ามันทำให้พวกเขาจนลง และรู้ว่าเขาควรเอาเงินไปซื้ออะไรก่อนอะไรหลัง (บางคนเล่าให้ผมฟังด้วยว่า แม่ของเขาบ่นเรื่องเงินบ่อยๆ ที่แท้เป็นเพราะแม่ซื้อแต่หนี้สินนี่เอง)
พวกเขารู้จักและเข้าใจ “หุ้น” ในฐานะเครื่องมือลงทุน และรู้จักที่จะเลือกหุ้นคุณภาพจากสิ่งที่พวกเขารู้จักได้เป็นอย่างดี
ผลการประเมินคอร์สฤดูร้อนในครั้งนั้น ทำให้ใครหลายคนรู้สึกตกใจกับผลลัพธ์ที่เด็กๆ แสดงออกมา
สารภาพตามตรงว่า ตอนได้ยินเด็กๆ แต่ละกลุ่มออกมาพรีเซ็นต์สิ่งที่เขาได้รับจากแคมป์ ผมแอบยืนอมยิ้มอยู่หลังห้อง ความรู้สึกไม่ต่างอะไรกับตอนที่สอนผู้ใหญ่ให้เข้าใจเรื่องเงิน และช่วยให้ชีวิตของพวกเขาดีขึ้นได้
ทุกวันนี้ผมเริ่มสอนเรื่องเงินให้เจ้าลูกชายคนโต ซึ่งอายุเพียง 5 ขวบ โดยเริ่มต้นจากเรื่องการสอนให้รู้จักคุณค่าของเงิน การประหยัด การออม และเริ่มสอนให้รู้เรื่องของการลงทุนผ่านเกม Monopoly เกม Cashflow และเกมที่ผมออกแบบขึ้นมาเอง
นอกจากนี้ผมยังเริ่มต้นสอนให้เขารู้จักกับอัตราผลตอบแทนแบบทบต้น ว่ามันสร้างความแตกต่างให้กับเงินออมของเราได้อย่างไร โดยใช้ของเล่นที่เขาอยากได้เป็นเป้าหมายทางการเงิน แสดงให้เขาเห็นโดยยังไม่ต้องคำนวณเป็นว่า ผลตอบแทนทบต้นสามารถทำให้เขาได้ของเล่นมาเป็นของตัวเองเร็วขึ้นกว่าการเก็บออมเพียงอย่างเดียวได้อย่างไร
ข้อเท็จจริงประการหนึ่งที่ค้นพบเพิ่มเติมจากการสอนลูกตัวเองก็คือ …
เด็กๆ ทุกคนเกิดมาพร้อมอัจฉริยภาพในตัวเอง และพร้อมที่จะเรียนรู้ทุกเรื่องดีๆ ในชีวิตได้ ถ้าผู้ใหญ่อย่างเรา ช่วยกันทำบทเรียนให้ “สนุก” มากพอ
และนั่นคือ งานที่ผมจะอุทิศตนในช่วงชีวิตที่เหลือ เพื่อเด็กๆ ของพวกเรา
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี