nn ต้องปรบมือดังๆ ให้กับคนไทยทั้งประเทศที่รวมพลังกันต่อสู้ โควิด-19 ทำให้จำนวนผู้ติดเชื้อรายใหม่ภายในประเทศ มียอดผู้ติดเชื้อเป็นศูนย์ติดต่อกันกว่า 28 วัน หรือเรียกว่าระยะปลอดภัย เป็นเหตุผลสำคัญทำให้รัฐบาลประกาศผ่อนคลายล็อกดาวน์เฟส 4 และยกเลิกเคอร์ฟิว และเตรียมจะคลายล็อกดาวน์ในเฟส 5 ซึ่งเป็นกลุ่มเสี่ยงสูงสุดแล้ว....แต่รัฐบาลยังเน้นย้ำให้ประชาชนดำเนินชีวิตภายใต้วิถีชีวิตใหม่ หรือคำว่า New Normal สวมหน้ากากอนามัย เว้นระยะห่างทางสังคม และล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ทุกครั้ง เนื่องจากการแพร่ระบาดของเชื้อโควิด-19 ในต่างประเทศ ยังไม่เป็นที่วางใจ เพราะยังมีจำนวนผู้ติดเชื้อพุ่งทะยานไม่หยุด โดยสหรัฐเป็นอันดับหนึ่ง ตามมาด้วย บราซิล และรัสเซีย
ในฟากฝั่งกลุ่มประเทศเอเชียรวมถึงจีน ได้มีการประชุมระดมสมองวางแผนรับมือการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มที่ และสิ่งที่เห็นได้ชัด คือแต่ละประเทศ ปรับตัวเข้าสู่ยุคดิจิทัลอย่างแท้จริง ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้รับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 อย่างเต็มรูปแบบ ล่าสุด รัฐมนตรีจากประเทศสมาชิกอาเซียนทุกประเทศ และรัฐมนตรีจากประเทศจีน ได้ประชุม ASEAN-China Year of Digital Economy Cooperation ปีแห่งความร่วมมือด้านเศรษฐกิจดิจิทัลอาเซียน-จีนครั้งที่ 1 เมื่อวันที่ 12 มิถุนายนที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการประชุมวีดีโอคอลเฟอร์เรนซ์ โดยในส่วนของประเทศไทย โดยมีนายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เข้าร่วมนำเสนอเกี่ยวกับการใช้เทคโนโลยีดิจิทัลรับมือกับการแพร่ระบาดของโควิด-19 ของจีนและประเทศสมาชิกอาเซียน โดยแต่ละประเทศได้นำเทคโนโลยีดิจิทัลมาช่วยแก้ปัญหา หรืออำนวยความสะดวกให้ประชาชน
ในส่วนของประเทศไทยเริ่มจัดการกับโควิด-19ตั้งแต่เดือนมกราคม 2563 เมื่อพบว่า มีผู้ติดเชื้อจนกระทั่งเดือนมีนาคม ซึ่งมีเหตุการณ์ super-spreaderที่สนามมวยลุมพินี เมื่อจำนวนผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ประเทศไทยจึงได้ประกาศสถานการณ์ฉุกเฉินเพื่อควบคุมการแพร่กระจายของไวรัสโควิด-19 ทั้งนี้นายพุทธิพงษ์ ยอมรับว่า ปัญหาสำคัญในช่วงแรกของการแพร่ระบาดของโควิด-19 คือข้อมูลข่าวสารที่ไม่ถูกต้องเกี่ยวกับการแพร่ระบาดและการรักษาโรคโควิด-19 ซึ่งจะก่อให้เกิดความแตกตื่นและความสับสนกับประชาชนกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมมี Anti Fake News Center ที่จะช่วยตรวจสอบความถูกต้องของข่าว แต่ไม่เพียงพอจึงได้ร่วมกับสตาร์ทอัพสร้าง Applicatio Card2U ซึ่งจะให้ข้อมูลจำนวนผู้ติดเชื้อโรงพยาบาลที่สามารถตรวจเชื้อได้ และประกาศอย่างเป็นทางการจากรัฐบาล รวมถึงข้อมูลอื่นๆ ที่เกี่ยวข้อง ซึ่งจะเป็นแหล่ง one stop service ที่ประชาชนสามารถมาหาข้อมูลเกี่ยวกับสถานการณ์ไวรัสโควิด-19 ที่เชื่อถือได้
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม ได้ทำงานร่วมกับ AOT ปรับ application AOT Airport เพื่อใช้เก็บข้อมูลและติดตามทั้งชาวไทยและชาวต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทยซึ่งทุกคนจะต้องดาวน์โหลดแอพพลิเคชั่นดังกล่าว และกรอกข้อมูล และเก็บ application นั้นไว้ในโทรศัพท์มือถือเป็นเวลา 2 สัปดาห์ เพื่อให้สามารถติดตามได้ และ สำหรับภายในประเทศเอง ได้มีการใช้มาตรการการกักตัวในระดับจังหวัด ซึ่งได้ใช้เทคโนโลยีเดียวกันในการติดตามผู้ที่เดินทางข้ามจังหวัด เพื่อให้แน่ใจว่าคนเหล่านี้จะไม่ไปแพร่เชื้อในจังหวัดอื่นๆ
หลังจากนั้น วันที่ 26 มีนาคม 2563ประเทศไทยประกาศสภาวะฉุกเฉินสกัดการแพร่ระบาดโควิด-19 มีผลให้มีการปิดร้านอาหาร ร้านค้าและสถานบันเทิง ประชาชนต้องทำงานจากที่บ้านหรือ Work from Home ดังนั้น เพื่อสนับสนุนนโยบายการ WFH ของรัฐบาล ทางกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมจึงได้ร่วมกับ กสทช. และ Operator 5 ราย ช่วยลดค่าใช้จ่ายของประชาชนที่ต้องทำงานที่บ้าน โดยการให้ data บทโทรศัพท์มือถือเพิ่ม 10 GB รวมถึง ให้โทรฟรี100 นาที เป็นเวลา 45 วัน โดยไม่มีค่าใช้จ่าย และ ร่วมมือกับผู้ให้บริการด้านโทรคมนาคมให้ free data เพื่อใช้ประชุมออนไลน์ สำหรับข้าราชการและพนักงานของรัฐโดยไม่คิดค่าใช้จ่าย
ในวันที่ 17 พฤษภาคม ประเทศไทยเริ่มผ่อนปรนและมีการเข้าสู่เฟส 2 ธุรกิจต่างๆ เริ่มกลับมาเปิดให้บริการ แต่อย่างไรก็ดี ยังต้องมีการเฝ้าระวังจึงได้มีการทำแอพพลิเคชั่น “ไทยชนะ” เพื่อให้ประชาชนสามารถสแกน QR code เพื่อ check in check out เมื่อเข้าไปใช้บริการตามห้างร้านต่างๆ เพื่อติดตามผู้ที่เข้ามาใช้บริการในพื้นที่ต่างๆ หากพบผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น จะสามารถติดต่อผู้ที่อยู่ในบริเวณเดียวกับผู้ติดเชื้อในเวลาเดียวกัน เพื่อไปตรวจเชื้อได้ประกอบกับ ประเทศไทย มีแพทย์ ระบบสาธารณสุขที่เก่ง และความร่วมมือของคนไทย ตั้งแต่วันที่ 4 เป็นต้นมา ในประเทศไทยมีผู้ติดเชื้อเป็น 0 ติดต่อกันมาหลายวัน
รัฐมนตรีว่าการกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม กล่าวด้วยว่า จากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ทำให้ ณ วันนี้ ทุกประเทศได้ปรับตัวเข้าสู่ยุคการดำเนินชีวิตแบบ New Normal ที่จะเปลี่ยนพฤติกรรมของผู้บริโภค ผู้ให้บริการ ร้านอาหาร ห้างร้าน หรือแม้การทำงาน ดังนั้น ดิจิทัลแพลตฟอร์มจะมีส่วนสำคัญอย่างมาก โดยกระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคม เป็นหัวหอกสำคัญที่จะทำงานร่วมกับหน่วยงานต่างๆ และสนับสนุนให้คนไทยได้ใช้เทคโนโลยีอย่างเต็มรูปแบบ โดยรัฐบาลพร้อมส่งเสริมและสนับสนุนการลงทุน ด้วยการนำเทคโนโลยีดิจิทัลมาใช้ในการลงทุน เพื่อให้ธุรกิจไทยกลับมาฟื้นตัวโดยเร็ว
นอกจากนี้ กระทรวงดิจิทัลเพื่อเศรษฐกิจและสังคมวางแผนรองรับช่วยเหลือและติดอาวุธด้านดิจิทัลให้นักศึกษาจบใหม่ป้ายแดง ไม่ว่าจะจบการศึกษาจากสาขาไหน สามารถอบรมเรียนทักษะด้านดิจิทัลการค้าขายออนไลน์ การทํากราฟิกได้ โดยตั้งเป้า 50,000 คนหากสมัครและผ่านเกณฑ์ จะอบรมให้ 3 เดือน โดยให้เงินเดือนละ 10,000 บาท เพื่อให้นักศึกษาที่จบปริญญาตรีแต่ยังหางานไม่ได้มาเรียนและมีทักษะด้านดิจิทัลเพิ่มเติมขณะนี้ได้นำเสนอแผนงานไปยังสภาพัฒน์ และอยู่ระหว่างการพิจารณา รวมถึงการทำ Cloud เพื่อรองรับการใช้ข้อมูลต่างๆ ทั้งหน่วยงานราชการและถึงเวลาแล้วที่ประเทศไทยจะพัฒนาระบบ Cloud ของตัวเองขึ้น เพื่อให้บริษัทไทยไม่ต้องไปเช่า Cloud ของต่างประเทศเหมือนในอดีต
แม้วันนี้...ประเทศไทย จะผ่อนคลายมาตรการ ปลดล็อกเฟส 4 และกำลังเข้าเฟส 5 หลายธุรกิจกลับมาเปิดให้บริการมากขึ้น ขณะที่ทางการแพทย์ทั่วโลก ยังมุ่งมั่น
คิดค้นผลิตวัคซีนเพื่อจัดการควบคุมการแพร่ระบาดของโควิด-19 ให้อยู่ในวงจำกัด ดังนั้น สิ่งสำคัญที่ประชาชนยุค New Normal ต้องปฏิบัติอย่างต่อเนื่อง คือ การ์ดต้องไม่ตกทุกคนยังต้องระมัดระวัง ทั้งการล้างมือด้วยแอลกอฮอล์ การสวมหน้ากากอนามัย เพื่อป้องกันตัวเองให้รอดพ้นจากการติดเชื้อโควิด-19 หากก้าวข้ามสิ่งเหล่านี้ได้ ทุกอย่างจะกลับมาเป็นปกติได้อย่างเร็วที่สุด
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี