nn การแพร่ระบาดของไวรัสโคโรนา (COVID-19) นั้น ได้สร้างวิกฤติให้กับโลกหลายประการ ไม่ว่าจะเป็นเศรษฐกิจ สังคม การเมือง รวมไปถึงวิถีชีวิตของผู้คน จนกระทั่งองค์การอนามัยโลก (WHO) ยกให้วิกฤติครั้งนี้เป็น “ภาวะการระบาดใหญ่ทั่วโลก(Pandemic)” โดยประเทศหนึ่งซึ่งได้รับผลกระทบอย่างชัดเจนก็คือ สหรัฐอเมริกา ซึ่งมีทั้งระบบเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุด มีประชากรจำนวนมาก และยังมีความสัมพันธ์กับประเทศไทยหลากหลายประการโดยเฉพาะด้านการค้า ที่ถือว่าเป็นตลาดส่งออกที่ใหญ่ที่สุด และภาคธุรกิจของไทยจำเป็นต้องพึ่งตลาดสหรัฐฯ ในการกระจายสินค้าและบริการหลากหลายประเภท ซึ่งในวันนี้ผลกระทบที่เกิดขึ้นได้สร้างความเสียหายในด้านการค้าระหว่างประเทศของไทยและคู่ค้าพันธมิตรอื่นๆ ในลักษณะโดมิโน่ และเป็นสิ่งที่ต้องจับตาว่าการเปลี่ยนแปลงในครั้งนี้จะมีทางออกและการฟื้นตัวได้อย่างไร
นายนพดล ทองมี ผู้อำนวยการสำนักงานส่งเสริมการค้าในต่างประเทศ ณ นครนิวยอร์ก สหรัฐอเมริกา ได้ถ่ายทอดเรื่องราวผ่านหลักสูตร “เปิดโลกการค้ากับทูตพาณิชย์ Export Clinic”ที่จัดขึ้นเป็นประจำของสถาบันพัฒนาผู้ประกอบการการค้ายุคใหม่ (NEA) กรมส่งเสริมการค้าระหว่างประเทศ เกี่ยวกับสถานการณ์การค้าในสหรัฐอเมริกา และแนวโน้มของสินค้าไทยที่มีศักยภาพ พร้อมทั้งได้แนะนำเคล็ดลับให้กับผู้ประกอบการที่มีความต้องการจะผลักดันสินค้าไทยไปยังสหรัฐฯ โดยได้เผยว่า ตั้งแต่ช่วงเดือนมีนาคมที่ผ่านมามหานครนิวยอร์ก ถือเป็นศูนย์กลางทางเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบอย่างมาก (EffectCenter) การเกิดขึ้นดังกล่าวมีสิ่งที่กระทบกับไทยที่ชัดเจนคือ การจัดงานแสดงสินค้า ซึ่งผู้ประกอบการและธุรกิจต่างๆ ไม่สามารถเดินทางเพื่อหาคู่ค้า หรือแสดงสินค้าไทยได้ แต่สุดท้ายสินค้าไทยก็ยังคงได้รับความนิยม เนื่องจากผู้ประกอบการและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องได้ปรับรูปแบบของการส่งเสริมช่องทางการค้าที่ผลักดันให้ไปสู่ตลาดออนไลน์ รวมถึงปรับรูปแบบการจัดงานต่างๆ ให้เป็น Virtual Exhibition หรือการจัดกิจกรรมแสดงสินค้าเสมือนจริงในช่องทางดิจิทัล ตลอดจนผลักดันให้ผู้ประกอบการไทยได้มีโอกาสทำBusiness Matching กับนักลงทุนของสหรัฐอย่างต่อเนื่อง
แต่อย่างไรก็ตาม ในภาวะวิกฤติก็ยังคงมีโอกาสสำหรับกลุ่มสินค้าและธุรกิจประเภทอาหาร เนื่องจากความต้องการของตลาดและผู้บริโภคสหรัฐ ยังคงต้องดำรงชีพและอาศัยปัจจัยสี่โดยมีอาหารเป็นตัวแปรสำคัญ ซึ่งกลุ่มที่ได้รับอานิสงส์จากสถานการณ์ดังกล่าวคือ ผู้ประกอบการ SMEs ที่ผลิตสินค้าเกษตร เกษตรแปรรูป และอาหารประเภทพร้อมทาน (Ready to eat หรือ Ready to cook) ที่สามารถรับประทานได้ง่ายในช่วงที่ต้องกักตัวอยู่บ้าน ส่วนสินค้าที่ได้รับความนิยมมากที่สุดคือ กลุ่มสินค้าประเภทอาหารออแกนิก และอาหารเพื่อสุขภาพ เนื่องจากกำลังเป็นเทรนด์ของตลาดสหรัฐฯในปัจจุบัน ทั้งนี้ ยังมีสิ่งที่น่าสนใจเพิ่มเติมคือ ปัจจุบันมีกลุ่มผู้ประกอบการร้านอาหารไทยในสหรัฐมากกว่า 5,000 ร้าน และยังคงดำเนินธุรกิจได้อย่างต่อเนื่อง นั่นจึงเป็นอีกสัญญาณที่ดีที่บ่งบอกว่าธุรกิจอาหารไทยยังคงเติบโตได้
นายนพดล กล่าวเพิ่มเติมว่า การตระหนักถึง Country Brand โดยเฉพาะคำว่า Made InThailand คือสิ่งสำคัญอย่างมากสำหรับผู้ประกอบการไทยในทุกๆ ธุรกิจและอุตสาหกรรมที่หวังจะทำการค้าในสหรัฐฯ เนื่องจากเป็นจุดแข็งที่สามารถนำไปใช้แข่งขันกับประเทศคู่แข่งทั้งระดับภูมิภาคเดียวกัน หรือประเทศอื่นๆ ที่ผลิตสินค้าในแต่ละประเภท รวมถึงเป็นแต้มต่อที่ดีอยู่แล้วที่ไทยต้องรักษาเสถียรภาพด้านคุณภาพของตนเองเอาไว้ รวมถึงการคิดค้นนวัตกรรมใหม่ๆ ที่ตอบโจทย์กับผู้บริโภคสหรัฐที่มีการเปลี่ยนแปลงอย่างรวดเร็วทั้งในกลุ่มสินค้าไลฟ์สไตล์ สินค้าอาหาร สินค้าเกษตร หรือแม้แต่กระทั่งสินค้าเพื่อสุขภาพ นอกจากนี้ สิ่งที่จะเป็นอาวุธสำคัญให้กับผู้ประกอบการไทยอีกอย่างหนึ่งก็คือ “เทคนิคในการเจรจากับคู่ค้า” ด้วยการอาศัยอัธยาศัยที่เป็นมิตรน่าเชื่อถือ และมีความจริงใจซึ่งเป็นจุดเด่นดั้งเดิมของผู้ประกอบการไทย และยังต้องเปิดใจให้กับการพัฒนาตนเองในด้านดิจิทัล เช่น การประชาสัมพันธ์ การโฆษณา การติดตามสถานการณ์จากประเทศคู่ค้าและคู่แข่ง รวมถึงการเรียนรู้วิธีการใหม่ๆ ที่มีอย่างมากมายในช่องทาง Streaming ในปัจจุบัน
“แม้หลายคนจะมีความกังวลว่าเพื่อนบ้านในกลุ่มประเทศอาเซียนอย่าง เวียดนาม ฟิลิปปินส์ มาเลเซีย หรือแม้แต่อินโดนีเซียจะเป็นคู่แข่งที่สำคัญ บวกกับเรื่องวัตถุดิบบางประเภทที่ไทยอาจจะมีน้อยลง ตลอดจนการแข่งขันด้านราคาจะเป็นอุปสรรคที่ทำให้สินค้าของไทยขายในสหรัฐฯได้น้อยลง แต่ในความเป็นจริงแล้วเรื่องดังกล่าวเป็นเพียงปัจจัยเล็กๆ และไม่ใช่เรื่องที่ต้องกังวลนัก เนื่องจากในตลาดสหรัฐฯ ผู้บริโภคยังคงยอมจ่ายในสินค้าที่มีคุณภาพ แต่สิ่งที่จะต้องวิเคราะห์เพื่อยกระดับการผลิตสินค้าเพิ่มเติมคือ สภาพทางวัฒนธรรม ภูมิศาสตร์ และวิถีชีวิตของชาวอเมริกาที่จะเป็นตัวแปรให้ผู้ประกอบการมีแนวทางพัฒนาสินค้าให้ได้มากกว่าคู่แข่ง เนื่องจากอเมริกาเป็นดินแดนที่มีความหลากหลาย ทั้งนี้ หากผู้ประกอบการไทยตีโจทย์แตกก็หมายความว่าการจะรักษาหรือเข้าสู่ตลาดสหรัฐฯ ก็ไม่ใช่เรื่องยากจนเกินไป”
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี