** สำนักงานสภาพัฒนาการเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) ได้แถลงตัวเลขเศรษฐกิจไทย (จีดีพี) ไตรมาส 3 ปี 2563 ซึ่งปรากฏว่าติดลบ 6.4% และคิดลบลดลงเมื่อเทียบกับ ไตรมาส 2 ปี 2563 ที่ติลบ 12.1%และเมื่อดูตัวเลขรวม 9 เดือนแรกของปี 2563 เศรษฐกิจไทยติดลบ 6.7% อย่างไรก็ตาม แม้ว่าตัวเลขยังติดลบ แต่ก็ดีกว่าที่คาดการณ์ไว้โดยเฉพาะตัวเลขในไตรมาส 3
ทั้งนี้ดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจที่หนุนให้ตัวเลขจีดีพีไตรมาส 3 ดีกว่าที่คาดมาจากการบริโภคภาครัฐ และการฟื้นตัวในภาคก่อสร้าง และภาคการเงิน ขณะที่การลงทุนรวม และการบริโภคภาคเอกชนนั้นก็หดตัวลดลง โดยปัจจัยหนุนที่ทำให้เครื่องดัชนีชี้วัดทางเศรษฐกิจดีขึ้น ได้แก่1.การผ่อนคลายมาตรการปิดสถานที่และยกเลิกการจำกัดการเดินทางในประเทศ 2.เม็ดเงินจากมาตรการช่วยเหลือ ฟื้นฟู และเยียวยาต่างๆ ของภาครัฐ 3.เม็ดเงินลงทุนของภาครัฐและการลงทุนรัฐวิสาหกิจ 4.เศรษฐกิจประเทศคู่ค้าเริ่มฟื้นตัว หนุนการส่งออกให้เริ่มดีขึ้น รวมทั้งการขยายตัวของสินค้าส่งออกบางรายการที่ได้ประโยชน์จากการแพร่ระบาดของไวรัสโควิด-19
ดูเหมือนว่าจะมีตัวเลขดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม 2563 มาสนับสนุนสมมุติฐานของ สศช. ...โดย สภาอุตสาหกรรมแห่งประเทศไทย (สอท.) ซึ่งเผยผลการสำรวจดัชนีความเชื่อมั่นภาคอุตสาหกรรมเดือนตุลาคม 2563 พบว่ามาอยู่ที่ระดับ 86.0 ปรับตัวเพิ่มขึ้นจากระดับ 85.2 ในเดือนกันยายน 2563 ซึ่งปรับตัวเพิ่มขึ้นต่อเนื่องเป็นเดือนที่ 6 นับตั้งแต่เดือนพฤษภาคมที่ผ่านมา โดยมีปัจจัยสนับสนุนจากอุปสงค์ในประเทศที่มีแนวโน้มเพิ่มขึ้นอย่างต่อเนื่อง ทั้งสินค้าอุปโภคบริโภคและสินค้าคงทนส่งผลให้ภาคการผลิตมีการฟื้นตัวตามอุปสงค์ในประเทศ ขณะที่มาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจของภาครัฐผ่านการท่องเที่ยวและการบริโภคสนับสนุนให้เกิดการใช้จ่ายในประเทศเพิ่มขึ้น ส่งผลดีต่อยอดขายสินค้าและรายได้ของผู้ประกอบการ นอกจากนี้ การลงทุนโครงสร้างพื้นฐานของภาครัฐอย่างต่อเนื่องส่งผลดีต่อความต้องการใช้สินค้าวัสดุก่อสร้าง
แม้ว่าภาพรวมของเศรษฐกิจไทยสะท้อนภาพการทยอยฟื้นตัวดีขึ้น แต่ก็มีคำถามอยู่ว่าเศรษฐกิจไทยจะสามารถฟื้นตัวได้ต่อเนื่องหรือไม่ เพราะต้องยอมรับว่ายังมีหลายปัจจัยเสี่ยงรออยู่ เช่น เศรษฐกิจโลกที่มีความไม่แน่นอนสูง เนื่องจากสถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด-19 ยังคงดำเนินอย่างต่อเนื่อง และเป็นปัจจัยกดดันต่อการฟื้นตัวของภาคการส่งออกของไทย ขณะที่การแข็งค่าของเงินบาทเมื่อเทียบกับดอลลาร์สหรัฐส่งผลต่อรายได้ของผู้ประกอบการส่งออกลดลงตลอดจนความกังวลเกี่ยวกับภาระดอกเบี้ยเงินกู้ที่เพิ่มขึ้น ภายหลังการสิ้นสุดมาตรการพักชำระหนี้ซึ่งอาจทำให้กิจการประสบปัญหาขาดสภาพคล่องโดยเฉพาะผู้ประกอบการกลุ่ม SMEs
ทั้งนี้ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจและธุรกิจ (EIC) ธนาคารไทยพาณิชย์ (SCB) ได้สะท้อนภาพเศรษฐกิจไทย ต่อจากนี้ไว้ว่า ภาพการฟื้นตัวของเศรษฐกิจไทยระยะข้างหน้าส่วนหนึ่งได้ปัจจัยหนุนจากฐานที่ต่ำในปี 2562 และได้แรงหนุนจากการบริโภคและการลงทุนภาครัฐที่จะยังขยายตัวในระดับสูง ขณะที่การลงทุนภาคเอกชนและภาคการท่องเที่ยวจะยังซบเซาต่อเนื่อง แม้ล่าสุดจะมีมาตรการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ แต่เปิดรับได้เพียงเล็กน้อยมาก ส่วนภาคการส่งออกมีแนวโน้มฟื้นตัวช้าลงตามทิศทางเศรษฐกิจโลกที่เริ่มฟื้นตัวชะลอลง รวมถึงการกลับมาแพร่ระบาดอีกระลอกของไวรัสโควิด-19 ในหลายประเทศที่เป็นคู่ค้าสำคัญของไทย
นอกจากผลกระทบจากการปิดกิจการที่ยังเพิ่มขึ้นต่อเนื่อง และภาวะตลาดแรงงานที่เปราะบาง สะท้อนจากตัวเลขอัตราว่างงานที่เพิ่มสูงขึ้น และจำนวนชั่วโมงการทำงานรวมที่ลดลงมากตามจำนวนงานเต็มเวลาและงานโอทีที่หายไป โดยบางส่วนกลายเป็นงานต่ำระดับรวมถึงยังมีแรงงานที่ต้องหยุดงานชั่วคราวอีกจำนวนมาก และจากเหตุของทั้งสองปัจจัยดังกล่าว ส่งผลโดยตรงต่อการฟื้นตัวของรายได้ครัวเรือนและภาคธุรกิจ ประกอบกับภาระหนี้ที่มากขึ้นจากวิกฤติโควิด-19 ในช่วงก่อนหน้าทำให้ทั้งภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจมีแนวโน้มใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น ฉุดให้การฟื้นตัวของการบริโภคและการลงทุนภาคเอกชนจะเป็นไปอย่างช้าๆ
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี