nn ตั้งแต่ปี 2563 จนถึงปีนี้ 2564...จะเป็นช่วงที่ลำบากยากเข็ญที่สุดแล้วสำหรับภาคธุรกิจการท่องเที่ยงและธุรกิจเกี่ยวเนื่องกับการท่องเที่ยว...แต่เดิมจากการระบาดของโควิด-19 ในรอบแรก (ปี 2563)หลายฝ่ายก็มองว่าภาคธุรกิจท่องเที่ยวน่าจะกลับมาเริ่มฟื้นตัวได้ราวๆ กลางปี 2546 แต่ว่าจากจากการแพร่ระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ในประเทศไทยที่กระจายไปทุกภูมิภาคอย่างรวดเร็ว ทำให้รัฐต้องประกาศใช้มาตรการควบคุมการแพร่ระบาดตามระดับพื้นที่ควบคุม แม้ยังไม่ยกระดับเป็นมาตรการล็อกดาวน์เหมือนการระบาดเมื่อเดือนเมษายน 2563 แต่ทำให้กิจกรรมทางเศรษฐกิจชะลอตัวลงอย่างหลีกเลี่ยงไม่ได้โดยเฉพาะผลกระทบต่อภาคการค้าและการท่องเที่ยวซึ่งรวมถึงร้านอาหาร สถานบันเทิง สะท้อนจากพฤติกรรมของผู้บริโภคที่ใช้จ่ายและท่องเที่ยวแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด
ศูนย์วิเคราะห์เศรษฐกิจ ทีเอ็มบี หรือ TMB Analytics ประเมินผลกระทบของสถานการณ์โควิดต่อภาคการค้าและภาคการท่องเที่ยวในไตรมาสแรกปี 2564 จาก 3 ปัจจัยประกอบกัน ได้แก่ 1)ระดับความรุนแรงตามพื้นที่การระบาด 2) การพึ่งพิงภาคการค้าและภาคการท่องเที่ยว และ 3) รายได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจของจังหวัด (GPP) พบว่าในภาพรวมไทยมีสัดส่วนการพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยว 22% ต่อ GPP รวมทั้งประเทศ และมีการจ้างงานรวมกัน 6.9 ล้านคน ซึ่งคาดว่าผลกระทบจากสถานการณ์โควิดจะทำให้รายได้จากภาคการค้าและการท่องเที่ยวลดลงรวมกันกว่า 1.4 แสนล้านบาทโดยกลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุด ส่วนใหญ่จะอยู่ในภาคกลางและภาคตะวันออก ซึ่งเป็นฐานการผลิต แหล่งการกระจายสินค้า และขายสินค้าที่สำคัญของประเทศ รวมทั้งเป็นจังหวัดท่องเที่ยว โดยกลุ่มนี้มีสัดส่วนพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยว 23% การจ้างงานในพื้นที่ 4.1 ล้านคน คาดผลกระทบต่อรายได้ภาคการค้าและการท่องเที่ยวอยู่ที่ 1.28 แสนล้านบาทหรือคิดเป็น 91% ของรายได้ที่ถูกกระทบทั้งหมด ขณะที่กลุ่มที่เหลือซึ่งเป็นพื้นที่ควบคุมและเป็นพื้นที่เฝ้าระวังสูง มีสัดส่วนพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยว20% มีการจ้างงานในพื้นที่ 2.8 ล้านคน ผลกระทบต่อรายได้ภาคการค้าและการท่องเที่ยวคาดรวมกันกว่า 1.4 หมื่นล้านบาท
ทั้งนี้ 14 จังหวัดแรกที่ได้รับผลกระทบต่อภาคการค้าและการท่องเที่ยวสูงพบว่าส่วนใหญ่อยู่กลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุด ได้แก่ กรุงเทพฯซึ่งเป็นศูนย์กลางธุรกิจมีรายได้จากกิจกรรมทางเศรษฐกิจ(GPP) สูงสุดของประเทศและมีสัดส่วนการพึ่งพิงภาคธุรกิจการค้าและการท่องเที่ยวมากถึง 33% มีการจ้างงาน 2.1 ล้านคน คาดรายได้ภาคการค้าและการท่องเที่ยวจะลดลง 81,424 ล้านบาทรองมาเป็น ชลบุรี ซึ่งเป็นจังหวัดที่มีรายได้ GPP สูงเป็นอันดับ 3 ของประเทศ และมีสัดส่วนการพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยว 19% มีการจ้างงาน2.7 แสนคน ทำให้ผลกระทบต่อรายได้อยู่ที่ 15,463 ล้านบาท ส่วนภูเก็ตซึ่งเป็นจังหวัดที่มี GPPเป็นอันดับ 2 ของภาคใต้ และมีสัดส่วนการพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยวสูงถึง 53% มีการจ้างงาน 1.5 แสนคน ผลกระทบต่อรายได้อยู่ที่ 2,799 ล้านบาท ในขณะที่ ระยอง และสมุทรสาครซึ่งอยู่ในกลุ่มพื้นที่ควบคุมสูงสุดและเข้มงวดเช่นเดียวกับชลบุรี แต่มีสัดส่วนพึ่งพิงภาคการค้าและการท่องเที่ยวต่ำกว่าโดยอยู่ที่ 8% และ 15%ทำให้ผลกระทบต่อรายได้ลดลงน้อยกว่าอยู่ที่ 2,748 และ 2,682 ล้านบาท ตามลำดับ
ขณะเดียวกัน KKP Research โดยเกียรตินาคินภัทร ได้ออกบทวิเคราะห์ภาพรวมเศรษฐกิจไทย ปี 2564 ภายใต้การระบาดของโควิด-19 ระลอกใหม่ ซึ่งในส่วนที่เกี่ยวกับภาคการท่องเที่ยวนั้น ได้ระบุว่า นักท่องเที่ยวต่างชาติอาจกลับมาได้ช้ากว่าที่คาด ซึ่งเป็นผลจาก2 ปัจจัยหลัก คือ (1) การระบาดระลอกใหม่ในประเทศทำให้คนไทยกลับมามีความกังวลในการเปิดรับนักท่องเที่ยวต่างชาติ และในทางกลับกันนักท่องเที่ยวจากประเทศที่มีการระบาดอยู่ในระดับต่ำแล้ว เช่น จีน ก็อาจลังเลที่จะเข้ามาเที่ยวในประเทศไทย และ (2) แม้ไทยจะมีแผนสำหรับการผลิตและใช้วัคซีนในประเทศ แต่ต้องรอถึงช่วงครึ่งหลังของปีกว่าจะมีการเริ่มฉีดได้ในวงกว้างขึ้น ซึ่งอาจไม่ทันสำหรับการเปิดรับนักท่องเที่ยวในไตรมาส 3 ดังนั้น KKP Researchจึงปรับประมาณการจำนวนนักท่องเที่ยวสำหรับปี 2021 ลงจากที่เคยคาดว่าจะกลับมาได้ 6.4 ล้านคนในไตรมาส 3และ 4 เหลือเพียง 2 ล้านคนในไตรมาส 4 เท่านั้น
ด้วยเหตุที่ภาคการท่องเที่ยวที่ถือว่ามีสัดส่วนค่อนข้างสูงของเศรษฐกิจไทย เมื่อต้องเจอภาวะวิกฤติขนาดนี้แน่นอนว่าต้องกระทบต่อภาพรวมของเศรษฐกิจไทยอย่างหนัก ดังนั้น ภาครัฐจำเป็นต้องมีบทบาทมากขึ้นกว่าที่ผ่านมาในการช่วยเหลือเยียวยาภาคธุรกิจและแรงงาน รวมทั้งกระตุ้นเศรษฐกิจเพิ่มเติมจนกว่าการแพร่ระบาดและเศรษฐกิจเข้าสู่ภาวะปกติ ถึงแม้บางโครงการ เช่น “คนละครึ่ง” และ “เราเที่ยวด้วยกัน” แต่ก็ยังนับเป็นเม็ดเงินเพียงส่วนน้อย หากเปรียบเทียบขนาดของการกระตุ้นเศรษฐกิจผ่านนโยบายการคลังกับประเทศอื่น จากนี้ไปภาครัฐต้องผลักดันนโยบาย ทั้งมาตรการเยียวยาระยะสั้นเพื่อเป็นการประคับประคองภาคธุรกิจและแรงงาน ตามระดับผลกระทบของธุรกิจในแต่ละพื้นที่ เช่น ธุรกิจค้าปลีกทั่วไป ร้านอาหารโรงแรม และสถานบันเทิงฯลฯ ซึ่งมีการจ้างงานอยู่กว่า 6.9 ล้านคน มาตรการที่ว่านี้ เช่น การพยุงค่าครองชีพของแรงงานที่อยู่ในพื้นที่ที่ได้รับผลกระทบ มาตรการรักษาสภาพการจ้างงานของภาคธุรกิจ ในขณะเดียวกันรัฐก็ต้องเร่งเดินหน้านโยบายการลงทุนเพื่อโครงสร้างพื้นฐานในระยะยาวที่จะเป็นการเพิ่มการจ้างงานและเพิ่มศักยภาพทางเศรษฐกิจอีกทางหนึ่งด้วย
กระบองเพชร
ข้อมูล...TMB/KKP Research
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี