nn เป็นเรื่องที่ถูกใจประชาชนไม่น้อยเหมือนกันเมื่อรัฐบาลหันมาให้ความสำคัญกับภาระหนี้ครัวเรือนขณะนี้และแสดงความจริงใจออกระดับหนึ่งด้วยการที่...พล.อ.ประยุทธ์จันทร์โอชา นายกรัฐมนตรี ออกมาแถลงข่าวว่าจะหารือกับ ธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ผู้เกี่ยวข้องในการให้ความช่วยเหลือลูกหนี้รายย่อยของสถาบันการเงินทุกประเภท โดยเฉพาะลูกหนี้สินเชื่อบัตรเครดิต สินเชื่อบุคคล สินเชื่อจำนำทะเบียนรถ ฯลฯ...ในขณะเดียวกันก็สั่นสะเทือนอุตสาหกรรมการเงินไม่น้อยเหมือนกัน...โดยเฉพาะกับประเด็นที่รัฐบาลจะหารือกับ ธปท....เพื่อหาทางลดเพดานดอกเบี้ยของสินเชื่อเหล่านั้น...!! และสั่งการให้เห็นผลทางปฏิบัติภายใน 6 เดือน...แวดวงการเงิน...เชื่อว่าไม่ใช่เรื่องที่ยากอะไรที่จะเข้าใจสำหรับ ธปท.ยุคนี้ ที่มีผู้ว่าการ อย่าง ดร.เศรษฐพุฒิ สุทธิวาทนฤพุฒิ...เพราะทำงานกับ ธนาคารพาณิชย์มาก่อน...ย่อมรู้และเข้าใจไส้ในธนาคารพาณิชย์เป็นอย่างดี...!! ถ้าไม่เกรงใจ “เจ้านายเก่า”..และ คิดและทำในฐานะผู้ว่าการแบงก์ชาติ ที่ต้องกำกับให้ธนาคารพาณิชย์ไม่เอาเปรียบ“ลูกค้า”....จนเกินไปนักเชื่อว่า“เพดานดอกเบี้ย”ลดลงได้อีกแน่ๆ...ทุกวันนี้ต้นทุนการเงินของธนาคารพาณิชย์อยู่ไม่ประมาณ 0.50-2.50%...ต้นทุนบริหารจัดการ ก็น่าจะสัก 3-4% (ทุกวันนี้ลดคน ปิดสาขา ให้บริการออนไลน์มากขึ้น ต้นทุนตรงนี้ก็น่าจะลดลงได้อีก)...ค่าความเสี่ยงส่วนกำหนดไว้ที่ 7-8% (ในเมื่อทุกวันนี้ NPL ระบบอยู่ที่ 3% ทำไมไม่ใช้ฐานตัวเลขนี้)...นี่คือ 3 องค์ประกอบหลักของต้นทุนรวมแล้ว 10-13% ...แล้วทำไมทุกวันนี้ธนาคารพาณิชย์ ถึงตั้งเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อรายย่อยสูงถึง 20-24% (ดอกเบี้ยปกติ)...และถ้าผิดนัดชำระหนี้ก็ปาเข้าไป 28% คิดทบต้นทบดอกเข้าไป (นี่คือที่มาของข่าวว่าเป็นหนี้ซื้อโทรศัพท์มือถือไม่เกินหมื่นบาท แต่ถูกบังคับคดีขายที่ดินขายบ้าน)...!! พวกบริษัทจำนำทะเบียนรถ..ก็เหมือนกัน...ในเมื่อลูกค้ามีสินทรัพย์เป็นหลักประกัน (รถยนต์ มอเตอร์ไซค์)...ซึ่งกฎหมายกำหนดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อประเภทที่มีหลักประกันไว้ไม่เกิน 15%...ทำไมทุกวันนี้บริษัทเหล่านี้โขกดอกเบี้ยเอากับลูกค้าสูงถึง 22-26%...ไม่รวมค่าธรรมเนียมสารพัดอย่างที่แอบแฝงเข้าไปอีก...!! ถามแบงก์ชาติหน่อยว่า พวกนี้เขาทำธุรกิจหรือ“ทำนาบนหลังคน”กันแน่...นี่ยังไม่รวมพฤติกรรมเลวทรามอื่นๆ อีกที่เกิดขึ้นเป็นข่าวอยู่บ่อยครั้ง....แบงก์ชาติ...ปล่อยไปได้อย่างไร...บทลงโทษที่เขียนไว้รุนแรงได้บังคับใช้บ้างไหม...เห็นแต่เปรียบเทียบแค่จิ๊บจ๊อย....!! แวะมาที่กระทรวงการคลัง...ต้องถามท่าน อาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง...ในฐานะที่กระทรวงการคลังเป็นผู้ให้ใบอนุญาต... เชื่อพิโกไฟแนนซ์ (Pico Finance) และ นาโนไฟแนนซ์...ซึ่งลูกค้าทั้งหมดคือกลุ่มคนระดับรากหญ้าที่ไม่มีโอกาสเข้าถึงแหล่งเงินทุนในระบบธนาคารพาณิชย์...!! ทำไมถึงกำหนดเพดานดอกเบี้ยสูงถึง 28-33%...(สูงถึงระดับอัตราสูงสุดของภาษีเงินได้ของพวกเศรษฐี )...เข้าใจแหล่ะว่ามันเป็นสินเชื่อไม่มีหลักประกัน...แต่ท่านครับ...สุดท้ายแล้วหากลูกหนี้ผิดนัดชำระหนี้หรือถึงที่สุดเป็นหนี้เสียพวกเขาก็จะถูกฟ้องบังคับคดียึดเอาทรัพย์สินมาจ่ายหนี้อยู่ดี....!! ไหนล่ะความเสี่ยงของคนให้กู้….แบบนี้แล้วรัฐบาลจะแก้ไขปัญหาความเหลื่อมล้ำทางสังคมได้อย่างไร.. ???...คราวหน้ามาว่ากันอีกพวก“นายทุนหน้าเลือดในคราบนายแบงก์”...มีอะไรอีกเยอะ...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี