บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) วิเคราะห์หุ้นกลุ่มการเงิน (Financial Sector) จากแนวคิดของรัฐบาลในความพยายามจะช่วยบรรเทาผลกระทบทางการเงินของลูกหนี้ และจัดการกับสถานการณ์หนี้ครัวเรือนของระบบ ซึ่งมีสินเชื่อผู้บริโภคประเภทต่างๆ ทำให้เกิดความกังวลว่าจะนำกฎเกณฑ์เรื่องการลดดอกเบี้ยมาใช้กับทั้งธนาคาร และ non-bank จากมาตรการที่ช่วยเหลือลูกหนี้ที่ออกมาช่วงกลางปี 2563 ทางการได้กดเพดานอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อผู้บริโภคให้ต่ำลง 2-4% เช่น สินเชื่อจำนำทะเบียนเหลือ 24% (จากเดิม 28%), สินเชื่อบัตรเครดิตเหลือ 16% (จากเดิม 18%),
สินเชื่อส่วนบุคคลเหลือ 25% (จาก 28%), สินเชื่อ Nano เหลือ 33% (จากเดิม 36%)
ผลกระทบกลุ่ม non-bank จะแตกต่างกันไป
เราคิดว่ามาตรการช่วยเหลือรอบใหม่ หรือ กฎเกณฑ์ใหม่ที่จะออกมาจะมุ่งเน้นไปที่สินเชื่อผู้บริโภคบางประเภทและผลกระทบที่เกิดกับธนาคาร และ non-bank จะเกิดเฉพาะบางกลุ่มโดยในส่วนของสินเชื่อผู้บริโภคส่วนบัตรเครดิตมีอัตราดอกเบี้ยต่ำที่สุด และเราคาดว่าไม่น่าจะลดดอกเบี้ยสินเชื่อกลุ่มนี้ลงอีกอย่างไรก็ตาม อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคล/สินเชื่อจำนำทะเบียนยังสูงอยู่ที่ 25%/24% ตามลำดับ เช่นเดียวกับสินเชื่อ Nano ที่ยังสูงถึง 33% จะมีความเสี่ยงที่จะมีแรงกดดันเรื่องการปรับลดดอกเบี้ยมากกว่า
MTC, SAWAD และ KTC กระทบไม่มาก
จากการลดเพดานดอกเบี้ยสินเชื่อจำนำทะเบียนในกลางปี 2563 ลงเหลือ 24% และมี GBS เข้ามาแข่งในตลาด ทำให้ผู้เล่นรายใหญ่อย่าง MTC และ SAWAD ปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้จำนำทะเบียนรถมอเตอร์ไซค์ลงเหลือ 15% และรถยนต์เหลือ 18% ซึ่งต่ำกว่าเพดานดอกเบี้ยเงินกู้อย่างมากประมาณ 7-10% แม้เพดานดอกเบี้ยจะถูกปรับลงอีกเราเชื่อว่าMTC SAWAD จะไม่ได้มีการปรับดอกเบี้ยลงอีกเนื่องจากสินเชื่อจำนำทะเบียนคิดเป็นสัดส่วนถึง 70% ของสินเชื่อทั้งหมดของ MTC และ 40% ของสินเชื่อทั้งหมดของ SAWAD จึงมองว่า 2 บริษัทนี้ไม่น่าจะได้รับผลกระทบมาก อย่างไรก็ตาม โดยผลกระทบต่อ MTC และ SAWAD จะขึ้นกับการลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ Nano finance (ปัจจุบัน MTC/SAWAD คิดที่ 25%/28%) อัตราดอกเบี้ยสินเชื่อ Nano ที่ลดลงทุกๆ 1% จะส่งผลกระทบกับกำไรของ MTC/SAWAD 3% ส่วนกรณีของ KTC ซึ่งสินเชื่อหลักเป็นบัตรเครดิต (66% ของสินเชื่อรวม) เรามองว่าความเสี่ยงจะอยู่ที่สินเชื่อส่วนบุคคล (ประมาณ 34% ของสินเชื่อรวม) การลดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อส่วนบุคคลลงทุกๆ 1% จะกระทบกับกำไร KTC 3.5%
ราคาหุ้นที่ลดลงมาเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
เราคาดว่าถ้ามีการปรับลดอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ลง สถาบันการเงินส่วนใหญ่จะหยุดปล่อยกู้ทำให้ลูกค้าระดับล่างไม่สามารถเข้าถึงบริการทางการเงิน ทั้งนี้ yield สินเชื่อปัจจุบันของ non-bank แต่ละแห่งอยู่ที่ 20-24% ต้นทุนการดำเนินงานอยู่ที่ 13-16% (ต้นทุนทางการเงิน 3-5%, credit cost อยู่ที่ 1-4%, ค่าใช้จ่ายการดำเนินงาน/สินเชื่ออยู่ที่ 8-12%) ดังนั้นมาร์จิ้น ของ KTC จึงอยู่ที่ประมาณ 8%, ของ SAWAD และ MTC เท่ากันอยู่ที่ 6.5% ส่วนของ AEONTS และ TIDLOR <4% เราคิดว่าอัตรากำไรสุทธิที่ <5% จะไม่จูงใจให้สถาบันการเงินเหล่านี้ปล่อยกู้ เรามองว่าการเปิดเศรษฐกิจรอบใหม่จะตัวเป็นเร่งการโตสินเชื่อนอนแบงก์ถือเป็นแหล่งเงินกู้หลักของร้านข้างถนนกลุ่มที่อยู่ระดับกลางถึงล่างคาดว่าสินเชื่อของกลุ่มนี้จะเติบโตแข็งแกร่งใน 3Q64 และราคาหุ้นที่ลดลงมาเป็นโอกาสให้เข้าซื้อ
ปัจจัยเสี่ยงจากตั้งสำรองเพิ่ม, แผนre-opening ถูกเลื่อนออกไป, การเปลี่ยนแปลงกฎเกณฑ์ของทางการ
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี