บริษัทหลักทรัพย์(บล.)เคจีไอ(ประเทศไทย)วิเคราะห์หุ้นธนาคารกสิกรไทยหรือ(KBANK)จากการจัดการประชุม on-lineconference เกี่ยวกับ platform ดิจิทัลของ KBANK สาระสำคัญสรุปได้ดังนี้ 1.ช่องทางชำระเงินระบบดิจิทัลยังคงเป็นช่องทางคู่ขนาดกับช่องทางเดิม (omni-channel) 2.ตั้งเป้าจะเป็นผู้นำตลาดด้านการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล 3.จะใช้ประโยชน์จาก big data/การวิเคราะห์ข้อมูลจากธุรกรรมดิจิทัลเพื่อเจาะตลาดสินเชื่อผู้บริโภค ปรับปรุงบริการ SME และเพิ่มประสิทธิภาพในการทำรายได้ เพื่อสร้างการเติบโตตามตลาดทุน และประกัน ปัจจุบันธนาคารได้ก้าวเป็นผู้นำการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัลที่มีผู้ใช้งานมากที่สุด (ธุรกรรมทางดิจิทัลคิดเป็นสัดส่วนมากกว่า 70% ของธุรกิจทั้งหมดในธนาคาร มีส่วนแบ่งตลาด >40%)
ตั้งเป้าจะเป็นเจ้าตลาดสินเชื่อผู้บริโภค
ในฐานะผู้นำตลาดด้านการชำระเงินผ่านระบบดิจิทัล KBANK กำลังก้าวต่อไปสู่การหารายได้จาก big data ด้วยการทำ credit scoring และกำหนดอัตราดอกเบี้ยสินเชื่อที่เหมาะสม
ความเสี่ยงเพื่อขยายสินเชื่อผู้บริโภคผ่าน platform LINE-BK ซึ่งธนาคาร และ Line Financial จับมือเป็นพันธมิตรกันและออกบริการในพฤศจิกายน 2563 ปัจจุบันมียอดสินเชื่อคงค้าง 8.4 พันล้านบาท ธนาคารตั้งเป้าจะขยายเพิ่มขึ้น และก้าวขึ้นเป็นผู้นำในตลาดสินเชื่อบน platform ดิจิทัลภายในอีก 3 ปี ทั้งนี้ platform ดิจิทัลจะทำให้พอร์ตสินเชื่อผู้บริโภคเปลี่ยนไปจากปัจจุบันซึ่งต่ำกว่า 10% ของพอร์ตสินเชื่อรวม ทำให้โครงสร้างกำไร และความเสี่ยงของธนาคารเปลี่ยนไปจากปัจจุบัน
รูปแบบของรายได้ค่าธรรมเนียมเปลี่ยนแปลง
รายได้ค่าธรรมเนียม ของ KBANK ได้ปรับเปลี่ยนในช่วงปีที่ผ่านมา โดยรายได้ค่าธรรมเนียมจากตลาดทุนเป็นรายได้หลักคิดเป็นประมาณ 45% (เพิ่มจาก ~30-35% ก่อน COVID-19 ระบาด) เพิ่มขึ้นประมาณ 25-30% ขณะที่รายได้ค่าธรรมเนียมหลักจากการโอน สินเชื่อค่อนข้างทรงตัวในช่วง 4 ไตรมาสที่ผ่านมา เราคาดว่าแนวโน้มดังกล่าวจะดำเนินต่อไปในปีนี้ เราคาดรายได้ค่าธรรมเนียม ปี 2564/65 เติบโตปีละ 5% (ไตรมาส 1/64 โต +7% YoY และ +13% QoQ)
คงคำแนะนำซื้อ
เราคาดว่ากำไรสุทธิใน 2Q64F จะอยู่ที่ 8.1 พันล้านบาท(-24% QoQ +272% YoY) เนื่องจาก FVTPL ลดลง และ LLPเพิ่มขึ้น QoQ หากไม่รวมค่าใช้จ่ายกันสำรอง และ FVTPL ของธนาคาร PPOP จะลดลง 2% QoQ และเพิ่มขึ้น 2% YoY ถึงแม้ว่าราคาหุ้นจะลดลงมาจากความกังวลเกี่ยวกับภาวะเศรษฐกิจในประเทศ แต่การที่ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ขยายเวลา
ให้การช่วยเหลือออกไปจนถึงสิ้นปีจะส่งผลดีกับธนาคารในแง่ของการบริหารจัดการ NPL และ credit cost เนื่องจากราคาหุ้นไม่แพงคิดเป็น P/E เพียง 8x และ P/BV เพียง 0.6x เท่ากับเกือบ -2 S.D. ซึ่งเมื่อเราใช้สมมุติฐาน ROE ที่ประมาณ 8% เราจึงประเมินว่า KBANK สมควรซื้อขายที่ระดับ P/BV ที่ 0.9x
ปัจจัยเสี่ยงจาก NPL เพิ่มขึ้นมากกว่าที่คาด, ผลขาดทุนจาก FVTPL, และอัตราการเติบโตของรายได้ค่าธรรมเนียม
ที่มา : บล.เคจีไอ(ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี