เหตุระเบิดที่โกดังเก็บสารเคมีของบริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ที่เกิดขึ้นเมื่อเวลา 03.00 น. ของวันที่ 5 กรกฎาคม 2564 ใช้เวลานานกว่า 20 ชั่วโมงเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครดับเพลิงจึงสามารถควบคุมเพลิงไว้ได้ และเมื่อเวลา 17.00 น ของวันที่ 6 กรกฎาคม2564 ไฟได้ปะทุขึ้นอีกครั้ง ซึ่งเจ้าหน้าที่และอาสาสมัครสามารถดับเพลิงได้ แรงระเบิดทำให้บ้านเรือนเสียหายเป็นวงกว้าง เจ้าหน้าที่ต้องเร่งอพยพผู้ที่อาศัยรัศมี 5 กิโลเมตร เนื่องจากมีสารเคมีหลากหลายชนิดที่ล้วนแต่เป็นวัตถุไวไฟ ส่งผลกระทบทางมลพิษและเป็นสารก่อมะเร็ง
มีผู้เสียชีวิตเป็นอาสาสมัครดับเพลิง 1 คนบาดเจ็บหลายสิบคน มีผู้ที่ต้องอพยพชั่วคราวประมาณ2,000 คน ความรุนแรงของเหตุการณ์ เทียบเท่าระเบิด TNT 200 เท่า เพราะบ้านเรือนได้รับความเสียหายเป็นอย่างมาก
บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ตั้งอยู่ภายในซอยกิ่งแก้ว 21 หมู่ที่ 15 ต.บางพลีใหญ่ อ.บางพลี จ.สมุทรปราการ ทำธุรกิจโรงงานประกอบเม็ดโฟมและพลาสติกขนาดใหญ่ จากข้อมูลของกรมธุรกิจการค้า บริษัทจดทะเบียนเมื่อวันที่ 20 มิถุนายน พ.ศ. 2532 ทุนจดทะเบียน 70 ล้านบาท ซึ่งผลประกอบการปีพ.ศ. 2563 รายได้รวม 1,202,795,860.31 บาท กำไรสุทธิ 25,734,588.11 บาท และสินทรัพย์รวมทั้งสิ้น 699,095,810 บาท มีบริษัทแม่ตั้งอยู่ที่ประเทศไต้หวัน ชื่อหมิงตี้ กรุ๊ป ก่อตั้งเมื่อปีพ.ศ.2529 กำลังการผลิตในประเทศไทย 36,000 ตันต่อปีส่วนใหญ่เป็นการผลิต โฟม EPS หรือการผลิตเม็ดโฟมพลาสติกและพลาสติกขั้นต้น เพื่อส่งออกไปในแถบยุโรป สหรัฐอเมริกา
เหตุการณ์ครั้งนี้ จึงไม่ใช่เหตุเพลิงไหม้ธรรมดา แต่เป็นเพราะโรงงานแห่งนี้ มีสารเคมีชื่อ สารสไตรีนโมโนเมอร์ ที่เป็นอุปสรรคทำให้การควบคุมเพลิงเป็นไปได้ยาก สารนี้มีลักษณะเป็นของเหลวใสและข้นเหนียว เมื่อถูกความร้อนสูงจะให้สาร 2 ชนิดคือ สไตรีนและเบนซิน มีความเป็นพิษสูง ถ้าหายใจเข้าไป จะเกิดการระคายเคืองต่อระบบทางเดินหายใจ และลำคอ ปวดศีรษะ มึนงง อ่อนเพลีย คลื่นไส้ และมึนเมา ถ้าได้รับสารปริมาณสูง จะมีอาการชักและเสียชีวิตได้ แม้จะควบคุมเพลิงได้แล้ว ยังต้องมีการตรวจวัดคุณภาพอากาศและปริมาณสารเคมี ทั้งต้องเตือนให้ประชาชนระวังผลกระทบสารปนเปื้อนลงสู่น้ำใต้ดิน
จากข้อมูลจากกรมโรงงานอุตสาหกรรมการพบว่า ทั่วประเทศมีโรงงานประกอบกิจการผลิตเม็ดโฟมESP จำนวน 2 แห่ง คือ บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด จังหวัดสมุทรปราการ และ บริษัท ไออาร์พีซี จำกัด (มหาชน) จังหวัดระยอง
บริษัท หมิงตี้เคมีคอล จำกัด ได้ก่อตั้งโรงงานมาตั้งแต่ปีพ.ศ. 2532 หรือ 32 ปีแล้ว ได้ตั้งโรงงานก่อนที่จะมีหมู่บ้านที่สามารถจะสร้างอยู่อาศัยได้ ปัจจุบันการขออนุญาตเกี่ยวกับการก่อสร้างใดๆ ในเขตพื้นที่ดังกล่าว เข้มงวดมากเพราะอยู่ใกล้สนามบิน สุวรรณภูมิ
เมื่อมีเหตุเกิดเพลิงไหม้โรงงานแห่งนี้ ทำให้เห็นความย้อนแย้งของการทำงานของหน่วยราชการที่เกี่ยวข้อง เมื่อเป็นเขตพื้นที่ตั้งโรงงานอุตสาหกรรมย่อมไม่สมควรให้ ตั้งสนามบิน โรงเรียน โรงพยาบาลและที่อยู่อาศัย
ในทางกลับกัน เมื่อเขตพื้นที่ดังกล่าว ให้ตั้งสนามบิน โรงเรียน โรงพยาบาล และที่อยู่อาศัย โรงงานอันตรายอย่างโรงงานหมิงตี้เคมีคอล ต้องให้ย้ายไปอยู่ในเขตอุตสาหกรรม และต้องมีมาตรการเอื้ออำนวย และช่วยเหลือ เพราะโรงงานตั้งมาก่อนชุมชน แต่กลับปล่อยให้เป็นอยู่ในสภาพปัจจุบัน โดยประชาชน และชุมชนที่อยู่โดยรอบ ไม่เคยทราบมาก่อนว่า อยู่ใกล้โรงงานที่พร้อมระเบิดและเป็นอันตรายเช่นนี้
ในส่วนของโรงงานหมิงตี้เคมีคอล เอง นับว่า มีข้อพิรุธ และมีส่วนประมาทไม่น้อย เช่นกัน บริษัทแห่งนี้ เมื่อปีพ.ศ. 2563 มีรายได้ 1,203 ล้านบาท แต่มีผลกำไรเพียง 25 ล้านบาท หรือเพียง 2.08% ของรายรับ ทั้งที่มียอดการผลิตถึง 30,000 กว่า ตันต่อปี และเป็นเพียง 1 ใน 2 โรงงานประเภทนี้ในประเทศไทย ทำประกันคุ้มครองความเสียหายให้กับบุคคลภายนอก เพียงแค่ประมาณ 20 ล้านบาทเท่านั้น ซึ่งไม่เพียงพอกับความเสียหายในครั้งนี้ที่เกิดขึ้นแก่ประชาชนและชุมชนอย่างแน่นอน
เมื่อเกิดเพลิงไหม้ โรงงานแห่งนี้ไม่มีระบบปิดวาล์วอัตโนมัติ หรือสั่งการให้ปิดวาล์วได้โดยระบบทางไกล สำหรับถังเก็บสารเคมีอันตราย แต่กลับต้องปล่อยให้สารเคมีอันตรายเผาไหม้ และเกิดมลพิษเป็นจำนวนมาก จนเหลือจำนวนน้อย เจ้าหน้าที่และอาสาสมัครจึงสามารถเสี่ยงชีวิตเข้าไปปิดวาล์วด้วยมือทั้งที่ปัจจุบันเป็นยุคดิจิทัล และสั่งการระยะไกล แบบรีโมทคอนโทรล (Remote Control)
หากย้อนไปเมื่อต้นปีพ.ศ.2552 กรณีเหตุเพลิงไหม้ซานติก้าผับ ผู้ฟ้องคดีจำนวน 12 คน ซึ่งญาติผู้เสียชีวิตได้ฟ้องกรุงเทพมหานคร (ผู้ถูกฟ้อง)เนื่องจากไม่ควบคุมดูแลอาคารที่เปิดเป็นสถานบริการไม่ตรวจสอบสภาพ โครงสร้างและอุปกรณ์ต่างๆ ตามหลักเกณฑ์ และเงื่อนไขที่กำหนดในกฎกระทรวงหรือข้อบัญญัติตาม พ.ร.บ.ควบคุมอาคาร พ.ศ.2522 ต่อมาปีพ.ศ.2559 ศาลปกครองสูงสุดได้มีคำพิพากษาให้กรุงเทพมหานครชำระค่าสินไหมทดแทนตามคำพิพากษาพร้อมดอกเบี้ยให้ผู้ฟ้องทั้ง 12 คน รวมเป็นเงิน 5,794,250.92 บาท
หากนำกรณีซานติก้าผับมาเทียบกับโรงงานหมิงตี้ ควรต้องพิจารณาว่า ทางราชการมีหลักเกณฑ์เงื่อนไขอนุญาตโรงงานดังกล่าวอย่างไรบ้าง มีวิธีการตรวจสอบการประกอบกิจการโรงงานอย่างไรบ้าง โดยเฉพาะในเรื่องความปลอดภัยที่จะต้องมีความเข้มงวด หากไม่ปฏิบัติตามกฎหมาย ต้องลงโทษสูงสุด เพื่อที่จะหาบุคคลที่ต้องมารับผิดชอบกับเหตุการณ์ครั้งนี้
กรณี โรงงาน หมิงตี้เคมีคอล ถือเป็นกรณีศึกษาแห่งความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ของทั้งภาครัฐและภาคเอกชน ที่ไม่ควรจะให้เกิดขึ้นอีก
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี