โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย ที่องค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้เป็นโรค ระบาดใหญ่ (Pandemic) เช่นเดียวกับประเทศไทย โรคโควิด-19 เป็นโรคติดต่ออันตราย และได้ประกาศเป็นภาวะฉุกเฉิน ถือเป็นภัยพิบัติต่อสาธารณะที่ก่อให้เกิดความทั้งเสียหายต่อประชาชนเพราะเจ็บไข้ได้ป่วยจำนวนมาก
นับตั้งแต่กลางเดือนกรกฎาคม พ.ศ. 2564 ผู้ติดเชื้อเกือบสองหมื่นรายต่อวัน บางวันทะลุสองหมื่น บุคลากรทางการแพทย์ที่ถือว่าเป็นหน้าด่านสำคัญ ต้องทำงานอย่างสาหัสสากรรจ์ เพื่อช่วยเหลือผู้ป่วย มีการระดมสรรพกำลังทั้งภาครัฐ เอกชน ประชาชน องค์กรอาสาสมัครต่างๆ เพื่อมาช่วยดูแลอีกทางหนึ่ง
โรคโควิด-19 ถือเป็นโรคอุบัติใหม่ จำนวนผู้ติดเชื้อป่วยในแต่ละวันมีแต่จะเพิ่มขึ้น ทั้งผู้ป่วยที่อยู่ในการรักษามีจำนวนมากเช่นกัน โรงพยาบาลไม่เพียงพอต่อการรักษา ต้องนำสถานที่หลายแห่งมาทำเป็นโรงพยาบาลสนาม คนที่ควรได้รับวัคซีนมากกว่าครึ่งหนึ่งยังไม่ได้รับวัคซีน ทำให้ภูมิคุ้มกันหมู่มีน้อย การดูแลของบุคลากรทางการแพทย์ไม่สามารถทำได้อย่างทั่วถึง ทำให้มีการเรียกร้องเพื่อคุ้มครอง ปกป้อง บุคลากรทางการแพทย์และบุคลากรทางสาธารณสุข
กระทรวงสาธารณสุข ได้ตั้งคณะกรรมการยกร่าง “พระราชกำหนดจำกัดความรับผิดสำหรับบุคลากรสาธารณสุขในการรักษาพยาบาลผู้ป่วยโรคติดเชื้อไวรัสโคโรนา 2019 (COVID-19) พ.ศ. ...” โดยมอบหมายให้กรมสนับสนุนบริการสุขภาพ (สบส.) เป็นหน่วยงานหลัก และมีผู้แทนจากภาคส่วนต่างๆ เช่น ภาควิชาชีพ ภาคกฎหมาย เพื่อพิจารณาเนื้อหากลไกคุ้มครองผู้ทำงานในช่วงภัยพิบัติโรคโควิด-19 ให้ทำหน้าที่อย่างสุดความสามารถ โดยไม่ต้องกังวลว่าจะถูกฟ้องร้อง อันเป็นการสร้างขวัญและกำลังใจให้บุคลากรทางการแพทย์ และบุคลากรทางสาธารณสุข
พ.ร.ก.ฉบับนี้ ผู้ที่จะได้รับความคุ้มครองโดยไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ซึ่งครอบคลุมความผิดทางแพ่ง ทางอาญา ความรับผิดชอบทางวินัย และความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ ประกอบด้วย (1) ผู้ประกอบโรคศิลปะตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคศิลปะ (2) ผู้ประกอบวิชาชีพทางการแพทย์และสาธารณสุขตามกฎหมายที่เกี่ยวกับการแพทย์และการสาธารณสุข (3) ผู้ปฏิบัติการตามกฎหมายว่าด้วยการแพทย์ฉุกเฉิน (4) อาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้านตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุขว่าด้วยอาสาสมัครสาธารณสุขประจำหมู่บ้าน (5) อาสาสมัครเฉพาะกิจ (6) บุคคลที่ได้รับการร้องขอจากผู้ประกอบวิชาชีพเพื่อให้ปฏิบัติงานตามพระราชกำหนด (7) บุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน
สถานพยาบาล (1) สถานพยาบาลซึ่งดำเนินการโดยกระทรวง กรม องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น รัฐวิสาหกิจ สถาบันการศึกษาของรัฐ หน่วยงานอื่นของรัฐ สภากาชาดไทย (2) สถานพยาบาลตามกฎหมายว่าด้วยสถานพยาบาล (3) สถานที่ซึ่งบุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานตามภารกิจที่ได้รับมอบหมาย เพื่อการรักษาพยาบาลผู้ติดโควิด-19
เงื่อนไขการได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย (1) บุคลากรสาธารณสุขปฏิบัติงานภายใต้สถานพยาบาล (2) การตัดสินใจในการให้การดูแลรักษาพยาบาลนั้น เป็นไปเพื่อประโยชน์สาธารณะ(3) สถานพยาบาลนั้น ได้ปฏิบัติงานภายใต้สถานการณ์ฉุกเฉิน หรือปฏิบัติงาน เพื่อให้การรักษาพยาบาลโดยฉุกเฉินกรณีผู้ป่วยฉุกเฉินตามกฎหมายว่าด้วยโรคติดต่อ
การได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดตามกฎหมายรวมถึง กรณีที่ความเสียหายเกิดขึ้นจากผลสืบเนื่อง หรือภาวะแทรกซ้อนอันเนื่องมาจากการปฏิบัติงานภายหลังจากสถานการณ์ฉุกเฉินสิ้นสุดลง และไม่ตัดสิทธิของบุคลากรสาธารณสุข สถานพยาบาล อาสาสมัครเฉพาะ ในการได้รับการช่วยเหลือ หรือเยียวยาตามมาตรการของรัฐ หรือตามที่กฎหมายกำหนด
สำหรับข้อยกเว้นที่จะได้รับความคุ้มครองไม่ต้องรับผิดตามกฎหมาย ตามร่างพ.ร.ก.จำกัดความรับผิดฯ คือ (1) เป็นการกระทำที่ไม่สุจริต (2) เป็นการกระทำที่เกิดจากความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ที่เป็นประเด็นร้อนของ ร่าง พ.ร.ก. จำกัดความรับผิดฯคือ กรณีของ “บุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน” เป็นที่วิพากษ์วิจารณ์ว่า ร่าง พ.ร.ก. จำกัดความรับผิดฯ มีจุดมุ่งหมายเพื่อนิรโทษกรรม ผู้ที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีนโควิด-19 หรือไม่เพราะเป็นที่ทราบดีว่า การจัดสรรจำนวนไม่เพียงพอทั้งยังมีความล่าช้า ไม่ทันต่อสถานการณ์การแพร่ระบาดทั้งไม่เป็นไปตามเป้าหมาย ทำให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มขึ้น ปี พ.ศ.2563ประเทศไทย มีผู้ติดเชื้อรายวันเพียงหลักสิบ อยู่ในอันดับร้อยกว่าของโลกที่มีผู้ติดเชื้อ กลางเดือนสิงหาคมพ.ศ. 2564 ไทยกระโดดขึ้นมาอยู่ในอันดับที่ 30 กว่าของโลก เป็นอันดับที่ไม่ได้สร้างความชื่นชมแต่อย่างใด
จนมีการเรียกร่างพ.ร.ก. จำกัดความรับผิดฯ นี้ว่า“พ.ร.ก.นิรโทษกรรมวัคซีน” เพราะบุคคล/คณะบุคคลที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้องในการจัดหาหรือบริหารวัคซีน จะได้รับประโยชน์แบบเหมาเข่ง เนื่องจากสามารถอ้างได้ว่าการจัดหาและบริหารวัคซีน เป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามที่ได้รับการแต่งตั้งหรือมอบหมายจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ไม่ได้กระทําด้วยความจงใจให้เกิดความเสียหาย ไม่ได้กระทําด้วยความประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง
ฝ่ายที่ไม่เห็นด้วยกับร่างพ.รก.จำกัดความรับผิดฯเพราะปัจจุบันมี พ.ร.บ.ความรับผิดทางละเมิดของเจ้าหน้าที่ พ.ศ. 2539 ที่ให้ความคุ้มครองข้าราชการและเจ้าหน้าที่ของรัฐอยู่แล้ว โดยไม่ต้องรับผิดส่วนตัว ยกเว้นว่าเกิดจากความจงใจหรือประมาทเลินเล่ออย่างร้ายแรง ทั้งยังมีพ.ร.บ.การแพทย์ฉุกเฉิน พ.ศ. 2551 เพื่อคุ้มครองความปลอดภัยของผู้ป่วยฉุกเฉิน มีการกำหนดหลักเกณฑ์และเงื่อนไขเกี่ยวกับการปฏิบัติหน้าที่ของผู้ปฏิบัติการ หน่วยปฏิบัติการ และสถานพยาบาลการปฏิบัติการฉุกเฉิน
คงไม่แปลกใจที่ว่า ร่างพ.ร.ก. จำกัดความรับผิดฯคงเอามาเป็นเกราะ คุ้มครองให้ผู้ควรต้องรับผิด ไม่ต้องรับผิด
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี