ปี 2548 เป็นปีแรกที่ผมเริ่มเล่าเรื่องการเงินส่วนบุคคล วิชาที่ผมโชคดีได้เรียนรู้จากจุดเริ่มต้นของการแก้ปัญหาหนี้ของครอบครัว
ผมกับเพื่อนๆ เริ่มแนะนำความรู้การเงินสู่สาธารณะ ผ่านเว็บบอร์ดชื่อ RICHDADTHAI (ไม่รู้มีใครติดตามตั้งแต่สมัยนั้นหรือเปล่า) แล้วก็ตั้งเป็นชมรมเล็กๆ ชื่อ ชมรมพ่อรวยสอนลูกแห่งประเทศไทย (อ้างอิงจากงานแปล Rich Dad Poor Dad ที่ผมเป็นคนแปล)
เราจัดเล่นเกม Cashflow (เกมกระแสเงินสด) กันทุกเดือนจากทีมงานไม่ถึง 10 คน สุดท้าย คนติดตามเว็บบอร์ดเราหลายหมื่นคนเลย
ตอนเริ่มต้นทำเว็บบอร์ด มีคนตั้งคำถามกับพวกเราเยอะพอสมควรว่า “เรื่องเงินใครๆ ก็รู้หรือเปล่า ไม่เห็นต้องสอน” บ้างก็ว่า “พวกคุณสอนด้วยหลักสูตรอะไร กระทรวงศึกษาฯ รับรองหรือเปล่า” หรือ “ทำไมต้องเรียนรู้เรื่องเงินๆ ทองๆ”
จำได้ว่าเราเองก็ไม่ได้ตอบทุกคำถาม เพราะถ้ามัวแต่นั่งตอบก็คงไม่ได้ทำอะไรที่เป็นประโยชน์ออกมาให้กับคนที่สนใจ ตอนนั้นคิดว่า คุยกับคนเห็นด้วยก่อนแล้วกัน คนไม่เห็นด้วยค่อยๆ คุย ค่อยๆ อธิบายกันไป
จนวันหนึ่งมีข้อความหนึ่งส่งเข้ามา เป็นข้อความที่ทำให้หลายคนในทีมรู้สึกสะดุด และไม่อยากทำงานด้วยกันต่อ
“ถ้ายังไม่รวยเท่าคุณ … (อดีตนายก) อย่าสะเออะมาสอนคนอื่นเรื่องเงิน”
วินาทีที่ได้อ่านข้อความ ยอมรับว่ารู้สึกสตันท์ไปพักใหญ่ แต่ไม่ได้สตันท์เพราะโกรธหรือมีอารมณ์กับข้อความ แต่แค่นั่งคิดอยู่สักพักว่า
1. ต้องรอให้รวยถึงขนาดนั้นก่อนมั้ย ถึงเริ่มช่วยคนอื่นในเรื่องเงินๆ ทองๆ ได้
2. ต้องรวยขนาดนั้นเลยหรือเปล่า ถึงจะสอนเรื่องเงิน ให้คนที่ไม่รู้เรื่องเงินมาก่อน เข้าใจเรื่องเงิน จัดการเงินได้ และใช้ชีวิตกับเงินได้อย่างมีความสุข
3. จริงๆ แล้ว วัตถุประสงค์หรือเป้าหมายของการเรียนรู้เรื่องเงิน ที่พวกเราอยากให้คนส่วนใหญ่รู้ มันคืออะไรกันแน่?
ข้อ 1) ข้อ 2) ถามปุ๊บ ผมได้คำตอบปั๊บ “ไม่เห็นจำเป็นเลย”เรามีปัญญาทำได้แค่ไหน ก็ทำเท่านั้น ไม่ได้หวังใหญ่ หวังไกล ว่าคนทั้งประเทศจะต้องมาฟังเรา แค่คนใกล้ตัว คนที่เชื่อ เราช่วยเขาได้ ก็ถือว่าโอเคแล้ว
ส่วนข้อ 3) นั้น ผมนั่งคิดอยู่สักพักใหญ่ ตั้งคำถามว่า ถ้าเราเป็นคนธรรมดาคนหนึ่ง การเงินระดับไหนที่ทำให้เรามีความสุข คลายกังวล ชีวิตร่มเย็น และรู้สึกว่า “เงิน” อยู่ในการ “ควบคุม” ของเรา (ไม่ใช่มันคอยควบคุมและสั่งการชีวิตเรา)
สุดท้ายผมหยิบเอาหลักคิดเรื่องของ “ความมั่นคงทางการเงิน” หรือ Financial Security ซึ่งประกอบด้วย3 เสาหลัก ได้แก่ การบริหารสภาพคล่อง (Cash FlowManagement) การจัดการความเสี่ยง (Risk Management) และการสะสมความมั่งคั่ง (Wealth Accummulation) มาเขียนเป็นเป้าหมายการเงิน เพื่อใช้บอกเล่าและแนะนำผู้คนใกล้ตัว และคนที่มาเรียนด้วยกันว่า
หนึ่งชีวิตที่เกิดมา เราควรบริหารเงินให้บรรลุ 4 เป้าหมายนี้
1. มีรายได้เพียงพอกับการดำรงชีวิตประจำวัน ไม่ขาดไม่พร่อง รับผิดชอบชีวิตตัวเองได้ ไม่ต้องหยิบต้องยืมใคร ไม่สร้างภาระให้ตัวเองและคนอื่น
2. เติมเต็มชีวิตได้ตามฝัน เช่น อยากมีบ้านให้ครอบครัว อยากมีรถไว้ใช้ อยากเรียนต่อ อยากท่องเที่ยวต่างประเทศ อยากเก็บแต่งงาน เก็บเงินไว้ให้ลูก ฯลฯ ก็บริหารจัดการเงินเพื่อให้ได้มาซึ่งความฝันหรือความต้องการได้
3. พร้อมรับมือกับเหตุไม่คาดฝันที่ส่งผลกระทบกับเรื่องเงินทอง ไม่ว่าจะเป็น ตกงาน ถูกลดค่าแรง รายได้สูญหายเสียชีวิตก่อนวัยอันควร เจ็บป่วย เกิดอุบัติเหตุ ทรัพย์สินเสียหายฯลฯ เรื่องพวกนี้เกิดขึ้นก็กระทบกับชีวิตเราอยู่แล้ว อย่าให้มันกระทบกับเงินของเราไปด้วยเลย
4. มีเงินสะสมไว้เพียงพอดูแลตัวเองยามเกษียณในแบบที่ตัวเองต้องการ ไม่ต้องพึ่งพาใคร เป็นคนเกษียณที่มีความสุข
ตลอด 16 ปี ที่ผ่านมา ผมคิดและทำงานภายใต้หลักคิดและแนวทางนี้ แล้วก็ทำเพียงเท่านี้ ทำไปเรื่อยๆ เพราะรู้ว่าตัวเองไม่ใช่ผู้วิเศษที่จะสอนให้ใครร่ำรวยได้ แต่ผมพอรู้วิธีที่จะจัดการเงินให้เป็นระบบระเบียบ ชีวิตไม่วุ่นวาย และมีความสุขในแบบของตัวเราเองได้ น้องๆ เพื่อนๆ ที่เจอกัน 16 ปีที่ผ่านมาคือผลลัพธ์ที่ยืนยันความเชื่อนั้นได้เป็นอย่างดี
คนเรานั้นถ้าลดปัญหาเรื่องเงินในชีวิตไปได้ 1 เรื่องก็น่าจะลดเรื่องปวดหัวไปได้มากแล้วนะ ผมเชื่ออย่างนั้น
ยังไงชวนทุกคนเรียนรู้การเงินเพื่อชีวิตที่มีความสุขไปด้วยกันนะครับ
#TheMoneyCoachTH
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี