nn วานนี้ “แวดวงการเงิน” เขียนถึงเรื่องนโยบายภาษีกับการควบคุมบุหรี่ ซึ่งถูกเครือข่ายสุขภาพหยิบมาอ้างว่ามาตรการภาษียาสูบสำคัญที่สุดในการลดการสูบบุหรี่ เลยมีความพยายามกดดันให้กระทรวงการคลัง และกรมสรรพสามิต ขึ้นอัตราภาษีบุหรี่เป็น 35% ของราคาขายปลีก และขึ้นอัตราภาษีตามปริมาณ จากมวนละ 1.2 บาท เป็น
มวนละ 1.3 บาท...หากเป็นไปตามข้อเสนอนี้ราคาบุหรี่ไปเป็น 72-75 บาทต่อซอง หรือเท่ากับราคาบุหรี่ขึ้นไปกว่า 25% ซึ่งถือว่าสวนทางกับการเติบโตทางเศรษฐกิจในยุคโควิด-19 ที่มีการคาดการณ์ว่าจะขยายตัวไม่เกิน 1.0%...ข้อเสนอสุดโต่งแบบนี้ ดูจะไม่ตอบโจทย์หลัก 4 ประการที่กรมสรรพสามิตย้ำมาตลอดว่าต้องบาลานซ์ทั้งด้านสุขภาพและความอยู่รอดของคนทั้งอุตสาหกรรม แถมยังทำให้ประเทศเดินซ้ำรอยกับการขึ้นภาษีเมื่อปี 2560 ที่มีการขึ้นภาษีทีเดียวสูงๆ จนทำให้ภาษีลดลง รายได้ การยาสูบแห่งประเทศไทย (ยสท.) ที่ต้องนำส่งคืนรัฐก็ลดลง แต่คนสูบบุหรี่คงที่ เพราะหันไปหาของถูกอย่างยาเส้น หรือของเถื่อนบุหรี่หนีภาษีที่เกลื่อนเมืองภาคใต้เช่นที่ อ.หาดใหญ่ จ.สงขลา ซึ่งมีสารพัดของหนีภาษีทั้งบุหรี่ เหล้า และยังส่งผลต่อชาวไร่ยาสูบรุนแรงถูกตัดโควตาการปลูก 50% มา 4 ปีซ้อน โดยเงินชดเชยก็ยังไม่ได้รับ...มิหนำซ้ำคนสูบบุหรี่บางส่วนหนีไปใช้บุหรี่ไฟฟ้าซึ่งเก็บภาษีไม่ได้สักบาทเพราะอยู่ใต้ดิน ทั้งที่คนใช้เต็มบ้านเต็มเมือง ทำให้รัฐเสียโอกาสในการเก็บภาษี เสียโอกาสในการลดอันตรายให้กับคนสูบบุหรี่…การเสนอให้ขึ้นภาษีสูงๆ อีกทั้งยังแนะนำให้ชาวไร่เปลี่ยนอาชีพหรือปลูกพืชทดแทนเท่ากับไม่เห็นใจชาวไร่ยาสูบกว่า 3 หมื่นราย และแสดงให้เห็นว่ากลุ่มหมอเอ็นจีโอไม่มีความไม่เข้าใจในอุตสาหกรรมยาสูบและผู้ที่เกี่ยวข้องที่ได้รับผลกระทบอย่างหนักมาตลอด 4 ปีอย่างแท้จริง....เพราะเม็ดเงินที่หายไปนั้นไปตกกับภาษีเพื่อมหาดไทยที่เก็บพรวดเดียว 10% ทั้งที่ไม่เคยเก็บมาก่อน เลยรับไปเต็มๆหลายพันล้านบาท แต่ ยสท. หรือชาวไร่ยาสูบกับต้องมานั่งเดือดร้อนได้รับผลกระทบทั่วหน้า..!! กรมสรรพสามิต...ตั้งหลักมาดีแล้วว่า แนวทางโครงสร้างภาษีใหม่ต้องพิจารณาหลายด้านไม่ใช่แต่เรื่องสุภาพหรือเรื่องใดเรื่องหนึ่งเพียงอย่างเดียว...คงต้องติดตามกันอย่างใกล้ชิดว่า ทั้งนายลวรณ แสงสนิท อธิบดีกรมสรรพสามิต และนายอาคม เติมพิทยาไพสิฐ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการคลัง ...จะยังคงยึดมั่นในจุดยืนทั้ง 4 ประการของการปรับแนวทางภาษีบุหรี่ได้มากน้อยเพียงใด เพราะหากหวั่นไหวไปกับคำแนะนำสุดโต่งของเอ็นจีโอสายสุขภาพ จนยอมปรับแผนที่พิจารณามาแล้วอย่างดี ต่อไปกระทรวงและกรมจะออกนโยบายภาษีอะไร ก็ไม่ต้องเสียเวลาพิจารณาศึกษาอะไรให้วุ่นวาย.... แค่รอให้เอ็นจีโอมาบอกว่าต้องทำอย่างไรก็พอ...nn
อนันตเดช พงษ์พันธ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี