nn ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการขนส่ง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยในการเปิดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างและรับสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงินกว่า 1.427 แสนล้านบาทรอบใหม่ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เปิดขายซองข้อเสนอ (RFT) ไปล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีกำหนดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอในวันที่ 27 ก.ค. 2565 โดย ดร.สามารถได้ ตั้งข้อสังเกตในประเด็นการปรับเปลี่ยนเกณฑ์คุณสมบัติด้านเทคนิคของผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ให้ต้องรวมทีมเข้าประมูล ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้เดินรถไฟฟ้า (Operator) โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะเข้าร่วมจะต้องมีประสบการณ์การบริหารการก่อสร้างงานโยธา 3 ประเภทได้แก่ 1. งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยระบบหัวเจาะมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท 2. งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดินหรือสถานียกระดับมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้าน และ 3.งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่งพร้อมรางแบบไม่ใช้หินโรย มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วงระยะ 20 ปีที่ผ่านมา โดยต้องเป็นผลงานที่เปิดให้บริการแล้วเท่านั้น ซึ่งปรากฏว่า มีผู้รับเหมายักษ์ในเมืองไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ กลุ่มบริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
ขณะที่ผู้รับเหมากลุ่มอื่นๆ แม้กระทั่งกลุ่มบีเอสอาร์ ที่มี บมจ.บีทีเอส (BTS) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง (STECON) ร่วมอยู่ด้วยก็ยังขาดคุณสมบัติข้อนี้ เพราะผลงานของกลุ่มดังกล่าวที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ส่วนตะวันออกยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างยังไม่เปิดให้บริการจึงไม่สามารถจะนำผลงานมาปรับเข้าเงื่อนไขได้ ขณะที่ผู้รับเหมาต่างชาติอื่นๆ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่ต่างมีโครงการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งโครงการในไทยอย่างรถไฟไทย-จีนหรือรถไฟความเร็วสูง แต่ก็ไม่สามารถจะฝ่าด่านข้อกำหนดผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยได้ และถึงแม้จะจัดหาผู้ร่วมลงทุนได้แต่ด้วยระยะเวลาอันกระชั้นชิดไม่ถึง 2 เดือน จึงไม่มีกลุ่มใดเตรียมการได้ทันอยู่ดี
ทั้งนี้จากข้อวิจารณ์ดังกล่าว ดูเหมือนจะสอดคล้องกับหลายเสียงจากผู้คนในสังคมและในวงการรับเหมาก่อสร้าง โดยแหล่งข่าวในวงการรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง ระบุว่าแม้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จะปัดฝุ่นโครงการนี้กลับขึ้นมาจัดประมูลใหม่ โดยยืนยันว่าการประมูลครั้งใหม่จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้เพราะมีการเชื้อเชิญคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม แต่คณะผู้สังเกตการณ์ที่เป็นบุคคลภายนอกเหล่านั้นคงไม่มีทางได้รู้ตื้นลึกหนาบางถึงข้อกำหนดและเงื่อนไข TOR ที่กำหนดหลักเกณฑ์ออกมาเช่นนี้
ขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์เหล่านี้ก็คงจะไม่สามารถทัดทานอะไรได้เพราะไม่รู้รายละเอียดและข้อเท็จจริงเบื้องลึกถึงสาเหตุในการวงหลักเกณฑ์เงื่อนไขคุณสมบัติ และแม้ว่า รฟม.จะประกาศเป็นการประมูลนานาชาติ (International Competition Bidding : ICB) แต่การกำหนดเงื่อนไขที่ต้องมีผลงานก่อสร้างระบบงานโยธา โดยเฉพาะอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทย ที่ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็น Local content เอาไว้ชนิดกระดิกไม่ได้ และต่อให้เจรจาดึงเอาผู้รับเหมาจากจีนและญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างอยู่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยก็ไม่มีทางผ่านเงื่อนไขด้านเทคนิคข้อนี้ไปได้
“ระยะเวลาที่ประเทศต้องสูญเสียไป กับการปรับปรุงแก้ไข TOR ใหม่เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้นั้นกล่าวได้ว่ากลายเป็นความสูญเปล่าและสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศโดยแท้ เพราะสุดท้ายแล้วเงื่อนไขการประมูล (RFP) ที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการไปนั้น ก็ยังคงมีประเด็นข้อกังขา คำถามคือ รฟม.จะอรรถาธิบายต่อสังคมอย่างไร ว่าเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่นี้โปร่งใส ตรวจสอบได้และก่อให้เกิดการแข่งขันที่ยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ในเมื่อมันชี้ชัดอยู่แล้วว่ามีกลุ่มรับเหมายักษ์ในประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าประมูล ขณะที่กลุ่มรับเหมาอื่นๆ แม้แต่จากจีนหรือญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกก็ยังไม่ผ่านคุณสมบัติ”
แหล่งข่าวดังกล่าวระบุอีกว่า โดยปกติแล้วในการปรับปรุงร่างเงื่อนไขประมูล (TOR) นั้น ตัวองค์กรและที่ปรึกษาที่ดำเนินการยกร่าง TOR จะต้องดำเนินการทดสอบหรือ Test ว่าหากกำหนดเงื่อนไขออกไปแบบนี้ จะมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือโอเปอเรเตอร์กี่ราย กี่บริษัทเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้บ้าง ทั้งไทยและต่างประเทศ หากเห็นว่า TOR ที่ออกไปนั้นเข้มงวดเกินไปหรือทำให้ยากแก่การแข่งขันก็จะต้องดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น
“หากพิจารณาหลักเกณฑ์ประกวดราคาครั้งใหม่ที่แม้จะดูเปิดกว้างเป็นการประกวดราคานานาชาติ (ICB) โดยที่ รฟม.ยังคงกำหนดเงื่อนไขผลงาน Local content ทำให้มีผู้ประกอบการบางรายไม่ให้เข้าร่วมประมูลได้นั้น จึงเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เส้นทางการประมูลโครงการนี้ อาจเผชิญปัญหาอีกครั้ง เพราะการกำหนดเงื่อนไข LocalContent ดังกล่าว อาจขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการประกวดราคานานาชาติ (ICB) ได้ และเชื่อว่า หากคณะกรรมการประกวดราคาชี้ขาดให้กลุ่ม “บีเอสอาร์” ที่เคยเข้าร่วมประมูลมาก่อนไม่ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค กลุ่มบีทีเอสคงใช้สิทธิ์ร้องเรียน และฟ้องคดีถูกละเมิดต่อศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตฯอีกครั้ง เพราะเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่มีเจตนากีดกันการประมูลอย่างชัดเจน”
ส่วนประเด็นที่ รฟม.และกรรมการคัดเลือกฯ ระบุว่า จำเป็นต้องเพิ่มข้อกำหนดและเงื่อนไขด้านเทคนิคเข้มข้น เพราะเป็นโครงการใหญ่ที่มีความซับซ้อน ต้องมีการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินลอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดเกณฑ์ประสบการณ์ด้านเทคนิคที่มีความเข้มข้นนั้น รฟม.คงลืมไปว่าก่อนหน้านี้ในการประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่รฟม.ดำเนินการไป ในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินในลักษณะเช่นนี้มาก่อน แต่รฟม.ก็สามารถจัดหาผู้รับเหมาที่สามารถก่อสร้างโครงการได้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามขอบเขตงานที่วางไว้ได้
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี