วันศุกร์ ที่ 21 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
nn ดร.สามารถ ราชพลสิทธิ์ ผู้เชี่ยวชาญด้านวิศวกรรมการขนส่ง และรองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ (ปชป.) ได้ออกมาตั้งข้อสงสัยในการเปิดประมูลหาเอกชนเข้าร่วมลงทุนก่อสร้างและรับสัมปทานรถไฟฟ้า สายสีส้ม ช่วงบางขุนนนท์-มีนบุรี วงเงินกว่า 1.427 แสนล้านบาทรอบใหม่ ซึ่งการรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนแห่งประเทศไทย (รฟม.) ได้เปิดขายซองข้อเสนอ (RFT) ไปล่าสุดเมื่อปลายสัปดาห์ที่ผ่านมา และมีกำหนดให้เอกชนเข้ายื่นข้อเสนอในวันที่ 27 ก.ค. 2565 โดย ดร.สามารถได้ ตั้งข้อสังเกตในประเด็นการปรับเปลี่ยนเกณฑ์คุณสมบัติด้านเทคนิคของผู้ที่จะเข้ายื่นข้อเสนอ ให้ต้องรวมทีมเข้าประมูล ทั้งผู้รับเหมาก่อสร้าง และผู้เดินรถไฟฟ้า (Operator) โดยกำหนดคุณสมบัติของผู้รับเหมาก่อสร้างที่จะเข้าร่วมจะต้องมีประสบการณ์การบริหารการก่อสร้างงานโยธา 3 ประเภทได้แก่ 1. งานออกแบบและก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินด้วยระบบหัวเจาะมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท 2. งานออกแบบและก่อสร้างสถานีใต้ดินหรือสถานียกระดับมูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้าน และ 3.งานออกแบบและก่อสร้างทางวิ่งพร้อมรางแบบไม่ใช้หินโรย มูลค่าไม่น้อยกว่า 1,000 ล้านบาท ในช่วงระยะ 20 ปีที่ผ่านมา โดยต้องเป็นผลงานที่เปิดให้บริการแล้วเท่านั้น ซึ่งปรากฏว่า มีผู้รับเหมายักษ์ในเมืองไทยที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 รายเท่านั้น คือ กลุ่มบริษัท ช. การช่าง จำกัด (มหาชน) หรือ CK และบริษัท อิตาเลียนไทยดีเวล๊อปเมนต์ จำกัด (มหาชน) หรือ ITD
ขณะที่ผู้รับเหมากลุ่มอื่นๆ แม้กระทั่งกลุ่มบีเอสอาร์ ที่มี บมจ.บีทีเอส (BTS) และบริษัท ซิโน-ไทย เอ็นจิเนียริ่ง (STECON) ร่วมอยู่ด้วยก็ยังขาดคุณสมบัติข้อนี้ เพราะผลงานของกลุ่มดังกล่าวที่ดำเนินการก่อสร้างโครงการรถไฟฟ้า สายสีส้ม ส่วนตะวันออกยังอยู่ในระหว่างก่อสร้างยังไม่เปิดให้บริการจึงไม่สามารถจะนำผลงานมาปรับเข้าเงื่อนไขได้ ขณะที่ผู้รับเหมาต่างชาติอื่นๆ ทั้งจากจีนและญี่ปุ่นที่ต่างมีโครงการก่อสร้างอยู่ทั่วโลก รวมทั้งโครงการในไทยอย่างรถไฟไทย-จีนหรือรถไฟความเร็วสูง แต่ก็ไม่สามารถจะฝ่าด่านข้อกำหนดผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทยได้ และถึงแม้จะจัดหาผู้ร่วมลงทุนได้แต่ด้วยระยะเวลาอันกระชั้นชิดไม่ถึง 2 เดือน จึงไม่มีกลุ่มใดเตรียมการได้ทันอยู่ดี
ทั้งนี้จากข้อวิจารณ์ดังกล่าว ดูเหมือนจะสอดคล้องกับหลายเสียงจากผู้คนในสังคมและในวงการรับเหมาก่อสร้าง โดยแหล่งข่าวในวงการรับเหมาก่อสร้างรายหนึ่ง ระบุว่าแม้การรถไฟฟ้าขนส่งมวลชนฯ จะปัดฝุ่นโครงการนี้กลับขึ้นมาจัดประมูลใหม่ โดยยืนยันว่าการประมูลครั้งใหม่จะเป็นไปด้วยความโปร่งใส ตรวจสอบได้เพราะมีการเชื้อเชิญคณะผู้สังเกตการณ์จากองค์การต่อต้านคอร์รัปชั่นเข้าร่วมสังเกตการณ์ตามข้อตกลงคุณธรรม แต่คณะผู้สังเกตการณ์ที่เป็นบุคคลภายนอกเหล่านั้นคงไม่มีทางได้รู้ตื้นลึกหนาบางถึงข้อกำหนดและเงื่อนไข TOR ที่กำหนดหลักเกณฑ์ออกมาเช่นนี้
ขณะที่คณะผู้สังเกตการณ์เหล่านี้ก็คงจะไม่สามารถทัดทานอะไรได้เพราะไม่รู้รายละเอียดและข้อเท็จจริงเบื้องลึกถึงสาเหตุในการวงหลักเกณฑ์เงื่อนไขคุณสมบัติ และแม้ว่า รฟม.จะประกาศเป็นการประมูลนานาชาติ (International Competition Bidding : ICB) แต่การกำหนดเงื่อนไขที่ต้องมีผลงานก่อสร้างระบบงานโยธา โดยเฉพาะอุโมงค์ใต้ดินกับรัฐบาลไทย ที่ถือเป็นเงื่อนไขที่เป็น Local content เอาไว้ชนิดกระดิกไม่ได้ และต่อให้เจรจาดึงเอาผู้รับเหมาจากจีนและญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างอยู่ทั่วโลกรวมทั้งในประเทศไทยก็ไม่มีทางผ่านเงื่อนไขด้านเทคนิคข้อนี้ไปได้
“ระยะเวลาที่ประเทศต้องสูญเสียไป กับการปรับปรุงแก้ไข TOR ใหม่เพื่อให้โครงการสามารถเดินหน้าต่อไปได้นั้นกล่าวได้ว่ากลายเป็นความสูญเปล่าและสูญเสียโอกาสทางเศรษฐกิจของประเทศโดยแท้ เพราะสุดท้ายแล้วเงื่อนไขการประมูล (RFP) ที่ รฟม.และคณะกรรมการคัดเลือกดำเนินการไปนั้น ก็ยังคงมีประเด็นข้อกังขา คำถามคือ รฟม.จะอรรถาธิบายต่อสังคมอย่างไร ว่าเกณฑ์พิจารณาคัดเลือกใหม่นี้โปร่งใส ตรวจสอบได้และก่อให้เกิดการแข่งขันที่ยังประโยชน์ต่อประเทศชาติ
ในเมื่อมันชี้ชัดอยู่แล้วว่ามีกลุ่มรับเหมายักษ์ในประเทศที่มีคุณสมบัติครบถ้วนอยู่เพียง 2 กลุ่มเท่านั้นที่มีสิทธิ์เข้าประมูล ขณะที่กลุ่มรับเหมาอื่นๆ แม้แต่จากจีนหรือญี่ปุ่นที่มีผลงานก่อสร้างรถไฟฟ้าและรถไฟความเร็วสูงทั่วโลกก็ยังไม่ผ่านคุณสมบัติ”
แหล่งข่าวดังกล่าวระบุอีกว่า โดยปกติแล้วในการปรับปรุงร่างเงื่อนไขประมูล (TOR) นั้น ตัวองค์กรและที่ปรึกษาที่ดำเนินการยกร่าง TOR จะต้องดำเนินการทดสอบหรือ Test ว่าหากกำหนดเงื่อนไขออกไปแบบนี้ จะมีบริษัทรับเหมาก่อสร้างหรือโอเปอเรเตอร์กี่ราย กี่บริษัทเข้าร่วมประมูลแข่งขันได้บ้าง ทั้งไทยและต่างประเทศ หากเห็นว่า TOR ที่ออกไปนั้นเข้มงวดเกินไปหรือทำให้ยากแก่การแข่งขันก็จะต้องดำเนินการปรับปรุงเพื่อให้เกิดการแข่งขันมากขึ้น
“หากพิจารณาหลักเกณฑ์ประกวดราคาครั้งใหม่ที่แม้จะดูเปิดกว้างเป็นการประกวดราคานานาชาติ (ICB) โดยที่ รฟม.ยังคงกำหนดเงื่อนไขผลงาน Local content ทำให้มีผู้ประกอบการบางรายไม่ให้เข้าร่วมประมูลได้นั้น จึงเชื่อว่าท้ายที่สุดแล้วจะทำให้เส้นทางการประมูลโครงการนี้ อาจเผชิญปัญหาอีกครั้ง เพราะการกำหนดเงื่อนไข LocalContent ดังกล่าว อาจขัดระเบียบจัดซื้อจัดจ้างภาครัฐ และไม่อาจเรียกได้ว่าเป็นการประกวดราคานานาชาติ (ICB) ได้ และเชื่อว่า หากคณะกรรมการประกวดราคาชี้ขาดให้กลุ่ม “บีเอสอาร์” ที่เคยเข้าร่วมประมูลมาก่อนไม่ผ่านคุณสมบัติด้านเทคนิค กลุ่มบีทีเอสคงใช้สิทธิ์ร้องเรียน และฟ้องคดีถูกละเมิดต่อศาลปกครอง และศาลอาญาคดีทุจริตฯอีกครั้ง เพราะเป็นการกำหนดเงื่อนไขที่มีเจตนากีดกันการประมูลอย่างชัดเจน”
ส่วนประเด็นที่ รฟม.และกรรมการคัดเลือกฯ ระบุว่า จำเป็นต้องเพิ่มข้อกำหนดและเงื่อนไขด้านเทคนิคเข้มข้น เพราะเป็นโครงการใหญ่ที่มีความซับซ้อน ต้องมีการก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินลอดผ่านแม่น้ำเจ้าพระยา จึงจำเป็นต้องมีการกำหนดเกณฑ์ประสบการณ์ด้านเทคนิคที่มีความเข้มข้นนั้น รฟม.คงลืมไปว่าก่อนหน้านี้ในการประมูลโครงการรถไฟฟ้า สายสีน้ำเงิน และสายสีน้ำเงินส่วนต่อขยายที่รฟม.ดำเนินการไป ในช่วงระยะ 4-5 ปีที่ผ่านมา แม้จะไม่มีการกำหนดเงื่อนไขผลงานก่อสร้างอุโมงค์ใต้ดินในลักษณะเช่นนี้มาก่อน แต่รฟม.ก็สามารถจัดหาผู้รับเหมาที่สามารถก่อสร้างโครงการได้บรรลุวัตถุประสงค์ ตามขอบเขตงานที่วางไว้ได้
กระบองเพชร

‘กรมการแพทย์’ชู 3 เทคโนโลยีการรักษาฟื้นฟู‘กะโหลกเทียม แขนขาเทียมและตาปลอม’
ช็อกกันทั้งซอย กล้องหน้ารถจับภาพ ชายป่วยซึมเศร้าโดดตึก3ชั้นสาหัส
วางขายแล้ว! จาก‘ข้าวดอ’สู่‘ข้าวเม่า’ ขนมโบราณ ฝีมือชาวนาอำนาจเจริญ
ประเทศแรกในเอเชีย! ‘ฟีฟ่า’เลือก‘ไทย’ เจ้าภาพฟุตบอลหญิง รายการ FIFA Series 2026tm
‘สืบยโสธร’รวบเครือข่ายโจรกรรมรถ จยย.ข้ามชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี