บริษัทหลักทรัพย์ (บล.) เคจีไอ (ประเทศไทย) อัปเดตหุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้า (Power Sector) การที่PDPs ฉบับใหม่ของไทย และเวียดนามจะคลอดใน 4Q65 (ร่าง พ.ร.บ.สุดท้าย เดือนตุลาคม สำหรับไทย)คิดว่าแผน PDP ฉบับใหม่จะสร้างภาวะตลาดเชิงบวก กระตุ้นการเติบโตในระยะยาว เราคาดว่าจะเห็นการเปลี่ยนผ่านสู่โครงสร้างพื้นฐานที่เกี่ยวข้องกับพลังงานหมุนเวียน (RE) (เริ่ม SCOD ในปี 2567) เราคิดว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายใหญ่จะได้เปรียบในการประมูลแต่มองว่า upside จะจำกัด เพราะโครงการเล็กกระจัดกระจาย ขณะที่ผลตอบแทนอาจลดลง โดยเฉพาะโครงการในไทย แต่อีกด้านหนึ่งถึงแม้เราจะคาดว่าผู้ผลิตไฟฟ้ารายเล็กจะมีอัตราการชนะประมูลต่ำกว่าแต่upside เยอะ เพราะฐานกำลังการผลิต และฐานกำไรที่ต่ำ เราคาดว่ากลุ่มหลักที่จะได้อานิสงส์จากแผน PDP ฉบับใหม่ในไทยที่เน้น RE ได้แก่Sermsang Power (SSP) (คาดว่าจะได้ประโยชน์มากที่สุด) รองลงมาคือ Absolute Clean Energy (ACE) และ BCPG (BCPG)
Carbon credit อาจจะเป็น S-curve ตัวใหม่ โดยเฉพาะผู้เล่นในกลุ่มพลังงานหมุนเวียน (RE) เราเห็นศักยภาพเติบโตในระยะยาวจากการขาย carbon credit ซึ่งไทยยังอยู่ในช่วงเริ่มต้น เมื่อเทียบกับประเทศผู้นำในกลุ่ม EU โดยคาดว่าผู้เล่นในกลุ่ม RE จะได้อานิสงส์ ทั้งนี้ ไทยมีกำหนดจะเริ่มเปิดตลาดซื้อขาย carbon credit (FTIX) ใน 4Q65 (จากเดิมที่เป็นการเจรจากันเองแบบ case-by-case) ซึ่งจะเป็นการซื้อขายภายในประเทศ ก่อนที่จะขยายไปสู่ตลาดระหว่างประเทศ ราคา carbon credit เฉลี่ยของประเทศไทยพุ่งสูงขึ้นเป็น 107 บาท/tCO2e ในปี 2565 (จาก 26 บาทในปี 2563 และ 34 บาท ในปี 2564) ซึ่งยังต่ำกว่าค่าเฉลี่ยของโลกที่ 1,400 บาท/CO2e แต่มูลค่าธุรกรรม carbon credit สะสมปัจจุบันยังต่ำอยู่ เราคิดว่ายิ่งมีการใช้ข้อกำหนดด้านมลพิษเข้มงวด และเร็วมากเท่าไหร่ ก็จะส่งผลดีต่อผู้เล่นในกลุ่ม RE ทั้งในแง่ราคาและปริมาณยอดขาย
คาดว่ากำไรหลักของกลุ่มจะฟื้นตัวขึ้นเด่น นำโดย SPP รายหลัก ขณะเดียวกันคาดว่า Gulf Energy development (GULF) และ Ratch Group (RATCH) จะเติบโตจากโครงการที่อยู่ใน pipeline ปัจจัยขับเคลื่อนคือ ราคาพลังงานขาลง, ค่า Ft ที่สูงขึ้น และ โครงการใหม่ๆเราเชื่อว่าราคาขายไฟฟ้าจะยังอยู่ในขาขึ้น แม้ราคาก๊าซจะกลับทิศในปี 2566 จากช่วงเหลื่อมเวลา จากราคาพลังงานที่ลดลงช้าจึงยากที่ราคาขายปลีกไฟฟ้าจะกลับไปต่ำกว่า 4.00 บาท/kWh (จาก 4.72 บาท ในปัจจุบัน) ได้อีกในอีก 2-3 ปีข้างหน้า
เลือก GULF เป็นหุ้นเด่นเพราะปัจจัยพื้นฐานที่เหนือกว่าหุ้นอื่นในกลุ่ม เรามองว่าแผน PDPs ฉบับใหม่, กำไรกลุ่มที่จะแข็งแกร่งในปี2566F, ราคาพลังงานลดลง, carbon credit, ปัจจัยบวกจากภายนอก (ราคาน้ำมันลดลง, อัตราแลกเปลี่ยน USD/THB และอัตราผลตอบแทนพันธบัตร) จะเป็นปัจจัยกระตุ้นที่ทำให้มีการ rerate หุ้นกลุ่มโรงไฟฟ้าในปี 2566 เรามองว่าหุ้นส่วนใหญ่ในกลุ่มพลังงานหมุนเวียนจะได้อานิสงส์จากประเด็น carbon credit และแผน PDP ฉบับใหม่ โดยเฉพาะ SSPและยังมองเห็นโอกาสจากหุ้นในกลุ่มที่มี S-curve ใหม่ (Energy Absolute (EA) และ Gunkul Engineering (GUNKUL)
ปัจจัยเสี่ยงจากกรณีที่มีการปิดโรงไฟฟ้านอกแผน, ปัญหา cost overruns, ความผันผวนของอัตราแลกเปลี่ยน และอัตราดอกเบี้ย
ที่มา : บล.เคจีไอ (ประเทศไทย)
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี