“พี่เตี้ย” ฉายานี้เป็นที่รู้จักดีในหมู่บรรดาพนักงาน เจ้าหน้าที่ และโดยเฉพาะเหล่านิสิตของมหาวิทยาลัยเชียงใหม่เขาคือ สุนัขใจดี สายพันธุ์บีเกิ้ล ตัวกลมเดินเกร่ไปเข้าร่วมกิจกรรมทั่วมช.ด้วยสี่ขาสั้นๆ และจะร่วมประเพณีวิ่งขึ้นดอย สักการะพระธาตุดอยสุเทพ กับน้องๆ นิสิตทุกครั้งไม่เคยขาด เป็นเวลาราว 8 ปี จนเป็นที่รู้จักและชื่นชมของเหล่าแฟนคลับมากมายบนโลกออนไลน์ เฟซบุ๊ก “เตี้ย มช.”
แล้วจู่ๆ “พี่เตี้ย” ได้หายตัวไปอย่างไร้ร่องรอยในค่ำของวันที่ 3 พฤษภาคมพ.ศ. 2563 ไม่มีแม้คำบอกลา จนแฟนคลับต่างระดมกันตามหากันจ้าละหวั่นทุกวิถีทาง ทั้งประกาศ แจ้งความ จนกระทั่งพบซากร่างไร้วิญญาณ จากสืบสวนหาสาเหตุการตาย พบว่าถูกซ้อมทรมานจากการอุ้มฆ่า โดยชายคนร้ายรายหนึ่ง จากหลักฐานภาพวีดีโอกล้องวงจรปิดในคืนวันที่หายไป
แฟนคลับทั้งหลายร่วมกับมูลนิธิวอชด็อก ไทยแลนด์ (Watchdog Thailand Foundation - WDT) ร่วมกันเป็นโจทก์ฟ้องคดีอาญา เอาผิดฆาตกรผู้ถูกกล่าวหาใน 2 ข้อหา คือ ลักทรัพย์ และทำร้ายทารุณกรรมสัตว์ ตามพระราชบัญญัติป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 การดำเนินคดีใช้เวลา 3 ปีเต็ม ศาลจังหวัดเชียงใหม่ได้พิพากษาให้จำคุกจำเลย 6 เดือนในข้อหากระทำทารุณกรรมสัตว์ โดยไม่รอลงอาญา ส่วนข้อหาลักทรัพย์ได้มีพิพากษาให้ยกฟ้อง เพราะไม่ปรากฏหลักฐานที่ชัดเจนว่าผู้ใดเป็นเจ้าของพี่เตี้ย
การซ้อมทรมานอุ้มหาย ดูจะเป็นวิสัยที่มิใช่มีแต่กรณีของมนุษย์เราๆเท่านั้น กับสัตว์ก็มีด้วยเช่นกัน กฎหมายฉบับนี้จึงได้บัญญัติไว้เพื่อสวัสดิภาพของสัตว์ ตามหลักการให้ความคุ้มครองสวัสดิภาพและเคารพสิทธิในคุณค่าของการดำรงชีวิตของสรรพสิ่งที่มีชีวิตในโลกให้อยู่ร่วมกันอย่างสันติภายใต้พื้นฐานของความเมตตากรุณา รวมถึงยังเป็นการรักษาความสมดุลของสภาพแวดล้อมตามแนวทางนิเวศวิทยาด้วย
คดีนี้จึงนับเป็นอุทาหรณ์ในภาคนิติบัญญัติและระบบยุติธรรม ที่เริ่มตระหนักและให้ความสำคัญต่อสวัสดิภาพชีวิตสัตว์ด้วย ซึ่งแตกต่างจากในอดีตที่ผ่านมาที่มิได้ให้ความ
สำคัญต่อการกระทำทารุณกรรมต่อสัตว์มากเท่าที่ควร แต่เดิมถือเป็นเพียงคดีเทียบเท่าคดีลหุโทษซึ่งเป็นความผิดเพียงเล็กน้อย
ความผิดลหุโทษ (Petty Offences) คือ ความผิดเล็กๆ น้อยๆ ที่มีโทษสถานเบาหรือ โทษที่ไม่ร้ายแรง กล่าวคือ ส่วนใหญ่ความผิดที่มีโทษจําคุกไม่เกิน 1 เดือนหรือปรับไม่เกิน 10,000 บาท หรือทั้งจําทั้งปรับ ยกเว้นการกระทำผิดที่ได้มีการแก้ไขอัตราโทษตามพระราชบัญญัติแก้ไขเพิ่มเติมประมวลกฎหมายอาญา (ฉบับที่ 22)พ.ศ. 2558) จนถึงไม่สามารถเอาผิดใดๆต่อผู้มีพฤติกรรมกระทำทารุณกรรมต่อสัตว์ จนถึงชีวิตได้เลย ทั้งที่พฤติกรรมเดียวกันนี้ ถือเป็นการกระทำที่ป่าเถื่อน โหดร้าย ไร้มนุษยธรรมหากเป็นการกระทำต่อมนุษย์ในลักษณะเดียวกันนี้
เมื่อเปรียบเทียบกับเหตุการณ์ประวัติศาสตร์อดีตที่ผ่านมา กรณีของ ย่าเหล สุนัขทรงเลี้ยงของพระบาทสมเด็จพระมงกุฎเกล้าเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 6 ที่ถูกอุ้มและยิงด้วยปืนจนตาย สร้างความเสียพระทัยหนักที่เสียสหายทรงรักถึงกับทรงโปรดให้สร้างอนุสาวรีย์ไว้หน้าพระตำหนักชาลีมงคลอาสน์ พระราชวังสนามจันทร์ จังหวัดนครปฐม ซึ่งจากเหตุการณ์นี้ ไม่สามารถดำเนินคดีเอาผิดต่อผู้กระทำได้เลยในยุคนั้น
น้องหมาหรือสุนัข นับว่าเป็นสัตว์ที่มีความใกล้ชิดกับมนุษย์มาแต่ครั้งอดีตกาล ความเฉลียวฉลาดและความซื่อสัตย์ของสุนัข เป็นที่กล่าวขานและได้รับยอมรับไปทั่วโลก จนถึงขั้นมีการนำไปเขียนเป็นนิยายหรือเรื่องสั้นที่โด่งดัง อย่างเรื่อง “มอม” ของไทย ที่ประพันธ์โดยหม่อมราชวงศ์คึกฤทธิ์ ปราโมช เนื้อเรื่องสะท้อนถึงความผูกพันและความซื่อสัตย์ที่สุนัขมีต่อคนเลี้ยง จนสามารถเรียกน้ำตาให้แก่ผู้อ่านหลายๆ คนเลยทีเดียว หรือเรื่องเล่าขานของสุนัขทหารตัวหนึ่ง ที่จะกระโจนเข้ากัดอย่างดุร้ายกับทุกคน ที่จะเข้าถึงตัวเจ้านายของมันซึ่งนอนบาดเจ็บในสนามรบเพื่อปกป้อง ไม่เว้นแม้แต่ทหารเสนารักษ์ฝ่ายเดียวกันเอง ที่จะเข้าไปช่วยเหลือท่ามกลางสถานการณ์การปะทะกันอย่างรุนแรง จนถึงขั้นต้องจำใจสังหารสุนัขตัวนั้นเพื่อแลกกับการเข้าไปช่วยเหลือทหารที่บาดเจ็บนายนั้น
กฎหมายป้องกันการทารุณกรรมและการจัดสวัสดิภาพสัตว์ พ.ศ. 2557 ที่ออกมารองรับให้ความคุ้มครองสวัสดิภาพการกระทำทารุณกรรมต่อสัตว์ และรวมถึงคำพิพากษาในคดีนี้ นอกจากเป็นอุทาหรณ์แล้ว ยังแสดงให้เห็นถึงการตระหนักและให้ความสำคัญต่อชีวิตและสวัสดิภาพของสัตว์ รวมถึงสัตว์อื่นๆ นอกจากสุนัข อันเป็นแนวปฏิบัติพื้นฐานสากลทั่วโลกเช่นเดียวกับในหลายๆ ประเทศ มิใช่แต่เฉพาะประเทศไทยเท่านั้น
อย่างเช่น ในประเทศสหรัฐอเมริกา มลรัฐคอนเนคติกัต ที่มีกฎหมายอนุญาตให้สุนัขสักเพื่อใช้ระบุตัวตนของสุนัขเวลาที่พลัดหลงกับเจ้าของ แต่ต้องแจ้งเจ้าหน้าที่ทราบด้วย หรือในมลรัฐวิสคอนซิน ที่มีระเบียบห้ามสุนัขรบกวนกระรอก ที่อยู่ในสวนสาธารณะติดกับศาลาว่าการ รวมถึงประเทศสาธารณรัฐเกาหลีใต้ ที่ถึงขนาดมีนโยบายจะออกกฎหมายรองรับสถานะทางกฎหมายให้กับสัตว์เลี้ยง และเพิ่มอัตราโทษผู้ที่กระทำทารุณกรรมสัตว์รวมทั้งผู้ที่ทิ้งสัตว์เลี้ยง
หลักความคุ้มครองชีวิตและสวัสดิภาพของสัตว์ อาจนับเป็นวิวัฒนาการในวงการนิติศาสตร์ที่นำหลักการนี้มากำหนดเป็นกฎหมาย ทำให้กิจกรรมเชิงพนันขันต่อบางอย่างที่มนุษย์ปฏิบัติต่อสัตว์อย่างไร้ความเมตตา และสร้างความสะเทือนใจต่อผู้ได้พบเห็น มีจำนวนลดลงและสร้างความตระหนักถึงความสำคัญในการมีชีวิตมากขึ้น อาทิเช่น กิจกรรมการล่าสัตว์เพื่อความบันเทิง หรือการนำสุนัขสายพันธุ์แข็งแกร่งที่ผ่านการเพาะเลี้ยงและฝึกฝนมาแข่งขันต่อสู้กัดจนเสียชีวิตโดยอ้างเป็นการทดสอบเฟ้นหาสายพันธุ์แกร่งสุด หรือแม้แต่การการุณยฆาตสุนัขสงครามต้องปลดประจำการ เพราะไม่สามารถควบคุมความดุร้ายได้อันเป็นผลมาจากการปฏิบัติหน้าที่ ที่อาจต้องกำหนดมาตรการที่ตระหนักถึงความสำคัญในการมีชีวิตมากขึ้น
ยังมีผู้คนอีกเป็นจำนวนมาก เข้าใจผิดว่า การกลั่นแกล้งสัตว์เพื่อความสนุกสนาน ไม่เป็นความผิดเพราะไม่มีกฎหมายรองรับ แต่ความจริงแล้วอาจต้องรับโทษใกล้เคียงกับการทำร้ายบุคคลธรรมดาด้วยซ้ำ
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี