nn หลังจากคณะกรรมการนโยบายการเงิน(กนง.) มีมติให้ปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยนโยบาย 0.25% ต่อปี จาก 2.25% เป็น 2.50% ต่อปี…ธนาคารพาณิชย์ทุกแห่งรวมทั้งธนาคารของรัฐเกือบทุกแห่ง...ก็ทยอยปรับขึ้นอัตราดอกเบี้ยทั้งเงินกู้และเงินฝากตามเป็นขบวน....!! แต่สำหรับคนนี้โลกต้องจำ...มิใช่ใครที่ไหน…ดร.รักษ์ วรกิจโภคาทร กรรมการผู้จัดการ ธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (EXIM BANK)…นั่นเองเพราะเขายืนยันที่จะตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ในอัตรา Prime Rate 6.75% ต่อปี จนถึงสิ้นปี 2566 เพื่อเป็นการช่วยเหลือและแบ่งเบาภาระผู้ประกอบธุรกิจการค้าและการลงทุนระหว่างประเทศ โดยเฉพาะ SMEs ในช่วงที่เศรษฐกิจกำลังฟื้นตัว...เขาย้ำว่า...EXIM BANK ในฐานะสถาบันการเงินเฉพาะกิจของรัฐ มุ่งมั่นดำเนินบทบาทธนาคารเพื่อการพัฒนาแห่งประเทศไทย (Thailand Development Bank) ยืนยันจุดยืนช่วยเหลือลูกค้าทั่วไป และผู้ประกอบการ SMEs ด้วยการตรึงอัตราดอกเบี้ยเงินกู้ รวมทั้งเดินหน้าพัฒนาผลิตภัณฑ์และเครื่องมือทางการเงินเพื่อเสริมสภาพคล่องให้ภาคธุรกิจสามารถเริ่มต้นหรือขยายธุรกิจสู่ตลาดโลกได้ สร้างรายได้ กระตุ้นการจ้างงาน ขับเคลื่อนการเติบโตทางเศรษฐกิจของชุมชนและประเทศไทย ตลอดจนต่อยอดการพัฒนาอย่างยั่งยืน ท่ามกลางภาวะเศรษฐกิจที่ผันผวนและภาวะดอกเบี้ยขาขึ้น….!! ใครเป็นลูกค้า EXIM BANK….ก็จะ“ฮีลใจ”กันไปแบบนี้ล่ะพี่น้อง...
nn เริ่มแล้วมหกรรมพักหนี้เกษตรกรรายย่อย 3 ปี (ภาคสมัครใจ)...ซึ่งการนี้รัฐบาลจะใช้งบประมาณ รวมกว่า 3 หมื่นล้านบาท...เพื่อชดเชยดอกเบี้ยให้กับธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.)...ตลอดระยะเวลาโครงการ...ซึ่งการนี้ลูกค้าของ ธ.ก.ส.ที่เข้าเกณฑ์มีประมาณ 2.8 ล้านราย...ซึ่งถ้านับจำนวนรายก็คิดเป็น 60% ของพอร์ต..แต่หากนับจากยอดสินเชื่อก็คิดเป็นประมาณ 20% ของพอร์ต...คุณฉัตรชัย ศิริไล ผู้จัดการ ธ.ก.ส. ....ยืนยันว่าการพักหนี้ครั้งนี้ต่างจาก 13 ครั้งที่ผ่านมา(ตลอด 9 ปี)...เพราะครั้งนี้เป็นแบบสมัครใจลูกค้าที่เข้ามาแบงก์จะรู้จักและเห็นตัวตนลูกค้า ทำให้ช่วยตรวจสุขภาพทางการเงินให้ลูกค้าได้ และช่วยพัฒนาการผลิตลูกค้าได้ ที่สำคัญระหว่างอยู่ในโครงการหากลูกค้ามีวินัยทางการเงินดีพอมีรายได้ดีขึ้น และชำระเงินกู้เข้ามา..เงินนั้นก็จะนำไปตัดเงินต้น 100% ดังนั้นเมื่อออกจากโครงการลูกค้าก็จะมีภาระหนี้ที่ลดลง...!! ถึงตรงนี้...แวดวงการเงิน...มีนิดเดียวที่พูดถึง...พี่น้องเกษตรกรไทย...ไม่ได้มีหนี้สินเฉพาะกับ ธ.ก.ส.อย่างเดียว...หนี้ค่าเช่านา ค่าปุ๋ย ค่ายาปราบศัตรูพืช ฯลฯ และหนี้ที่ก่อไว้จากเงินกู้นอกระบบอีกเพียบ...อันนี้แหละที่แม้จะอยู่ในช่วงพักหนี้แต่ภาระอื่นก็จ่อคอหอยอยู่ทุกวัน...ซ้ำราคาผลผลิตก็เอาแน่เอานอนไม่ได้...ผลิตแก่สินคาแบบเดิมที่ไม่ได้มีการเพิ่มมูลค่า...และในภาวะที่ปัญหาสภาพแวดล้อมที่รุนแรงขึ้นความเสียหายที่เกิดขึ้นผลผลิตก็ยากจะคาดเดา...!! รัฐบาล...เข้าไปช่วยพวกเขาในเรื่องเหล่านี้ด้วยก็จะดี...จะเป็นการแก้ปัญหาแบบยั่งยืน...nn
อนันตเดช พงษ์พันธุ์
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี