เมื่อวันที่ 3 ตุลาคม พ.ศ. 2566 ที่ผ่านมา ได้เกิดเหตุกราดยิงที่ศูนย์การค้าสยามพารากอน เขตปทุมวัน กรุงเทพมหานครโดยผู้ก่อเหตุสะเทือนขวัญเป็นเด็กชายอายุเพียง 14 ปี ใช้ปืน แบลงค์กันดัดแปลง กราดยิงภายในศูนย์การค้าสยามพารากอน เป็นผลให้มีผู้เสียชีวิต 2 ราย โดยเสียชีวิตทันที 1 ราย และเสียชีวิตที่โรงพยาบาล 1 ราย และได้รับบาดเจ็บอีก 5 ราย
ตามกฎหมายอาญาไทย เด็กอายุ 14 ทำความผิด มีโทษ แต่ได้รับการยกเว้นโทษ โดยประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 74 บัญญัติว่า เด็กอายุกว่า 12 ปีแต่ยังไม่เกิน 15 ปี กระทำการอันกฎหมายบัญญัติเป็นความผิด เด็กนั้นไม่ต้องรับโทษแต่ให้ศาลมีอำนาจที่จะดำเนินการดังต่อไปนี้
(1) ว่ากล่าวตักเตือนเด็กนั้นแล้วปล่อยตัวไป และถ้าศาลเห็นสมควรจะเรียกบิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่มาตักเตือนด้วยก็ได้
(2) ถ้าศาลเห็นว่าบิดา มารดา หรือผู้ปกครองสามารถดูแลเด็กนั้นได้ ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้นให้แก่บิดา มารดา หรือผู้ปกครองไป โดยวางข้อกำหนดให้บิดา มารดา หรือผู้ปกครองระวังเด็กนั้น ไม่ให้ก่อเหตุร้ายตลอดเวลาที่ศาลกำหนด ซึ่งต้องไม่เกิน 3 ปี และกำหนดจำนวนเงินตามที่เห็นสมควร ซึ่งบิดา มารดา หรือผู้ปกครองจะต้องชำระต่อศาลไม่เกินครั้งละ 10,000 บาท ในเมื่อเด็กนั้นก่อเหตุร้ายขึ้น แต่ถ้าเด็กนั้นอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครองและศาลเห็นว่าไม่สมควรจะเรียกบิดา มารดา หรือผู้ปกครองมาวางข้อกำหนดดังกล่าวข้างต้น ศาลจะเรียกตัวบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ มาสอบถามว่า จะยอมรับข้อกำหนดทำนองที่บัญญัติไว้สำหรับบิดา มารดา หรือผู้ปกครองดังกล่าวมาข้างต้นหรือไม่ก็ได้ ถ้าบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ยอมรับข้อกำหนดเช่นว่านั้น ก็ให้ศาลมีคำสั่งมอบตัวเด็กให้แก่บุคคลนั้นไปโดยวางข้อกำหนดดังกล่าว
(3) ส่งตัวเด็กนั้นไปยังสถานศึกษาหรือสถานฝึกและอบรม หรือสถานแนะนำทางจิต หรือสถานที่ซึ่งจัดตั้งขึ้น เพื่อฝึกและอบรมเด็ก ตลอดระยะเวลาที่ศาลกำหนด แต่ไม่ให้เกินกว่าวันที่เด็กนั้นจะมีอายุครบ 18 ปี
ในกรณีที่ศาลมอบตัวเด็กให้แก่บิดา มารดา ผู้ปกครอง หรือบุคคลที่เด็กนั้นอาศัยอยู่ตาม (2) ข้างต้นศาลจะกำหนดเงื่อนไขเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้นก็ได้ ในกรณีเช่นว่านี้ให้ศาลแต่งตั้งพนักงานคุมประพฤติหรือพนักงานอื่นใดเพื่อคุมความประพฤติเด็กนั้น
ในกรณีที่เด็กนั้นไม่มีบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง หรือมีแต่ศาลเห็นว่าไม่สามารถดูแลเด็กนั้นได้ หรือในกรณีที่เด็กอาศัยอยู่กับบุคคลอื่นนอกจากบิดา มารดา หรือผู้ปกครอง และบุคคลนั้นไม่ยอมรับข้อกำหนดดังกล่าวใน (2) ศาลจะมีคำสั่งให้มอบตัวเด็กนั้น ให้อยู่กับบุคคลหรือองค์การที่ศาลเห็นสมควร เพื่อดูแล อบรม และสั่งสอนตามระยะเวลาที่ศาลกำหนดก็ได้ ในเมื่อบุคคลหรือองค์การนั้นยินยอม
คำสั่งของศาลดังกล่าวใน (2) (3) วรรคสอง และวรรคสามนั้น ถ้าในขณะใดภายในระยะเวลาที่ศาลกำหนดไว้ ความปรากฏแก่ศาลโดยศาลรู้เอง หรือตามคำเสนอของผู้มีส่วนได้เสีย พนักงานอัยการ หรือบุคคลหรือองค์การที่ศาลมอบตัวเด็กเพื่อดูแล อบรม และสั่งสอน หรือเจ้าพนักงานว่า พฤติการณ์เกี่ยวกับคำสั่งนั้นได้เปลี่ยนแปลงไป ก็ให้ศาลมีอำนาจเปลี่ยนแปลงแก้ไขคำสั่งนั้นหรือมีคำสั่งใหม่
จะเห็นว่าตามประมวลกฎหมายอาญาได้กำหนดมาตรการควบคุมไว้ส่วนหนึ่ง นอกจากนี้ยังมีพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 ที่กำหนดให้ บิดามารดาของเด็กต้องร่วมรับผิด ต่อความผิดที่เกิดขึ้น และมีโทษทางอาญา ซึ่งกฎหมายกำหนดเป็นมาตราการลงโทษโดย เจตนารมณ์ของกฎหมายนี้ ถือว่า พ่อแม่ต้องมีหน้าที่คอย สอดส่องดูแลบุตร ลูกหลาน ที่เป็นเด็กและเยาวชน ที่อยู่ในปกครอง จะอ้างว่า ไม่มีส่วนรู้เห็นในความผิดที่เกิดขึ้น และไม่ต้องรับผิดชอบด้วยไม่ได้
จากเหตุการณ์นี้ได้มีนักกฎหมายให้ความเห็นว่า มีข้อยกเว้นที่สามารถนำเด็กและเยาวชน ที่กระทำความผิดขึ้นศาลผู้ใหญ่ (ศาลอาญา) ได้ ที่เห็นว่า ในพระราชบัญญัติศาลเยาวชนและครอบครัวและวิธีพิจารณาคดีเยาวชนและครอบครัว พ.ศ.2553 เป็นกฎหมายเปิดช่องให้สามารถ
โอนคดี จากศาลเยาวชนและครอบครัว ไปพิจารณาในศาลที่มีอำนาจพิจารณาคดีธรรมดาได้ หากพบว่าเยาวชนที่ก่อเหตุมีสภาพร่างกายและจิตใจโตเกินวัย (พ.ร.บ.ศาลเยาวชนและครอบครัวฯ มาตรา 97 วรรค 2) น่าจะเป็นในเรื่องของการพิจารณาคดีเท่านั้น แต่ไม่เป็นเหตุให้ต้องรับโทษแบบผู้ใหญ่
ส่วนทางแพ่ง บิดามารดาในฐานะผู้ปกครอง ต้องรับผิดในความเสียหายที่เกิดขึ้นในเรื่องละเมิด ตามประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ มาตรา 429 ซึ่งเป็นความเสียหายโดยตรงที่ทำให้ผู้อื่นถึงแก่ความตายและได้รับบาดเจ็บ ทั้งที่ในความเป็นจริงพ่อแม่อาจไม่มีความสามารถชดใช้ค่าเสียหายได้ทั้งหมดก็ตาม
นอกจากนี้ยังมีความเสียหายทางอ้อมอีก ที่แม้พ่อแม่ไม่ต้องรับผิดชอบ แต่ย่อมสามารถรับรู้และตระหนักได้ คือ ผลกระทบด้านการท่องเที่ยว ที่นักท่องเที่ยวต่างประเทศ อาจมีความรู้สึกไม่ปลอดภัย และยกเลิกการเดินทางมาท่องเที่ยว ทำให้รายได้จากนักท่องเที่ยวเข้าประเทศลดน้อยลง จากที่ประมาณการไว้ ทั้งที่รัฐบาลพยายามส่งเสริมและเศรษฐกิจเริ่มฟื้นตัว โดยการให้ฟรีวีซ่า แก่ชาวจีน และชาวคาซัคสถานและประเทศอื่นๆ อีกราว 80 ประเทศ ที่เพียงถือหนังสือเดินทางเข้ามาในราชอาญาจักรไทยก็จะได้สิทธิพำนักเป็นเวลา 30 วัน
แม้จะมีเรื่องที่ไม่ดีเกิดขึ้น แต่ยังมีเรื่องที่ดี เกิดขึ้นตามมาคือ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว รัชกาลที่ 10 ทรงพระกรุณารับผู้ได้รับการบาดเจ็บจากเหตุการณ์นี้อยู่ในพระบรมราชานุเคราะห์ซึ่งหมายความว่าพระองค์ท่านทรงช่วยออกค่ารักษาพยาบาลให้นอกจากนี้ ศูนย์การค้าพารากอนได้ประกาศ ให้เงินช่วยเหลือแก่ญาติผู้เสียชีวิตรายละ 10 ล้านบาท และผู้ได้รับบาดเจ็บรายละ300,000 บาท ส่วนรัฐบาลได้ให้ความช่วยเหลือเช่นกันแก่ญาติผู้เสียชีวิต เป็นจำนวนสูงสุดที่กำหนดไว้ตามกฎหมายคือ 200,000 บาท
เมื่อย้อนไปถึงเหตุการณ์กราดยิงผู้คนที่ศูนย์การค้าจังหวัดนครราชสีมา ภายในห้างสรรพสินค้าเทอร์มินอล 21โคราช, เหตุการณ์กราดยิงภายในร้านทอง ในห้างโรบินสัน ลพบุรี และเหตุกราดยิงที่ อุบลราชธานี บริเวณลานตลาดอุบลสแควร์ ณ ห้างสรรพสินค้าบิ๊กซี และรวมถึงกรณีล่าสุดนี้ เป็นครั้งที่ 4 บรรดาห้างร้านขนาดใหญ่ และศูนย์การค้า น่าจะมีความตระหนักถึงความปลอดภัยแก่ลูกค้าที่มาใช้บริการ มากกว่านี้ เช่น ตรวจกระเป๋าของผู้ที่เข้ามาใช้บริการในสถานที่ หรือควรจะมีเครื่องสแกนเอกซเรย์ ที่ใช้กับห้างขนาดใหญ่ และศูนย์การค้าแบบในต่างประเทศ (คล้ายกับสนามบิน) หากมีความระมัดระวังเช่นนี้ คงไม่เกิดความเสียหายและสูญเสียอย่างกรณีล่าสุดที่ศูนย์การค้าพารากอนนี้ แต่เมื่อเกิดขึ้นแล้ว ไม่ควรให้เกิดครั้งที่ห้า และครั้งหกอีกต่อไป
ประเทศไทยที่เคยมีแต่รอยยิ้ม และถ้อยทีถ้อยอาศัยกัน การใช้ชีวิตของคนไทยคงไม่เหมือนเดิมอีกต่อไป
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี