วันอาทิตย์ ที่ 9 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
กรณีรถบรรทุกสีน้ำเงิน รูปร่างคล้ายหุ่นยนต์มิราจในภาพยนตร์เรื่องทรานส์ฟอร์เมอร์ส ซึ่งบนหน้ากระจกรถติดสติ๊กเกอร์รูปดาวสีเขียว มีอักษรภาษาอังกฤษตัว B อยู่กึ่งกลาง ร่วงตกลงไปในหลุมขนาดใหญ่กลางถนนสุขุมวิทเกือบทั้งคัน ขณะแล่นผ่านมาตามปกติ ไร้ร่องรอยต้นเหตุจาก “แผ่นดินไหว” มีผู้บาดเจ็บถึง 2 รายจากเหตุการณ์ เมื่อเร็วๆ นี้
เหตุที่เกิดขึ้นเป็นกระแสวิพากษ์วิจารณ์เผ็ดร้อนในเครือข่ายสังคมออนไลน์ หลายคนพยายามช่วยหาสาเหตุและผู้รับผิดชอบความเสียหาย (ล่วงหน้าก่อนเข้าสู่กระบวนการยุติธรรม) จากเหตุที่เกิดขึ้นในพื้นที่เขตก่อสร้างอุโมงค์ร้อยสายไฟฟ้าของการไฟฟ้านครหลาง (กฟน.) บนท้องที่ในความดูแลของสำนักงานเขตพระโขนง หน่วยงานในสังกัดกทม. และสถานีตำรวจนครบาลพระโขนง ซึ่งมีอำนาจหน้าที่ควบคุมดูแลและตรวจตรา
ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบความเสียหายครั้งนี้ ในฐานะเป็น ผู้กระทำละเมิด ตามมาตรา 420 แห่ง ประมวลกฎหมายแพ่งและพาณิชย์ อาจเป็น กรุงเทพมหานคร (กทม.) ที่อาจจะก่อสร้างพื้นถนนไม่ได้มาตรฐานรับน้ำหนักรถบรรทุกไม่ไหว อ้างอิงตามแนวคำพิพากษาศาลปกครองสูงสุดที่อ.622/2558 หรือเจ้าของกิจการรถบรรทุกขนส่ง (ที่อาจใช้รถบรรทุกน้ำหนักเกินอัตราควบคุม) ส่วนการมีความสัมพันธ์เกี่ยวโยงกับความหมายของสติ๊กเกอร์ดาวสีเขียว ที่ติดอยู่หน้ากระจก อาจมิใช่ประเด็นเกี่ยวข้องโดยตรงกับเหตุการณ์ หรือจะเป็น การไฟฟ้านครหลวง (กฟน.) ที่ขุดผิวจราจรบริเวณนั้น เพื่อสร้างอุโมงค์ท่อร้อยสายเพื่อเก็บบรรดาสายที่พันกันยุ่งเหยิงลงสู่ใต้ดิน โดยปราศจากมาตรการความปลอดภัยในขณะก่อสร้างหรือปราศจากมาตรฐานงานก่อสร้างหลังก่อสร้างเสร็จแล้ว
จากข้อมูลงบประมาณของ กทม. ปี 2516-2565 สำนักการโยธาเป็นหน่วยงานที่ได้รับงบฯ มากที่สุด สูงถึง 173,497,685,168 บาท โดยสำนักการโยธาจะมีแผนงาน
พัฒนาการโยธาและระบบจราจร ที่ดูแลการก่อสร้างและปรับปรุงถนนในกรุงเทพฯ (ข้อมูลจากสำนักงานโยธา และข้อบัญญัติงบประมาณ 50 เขต ปี 2564 และแผนพัฒนากรุงเทพมหานคร ระยะ 20 ปี (พ.ศ. 2556-2575) ทำให้กทม.ถูกตั้งข้อสังเกตในประเด็นดังกล่าวนี้อย่างไม่อาจหลีกเลี่ยงได้
ทั้งที่ในความเป็นจริง กทม.ต้องแบกภาระความรับผิดชอบงานด้าน ถนน และซอยและทางเท้าทั่วทั้งกรุงเทพฯ แยกตามหน่วยงานรับผิดชอบ 3 ฝ่าย คือ สำนักการโยธา กทม., สำนักงานเขต, และหน่วยงานอื่นที่ไม่ได้สังกัดกทม. แต่เข้าร่วมดูแลรับผิดชอบ อย่างเช่น กรมทางหลวง การทางพิเศษแห่งประเทศไทย การรถไฟแห่งประเทศไทย ไปจนถึงหน่วยงานทางทหาร
กทม. ต้องรับภาระด้านการต้องรักษาภาพลักษณ์การเป็นเมืองส่งเสริมการท่องเที่ยว ภาระความยืดหยุ่นแก่ประชาชนผู้อาศัยใช้เป็นแหล่งประกอบอาชีพสุจริต
บนทางเท้าบางท้องที่ บางเวลา แบกภาระการบริหารงานดูแลความรับผิดชอบที่ต้องผ่านการประสานงานร่วมกับหน่วยงานที่มีอำนาจหน้าที่รับผิดชอบโดยตรง รวมถึงปัญหาด้านการประสบการณ์ (ควบคุมดูแลด้านนี้) ของเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานในสังกัดขึ้นตรงกับกทม.เอง (อาทิ เจ้าหน้าที่เทศกิจ) จึงเป็นอุปสรรคที่ กทม.ใช้ความพยายามฝ่าฟันแก้ปัญหาที่มิอาจหลีกเลี่ยงได้มาโดยตลอด จึงมีความพยายามที่จะนำมาตรการทางภาษีการขนส่งมาใช้เพื่อช่วยแบ่งเบางบประมาณ รวมถึงการนำเทคโนโลยีมาช่วยตรวจจับหาสาเหตุความบกพร่องในความรับผิดชอบเช่น เครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน ขณะรถวิ่งผ่าน(Bridge Weight Motion) และเทคโนโลยี AI การสแกนพื้นทางวิศวกรรมด้วย GPR (Ground Penetration Radar) เพื่อตรวจสอบความหนาแน่นของเนื้อดิน/หิน จากการก่อสร้างถนนและทางเท้าในขั้นตอนการตรวจรับงานก่อสร้างในกทม. เพื่อแก้ไขปัญหาจุดอ่อนในเรื่องพื้นดินทรุดจากชั้นดินต่างๆ โดยจะนำไปขยายผลและหารือกับผู้ก่อสร้างเพื่อแก้ไขความเสี่ยงที่จะเกิดขึ้น
แม้เทคโนโลยีเครื่องตรวจจับน้ำหนักใต้สะพาน (Bridge Weight Motion) ซึ่งมีทีท่าจะเข้ามาเป็น“ผู้ชี้ขาด” คลายปัญหาข้อถกเถียงแก่ทุกฝ่าย เพราะเมื่อวิเคราะห์จากข้อมูลประวัติน้ำหนักของรถบรรทุกคันนี้โดยคำนวณแบบวิศวกรรมย้อนกลับ (เพราะคนขับรถบรรทุกไม่ให้ความร่วมมือในการ คำนวณและช่างน้ำหนักรถ)ค่าน้ำหนักรถบรรทุกตอนเกิดเหตุอยู่ที่ 37.45 ตัน ทั้งที่เป็นรถบรรทุกขนาดไม่เกิน 10 ล้อ จะได้รับอนุญาตให้บรรทุกได้เพียง 25 ตัน เท่านั้น ขณะเดียวกันกับที่ กฟน.แถลงยืนยันว่า แผ่นฝาปิดอุโมงค์ร้อยสายไฟฟ้าบริเวณดังกล่าวรับน้ำได้เพียง 28 ตัน
หากเจ้าของกิจการรถบรรทุก ฝ่าฝืนต้องถูกดำเนินคดีและถูกลงโทษทางอาญา ตามมาตรา 73/2 แห่งพระราชบัญญัติทางหลวง พ.ศ.2535 (ผู้ใดฝ่าฝืนประกาศของผู้อำนวยการทางหลวงตาม ตามมาตรา 61 วรรค 1 ต้องมีโทษ จำคุกไม่เกิน 6 เดือนหรือปรับ 1 หมื่นบาท หรือทั้งจำทั้งปรับ)
ปัญหาที่เกิดขึ้นคือ ผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครได้ออกมายอมรับว่า ในอดีตที่ผ่านมา กทม. ไม่เคยชั่งน้ำหนักรถบรรทุกที่วิ่งในพื้นที่ กทม. และจะเริ่ม ตรวจสอบน้ำหนักรถบรรทุกสถานที่ก่อสร้าง ซึ่งถือเป็นจุดเริ่มต้น
ขณะเดียวกัน เจ้าหน้าที่ตำรวจ ได้แถลงว่า ตำรวจจะดูแลเฉพาะในเรื่อง ที่รถบรรทุกวิ่งเกินกำหนดระยะเวลาตามกฎหมายหรือไม่
นับว่าเป็นเรื่องที่ดี ที่มีการเริ่มต้นเพื่อแบ่งหน้าที่ระหว่าง เจ้าหน้าที่ผู้รับผิดชอบให้ชัดเจน ซึ่งดีกว่าไม่ได้เริ่ม
กรณีที่เกิดขึ้นสะท้อนให้เห็นว่า เป็นไปตามสุภาษิตไทยโบราณ “วัวหาย ล้อมคอก”

เช็กเสียง‘คนเหนือ’! วันนี้หนุน‘พรรคการเมือง’ไหน เชียร์ใครนั่งเก้าอี้‘นายกรัฐมนตรี’
คุยกัน 7 วันหน : เมื่อรีพับลิกันถูกน็อค ฝ่ายซ้ายแจ้งเกิดสนามเลือกตั้งสหรัฐฯ
‘พระโกศและโกศ’ สัญลักษณ์แห่งเกียรติยศและความเคารพในวัฒนธรรมไทย
‘แม่ทัพกุ้ง’แฉ! คำสั่งหยุดรบเขมร 6 ชม. หลังเปิดฉากปะทะ (ชมคลิป)
‘ทั่วไทย’ฝนกระหน่ำ อุตุฯเตือน‘7 จว.ภาคเหนือ’ตกหนัก ระวังน้ำท่วมฉับพลัน-น้ำป่าหลาก

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี