วันศุกร์ ที่ 28 พฤศจิกายน พ.ศ. 2568
คำแถลงของรองนายกรัฐมนตรี เอกนิติ นิติทัณฑ์ประภาศ ต่อสื่อที่ว่า จะปรับขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT จากปัจจุบัน 7% เป็น 8.5% ในปี 2571 และเป็น 10% ปี ในปี 2573 หากช่วงเวลาดังกล่าว เศรษฐกิจไทยโตเต็มศักยภาพแล้ว
คำแถลงนี้ ได้สร้างแรงกระเพื่อมให้แก่ประชาชนและผู้ประกอบการเป็นอย่างมาก แม้การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่ม จะต้องอยู่ภายใต้เงื่อนไขที่ว่าเศรษฐกิจไทยโตเต็มศักยภาพแล้วก็ตาม แต่ทันทีที่คนทั่วไปได้รับทราบคำแถลง จะรู้สึกตกอกตกใจ เพราะเศรษฐกิจปัจจุบันยังอยู่ในช่วงขาลง แม้การขึ้นภาษีมูลค่าเพิ่มจะมีเงื่อนไขที่ว่าเศรษฐกิจต้องดีแล้วก็ตาม
ประเทศไทยเริ่มใช้ระบบภาษีมูลค่าเพิ่ม หรือ VAT เมื่อปี 2535 ระยะเริ่มแรก เรียกเก็บในอัตรา 10% แต่ในปี 2540 คณะรัฐบาลยุคนั้นได้ออกพระราชกฤษฎีกา ลดอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มเหลือเพียง 7% เพราะเป็นช่วงเศรษฐกิจไม่ดี และเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตรา 7% มาจนถึงปัจจุบัน
หากเปรียบเทียบอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยกับประเทศเพื่อนบ้าน จะเห็นว่าอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มของประเทศไทยถือว่าไม่สูง เพียงแค่ 7% และถือว่าเป็นอัตราที่ต่ำเป็นอันดับที่ 6 ของโลก
ในขณะที่ประเทศเพื่อนบ้านเรียกเก็บภาษีมูลค่าเพิ่มในอัตราที่สูงกว่า เช่น ประเทศสิงคโปร์ 9% ประเทศเวียดนาม 10% ประเทศอินโดนีเซีย 12%
คำแถลงของรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง ดังกล่าว ทำให้เกิดข้อสังเกต และนัยทางการเมืองหลายประการ เพราะรัฐบาลชุดปัจจุบันถือเป็นเพียงรัฐบาลเฉพาะกิจชั่วคราว ที่มีอายุอยู่เพียงแค่สิ้นเดือนมกราคม 2569 หรืออาจสั้นกว่านั้น หากมีเหตุการณ์ทางการเมืองเกิดขึ้น เช่น พรรคฝ่ายค้านยื่นญัตติขออภิปรายไม่ไว้วางใจ แบบออกเสียงลงคะแนน นายกรัฐมนตรี อนุทิน ชาญวีรกูล ได้แสดงท่าทีออกมาชัดเจนว่า จะยุบสภาก่อนกำหนดที่ทำบันทึกข้อตกลง MOA ไว้กับพรรคประชาชน โดยจะใช้สิทธิยุบสภาภายในเดือนธันวาคม 2568 ซึ่งยังไม่ทันได้เริ่มดำเนินการแก้ไข รัฐธรรมนูญตามที่ได้ตกลงกัน
แต่เพราะเหตุใด รองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง จึงได้แถลงเกี่ยวกับนโยบายภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคตอีกหลายปี และไม่มีใครตอบได้ว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะได้กลับมาบริหารประเทศอีกหรือไม่
นัยทางการเมือง ประการแรก ตัวรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง มีความมั่นใจว่า รัฐบาลชุดปัจจุบันจะได้กลับมาบริหารประเทศอีกระยะยาว และตัวท่านเองจะมีโอกาสมารับผิดชอบงานทางด้านเศรษฐกิจในระยะยาวอีกครั้ง
ประการที่สอง ตัวรองนายกรัฐมนตรี และรัฐมนตรีคลัง ยังถือว่า อ่อนพรรษาทางการเมือง ซึ่งต้องเห็นใจท่าน เพราะแม้จะโดดเด่นที่เติบโตมาจากสายข้าราชการประจำกระทรวงการคลัง แต่ยังขาดประสบการณ์ทางการเมือง โดยเฉพาะในการแถลงขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งเป็นเรื่องในอนาคต ในขณะที่เศรษฐกิจปัจจุบันไม่ดี ถือว่า พูดผิดที่ ผิดเวลา ในเรื่องที่ละเอียดอ่อน และกระทบต่อความรู้สึกของประชาชน ตลอดจนฐานเสียงของพรรคการเมืองที่เป็นพรรคหลักในการจัดตั้งรัฐบาลชั่วคราวชุดปัจจุบัน
ประการที่สาม นายกรัฐมนตรีคนปัจจุบัน ต้องถือว่า มีความเก๋า และประสบการณ์ทางการเมืองเพราะเมื่อมีคำแถลงเกี่ยวกับการขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่มในอนาคต นายกรัฐมนตรีได้ให้สัมภาษณ์สวนกลับทันที ในทำนองว่า หากผมยังอยู่ในตำแหน่ง จะไม่ขึ้นอัตราภาษีมูลค่าเพิ่ม ซึ่งถือว่า เป็นการแก้เกมที่ก้าวพลาดทางการเมือง และทันเกมพอสมควร
แม้มีเสียงสนับสนุนและชื่นชมผลงานของรัฐบาลปัจจุบัน ที่เอาโครงการคนละครึ่ง สมัยรัฐบาล พลเอกประยุทธ์ จันทร์โอชา มาปัดฝุ่นเป็นโครงการคนละครึ่ง พลัส ต้องถือว่า โครงการนี้ ไม่ได้ริเริ่มมาจากรัฐบาลชุดปัจจุบัน แต่มีความกล้าหาญ ที่นำโครงการของรัฐบาลอื่น ที่ผ่านมา ที่ดีมีประโยชน์ นำมาปัดฝุ่นมาใช้อีก โดยแก้ไขให้เหมาะกับยุคสมัย
แต่เมื่อมีวิกฤตการณ์จากน้ำท่วมภาคใต้ โดยเฉพาะที่หาดใหญ่ จังหวัดสงขลา แม้เจ้าหน้าที่ทุกภาคจะระดมช่วยเหลืออย่างเต็มความสามารถ แต่ไม่สามารถช่วยเหลือได้อย่างทั่วถึงในทันที เพราะเป็นภัยธรรมชาติ และมีประชาชนที่ประสบภัยเป็นจำนวนมาก ทำให้ผู้ที่ได้รับความเดือดร้อนบางส่วนเริ่มรู้สึกว่ารัฐบาลทำงานช้าเกินไป คะแนนนิยมของรัฐบาลเริ่มแผ่วลงอย่างเห็นได้ชัด แม้จะได้รับความชื่นชมเป็นอย่างมากในช่วงเดือนที่ผ่านมา
ต้องติดตามดูต่อไปว่า รัฐบาลชุดปัจจุบัน จะได้มีโอกาสกลับมาบริหารประเทศอีกครั้งหลังเลือกตั้งใหม่ เหมือนอย่างที่ได้แถลงนโยบายภาษีมูลค่าเพิ่มล่วงหน้าไว้หรือไม่
ดร.รุจิระ บุนนาค
กรรมการผู้จัดการ
Marut Bunnag International Law Office
rujira_bunnag@yahoo.com
Twitter : @RujiraBunnag

ด่วน! กรมการปกครอง มีคำสั่งให้ นายอำเภอหาดใหญ่ ออกจากราชการไว้ก่อน
'รมว.ยุติธรรม' เผยผู้แทนจีนขอบคุณไทยส่งตัวผู้ร้ายข้ามแดน
ราชทัณฑ์ แจงปมภาพถ่ายครอบครัว'ทักษิณ' ชี้โครงการ เยี่ยมญาติใกล้ชิด จัดมาแล้วหลายปี
จูน กษมาโพสต์ภาพสุดสะเทือนใจ นั่งเฝ้าร่างไร้วิญญาณคุณลุง เหยื่อน้ำท่วมหาดใหญ่
ทบ. ย้ำชัด กัมพูชาบิดเบือนข้อเท็จจริง ต่อคณะทูต-องค์กรนานาชาติ

เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี