nn แม้ว่าหลายสำนักวิจัยและภาคเอกชนหลายๆ กลุ่มจะมองว่า สำหรับเศรษฐกิจไทยปี 2567 มีแนวโน้มฟื้นตัวมากขึ้นกว่าปี 2566โดยมีปัจจัยบวกมาจากแนวโน้มการฟื้นตัวของภาคการท่องเที่ยว โดยคาดหวังว่านักท่องเที่ยวต่างชาติทั้งปีจำนวน 33-35 ล้านคน พร้อมทั้งได้แรงหนุนจากนโยบายการคลัง ที่ออกมากระตุ้นเศรษฐกิจในรูปแบบต่างๆ ขณะที่ภาคการส่งออกน่าจะพลิกกลับมาเป็นบวกได้จากแนวโน้มการฟื้นตัวของเศรษฐกิจคู่ค้าซึ่งก็จะส่งผลไปยังภาคการผลิตของเอกชนให้ฟื้นตัวขึ้นด้วย
ทั้งนี้ ก็ไม่ได้หมายความว่าหนทางของเศรษฐกิจไทยจะโรยด้วยกลีบกุหลาบ เพราะมีปัจจัยเสี่ยงที่รอที่เหนี่ยวรั้งการขยายตัวของเศรษฐกิจไทยอยู่อีกหลายปัจจัย เช่น ความไม่แน่นอนของเศรษฐกิจโลกที่อาจจะชะลอตัว รวมทั้งปัญหาสงครามรัสเซีย ยูเครน และอิสราเอลกับปาเลสไตน์ที่ยังไม่มีความชัดเจนว่าจะจบลงอย่างไร ซึ่งจะยังคงเป็นแรงกดดันเศรษฐกิจของโลก
นอกจากนี้ ยังมีปัจจัยความเปราะบางในประเทศอีกด้วย เช่น ปัญหาหนี้ครัวเรือน ซึ่งแน่นอนว่าจะกดทับกำลังซื้อในประเทศอยู่ไม่น้อย พร้อมกับความสามารถในการชำระหนี้ของภาคธุรกิจ โดยเฉพาะ SMEs ที่ดูเหมือนยังคงอ่อนแอ และความสามารถในการเข้าถึงสินเชื่อในระบบของหลายภาคส่วน ซึ่งส่วนหนึ่งเป็นผลมาจากการเริ่มใช้มาตรการการปล่อยสินเชื่ออย่างมีความรับผิดชอบของธนาคารแห่งประเทศไทย (ธปท.) ที่เน้นเรื่องวินัยการไม่สร้างหนี้เกินกำลัง
ขณะที่สถานการณ์การก้าวเข้าสู่สังคมสูงวัยของไทย ซึ่งส่งผลต่อการเพิ่มภาระในการดูแลของภาครัฐ และส่งผลต่อปริมาณของประชากรวัยทำงานที่ลดลง อีกเรื่องที่ต้องให้ความสำคัญคือ ปัญหาน้ำท่วมน้ำแล้งที่อาจเกิดขึ้นเร็วและยาวนานกว่าแต่ก่อน ซึ่งจะกระทบต่อภาคการเกษตรอย่างรุนแรงและขยายวงกว้างมากขึ้น
นอกจากนี้ ราคาค่าไฟฟ้าที่ว่าเป็นต้นทุนสำคัญของภาคการผลิตและอุตสาหกรรมต่างๆ ในเมื่อค่าไฟฟ้าสูงขึ้นอาจมีความจำเป็นที่ผู้ประกอบการต้องปรับราคาสินค้าขึ้นตามไปด้วย ซึ่งจะส่งผลกระทบต่อเงินเฟ้อและเป็นการผลักภาระให้กับภาคประชาชนในท้ายที่สุด
และวานนี้ รศ.ดร.ธนวรรธน์ พลวิชัย อธิการบดีมหาวิทยาลัยหอการค้าไทยและประธานที่ปรึกษาศูนย์พยากรณ์เศรษฐกิจ ได้แถลงข่าวการประมาณการเศรษฐกิจไทยปี 2567 โดยระบุว่า แนวโน้มเศรษฐกิจปี 2567คาดการณ์จีดีพีจะขยายตัวได้ 3.2% (ยังไม่รวมโครงการดิจิทัล วอลเล็ต 5 แสนล้านบาท) ขณะที่การส่งออกกลับมาขยายตัว 3% อัตราเงินเฟ้อทั่วไปอยู่ที่ 2% หนี้ครัวเรือนปรับลดลงมาอยู่ที่ 87.8% ต่อจีดีพี และจำนวนนักท่องเที่ยวต่างชาติ 35 ล้านคน
อย่างไรก็ตาม ยังได้ระบุถึงปัจจัยเสี่ยงที่ต้องระวังคือ 1.ความขัดแย้งทางภูมิรัฐศาสตร์มีแนวโน้มขยายขอบเขตมากขึ้น 2.เศรษฐกิจโลกมีการขยายตัวที่ชะลอลง 3.การฟื้นตัวของเศรษฐกิจจีนยังมีข้อจำกัด 4.หนี้สินภาคครัวเรือนและภาคธุรกิจที่ยังสูงกดดันการบริโภคและการลงทุน 5.ปัญหาภัยแล้งที่รุนแรงกว่าปีก่อน และหุ้นกู้ที่ครบกำหนดปริมาณมากอาจกดดันให้บริษัทจดทะเบียนขนาดกลางและเล็กเสี่ยงล้มละลาย
นอกจากนี้ ยังได้จัดทำสมมุติฐานในการประเมินเศรษฐกิจไว้ 4 กรณี คือ 1.กรณีที่แย่ สงครามอิสราเอล-ฮามาสยืดเยื้อทำให้เศรษฐกิจโลกซึมตัว วิกฤตในทะเลแดง กดดันการส่งออก มองว่าจะทำให้เศรษฐกิจขยายตัวได้ 2.2% 2.กรณีฐาน เศรษฐกิจโลกฟื้นตัวแบบค่อยเป็นค่อยไปธนาคารกลางของประเทศใหญ่เริ่มผ่อนคลายนโยบายการเงิน จำนวนนักท่องเที่ยวต่างประเทศยังขยายตัว สถานการณ์ทางการเมืองภายในประเทศค่อนข้างมีเสถียรภาพ เศรษฐกิจขยายตัวได้ 3.2% 3.กรณีที่ดีกว่า หรือ เมื่อมีโครงการดิจิทัลวอลเล็ต มีผู้ได้รับสิทธิเพียง 90% ใช้งบประมาณ 400,000 ล้านบาท จะทำให้จีดีพีขยายตัว 4.2% และ 4.กรณีที่ดีที่สุดมีผู้ได้รับสิทธิ ดิจิทัล วอลเล็ต ทุกคนใช้งบประมาณ 500,000 ล้านบาท คาดเศรษฐกิจขยายตัวได้ 4.5%
“ปี’67 ภาพรวมเศรษฐกิจมีทั้งเสี่ยงทั้งลุ้น โดยเฉพาะสถานการณ์สงครามอิสราเอล ยังเป็นปัจจัยเสี่ยงที่อาจบานปลายออกไป ในขณะที่โครงการแจกเงินดิจิทัล วอลเล็ต ยังต้องลุ้นว่ามาตรการจะผ่านหรือไม่ ทั้งจากคณะกรรมการกฤษฎีกา การประชุมรัฐสภา สส.และสว. ซึ่งหากไม่ผ่านความเห็นชอบรัฐบาลจะมีมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจอื่นๆ มาทดแทนหรือไม่ ดังนั้น ปีนี้วางกรอบจีดีพีไว้กว้างๆ ที่ขยายตัวตั้งแต่ 2.2-4.5% เนื่องจากสถานการณ์ยังไม่มีความชัดเจน ขณะที่มองสมมุติฐานเศรษฐกิจโลกโตได้ 3% ราคาน้ำมันดิบ 75-85 เหรียญสหรัฐต่อบาร์เรล” ดร.ธนวรรธน์ กล่าว
ทั้งหลายทั้งปวงนี้จึงเป็นเหตุสำคัญรัฐบาลไทยจำเป็นต้องเร่งปรับโครงสร้างเศรษฐกิจในระยะยาวเพื่อให้สามารถแข่งขันและเติบโตเต็มศักยภาพได้อย่างเร็วที่สุด
กระบองเพชร
เงื่อนไขการแสดงความคิดเห็น ซ่อน
โปรดอ่านก่อนแสดงความคิดเห็น
1.กรุณาใช้ถ้อยคำที่ สุภาพ เหมาะสม ไม่ใช้ ถ้อยคำหยาบคาย ดูหมิ่น ส่อเสียด ให้ร้ายผู้อื่น สร้างความแตกแยกในสังคม งดการใช้ถ้อยคำที่ดูหมิ่นหรือยุยงให้เกลียดชังสถาบันชาติ ศาสนา พระมหากษัตริย์
2.หากพบข้อความที่ไม่เหมาะสม สามารถแจ้งได้ที่อีเมล์ online@naewna.com โดยทีมงานและผู้จัดทำเว็บไซด์ www.naewna.com ขอสงวนสิทธิ์ในการลบความคิดเห็นที่พิจารณาแล้วว่าไม่เหมาะสม โดยไม่ต้องชี้แจงเหตุผลใดๆ ทุกกรณี
3.ขอบเขตความรับผิดชอบของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ อยู่ที่เนื้อหาข่าวสารที่นำเสนอเท่านั้น หากมีข้อความหรือความคิดเห็นใดที่ขัดต่อข้อ 1 ถือว่าเป็นกระทำนอกเหนือเจตนาของทีมงานและผู้ดำเนินการจัดทำเว็บไซด์ และไม่เป็นเหตุอันต้องรับผิดทางกฎหมายในทุกกรณี